อนุทินล่าสุด


นางสาว arisara SASOM
เขียนเมื่อ

5 เมษายน  2556

  ตื่นนอน 05.30 น. วันนี้คุณซูซูกินัดเจอที่ห้องรับแขกด้านล่าง เวลา 07.30 น. ท่าน ผอ.นัดให้ไปก่อนเวลา คือ 07.00 น.ข้าพเจ้าไปเวลา 06.30 น. รับประทานกาแฟที่นำไปด้วย หาน้ำร้อนและถ้วยกาแฟที่ห้องอาหารชั้นล่าง จนถึงเวลาคุณซูซูกิ พาไปร้านสะดวกซื้อ เดินผ่านร้านกาแฟดอยตุง ของโรงพยาบาลโจไซ มีภาพ ดอยตุง ชาวเขาไทยติดตามทางเดินอย่างสวยงาม พบน้องตุตะ นักเรียนไทยที่มาทำหน้าที่ล่ามให้กับพวกเราเดินจนถึงถนนด้านนอก เห็นต้นซากุระออกดอกสวยงามมีคุณอาระกะวะซัง มาต้อนรับไปร้านสะดวกซื้อเลือกอาหารเช้ารับประทานกัน ไปดูมีบะหมี่ ข้าวปั้นญี่ปุ่น กล่องใหญ่มาก ข้าพเจ้าเลือก ได้แพนเค้ก ขนาดกำลังดี รับประทานเสร็จ คุณอาระกะวะซัง พาเดินไปถ่ายภาพต้นซากุระ และบอกว่าพรุ่งนี้จะมีพายุอาจจะทำให้ซากุระที่กำลังบานสะพรั่งอาจจะร่วงหล่นไม่มีให้เห็นแล้ว

  จากนั้นพาเดินดูบริเวณโรงพยาบาล human house ซึ่งเป็นบ้านพักของคนชรา ที่เป็นแบบพักที่นี่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต หรือแบบมาพักเป็นพัก ๆ แล้วกลับบ้าน ซึ่งบ้านพักที่นี่สำหรับคนที่ทำงานแล้วจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐบาลพอเกษียณอายุจึงได้รับการดูแลให้มาพักที่โรงพยาบาลโจไซ

  เวลา 09.20 meeting  มี ดร.ไท และดร.อักบรา มาต้อนรับ อธิบายเกี่ยวกับโรงพยาบาลโจไซ มูลนิธิ JIFF (Japan Internationel Friendship And Welfare Foundation) รพ.โจไซ ก่อตั้งเมื่อคศ. 1991 โดย ดร.ทาดะ ผู้อำนวยการคนปัจจุบัน ซึ่งให้การช่วยเหลือเกี่ยวกับอาสาสมัครนานาชาติ ช่วยเหลือประชาชนทั่วโลกที่ยากจนและมีปัญหา เป็นรพ.เอกชน มีบ้านพักสำหรับดูแลคนชราสร้างจากภาษีของประชาชน คนชราสามารถอยู่ได้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตและบางส่วนมาทำกายภาพบำบัดเมื่อหายดีแล้วกลับไปพักที่บ้านได้ บ้านพักคนชราเป็นที่พักอาศัยซึ่งคนชราส่วนมากมีบุตรแต่บุตรไม่ได้ดูแล หรือบางคนอยากจะมาอาศัยเอง เพื่อความสะดวกในด้านการรักษาพยาบาล บุตรหลานไม่ต้องดูแล รพ.จะดำเนินการจัดการดุแลให้ทั้งหมด ซึ่งคนชราที่สามารถมาอาศัยได้นั้นเป็นคนชราที่เคยทำงานและเสียภาษีให้กับรัฐบาล พอแก่แล้วรัฐบาลจ่ายเงินเลี้ยงดูให้ ปัจจุบันคนญี่ปุ่นเป็นครอบครัวเล็กๆ จึงนำคนแก่มาไว้ที่ รพ.แตกต่างจากสมัยก่อนที่คนญี่ปุ่นจะเป็นครอบครัวใหญ่

  มูลนิธิมูลนิธิ JIFF เคยช่วยเหลือ คนเวียดนาม อินโดจีน เอธิโอเปียตั้งแต่ ค.ศ. 1982 -1984 และจากนั้นไปช่วยเหลือที่ประเทศปากีสถาน ค.ศ. 1991-2002 ร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้า MFLF(Mae Fah Loung Foundation ) โรงพยาบาลแม่สาย ส่งรถพยาบาล เครื่องมือทางการแพทย์ให้กับ รพ.แม่สายเพื่อรักษาโรคมาเลเรีย โรคเอดส์ ฯลฯ ในประเทศ พม่า ลาว ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 ได้ทำMOU กับเทศบาลแม่สายเป็นเมืองพี่ เมืองน้อง เพื่อให้มีสายสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนในการที่นักเรียนและครูได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมในครั้งนี้ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นเพื่อการสายสัมพันธ์ต่อไป

  จากนั้นดร.อักบราได้นำคณะเดินดูส่วนต่างๆของโรงพยาบาลโจไซ ซึ่งมีระบบการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการตรวจรักษาให้กับผู้ป่วย ได้ไปดูห้องตรวจคนไข้ โรคกระดูก ห้องตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ CTSCAN ที่ใช้ MEMORY CARDในการเก็บข้อมูลของคนไข้ซึ่งสามารถค้นหาได้อย่างสะดวกรวดเร็วห้องMRI ห้องผ่าตัด ฯลฯ มุมกาแฟ ที่สามารถมองออกไปเห็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ในการขนส่งคนไข้ จากนั้นพาไปรับประทานอาหารของโรงพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทั้งหมดจะมารับประทานกันที่นี่ อาหารจะจัดเป็นชุด ๆ ให้บริการน้ำซุปและข้าวสวยด้วยตนเอง ข้าพเจ้าสั่งซาบู ซึ่งเป็นเส้นหมี่และผัก ชามใหญ่ กินพร้อมน้ำซุปและผักราดน้ำมายองเนส เมื่อรับประทานแล้วทุกคนจะต้องนำชุดอาหารไปเก็บเองโดยก่อนจะเก็บจะนำไปที่อ่างล้างเศษอาหารออกวางถ้วยชามบนอ่างน้ำสำหรับล้าง ช้อนและตะเกียบบนชาม แยกกันและมีอ่างล้างมือ ซึ่งข้าพเจ้าสังเกตเห็น ดร.ทาดะ เจ้าของโรงพยาบาลก็ทำเช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในช่วงรับประทานอาหารมี ดร.แพทย์เด็กมาสนทนาด้วย เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ท่านได้พาไปแนะนำห้องตรวจคนไข้เด็ก ซึ่งสวยงาม มีบรรยากาศที่ดี

  จากนั้นคุณไท เจ้าหน้าที่ของรพ.ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้กรุณาพาไปเที่ยวสวนสาธารณะและวัดที่มีดอกซากุระกำลังบานสวยงามมาก ก่อนกลับได้แวะที่ร้านซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อของใช้จำเป็นให้กับคณะของพวกเรา

  เวลา 16.50 Meeting ประกอบด้วยคณะของโรงพยาบาล ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมยูกิและเจ้าหน้าที่จากเมืองยูกิ ซึ่งประกอบด้วย คุณ Kita vice Mayor  คุณHARIGAI DIRECTOR คุณ KASHIMA คุณ ISIMA คุณ KAWAZOE เจ้าหน้าที่จากเทศบาลยูกิ ประชุมร่วมกันเกี่ยวกับการจัดตารางกิจกรรมให้กับนักเรียนและคณะครู ซึ่งตารางอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เวลาในการเรียนของนักเรียนเริ่มตั้งแต่ 8.50-15.30 น.หลังเลิกเรียนให้นักเรียนความความสะอาดห้องเรียน

  เวลา 18.00 น.มีการต้อนรับคณะของพวกเรา มีการเต้นรับโดยเจ้าหน้าที่ของรพ.โจไซ และให้นักเรียน 2 คนของเราร่วมกิจกรรมด้วย มีการเชิญคณะของพวกเราไปยืนด้านหน้าให้แนะนำตัวเอง โดยแนะนำชื่อเล่นสั้น ๆ จากนั้นกล่าวต้อนรับเริ่มต้นด้วย คุณ Kita vice Mayor  และบุคคลอื่นๆ อีก 5-6 คน รายการต้อนรับยาวมาก กล่าวต้อนรับยินดีที่ได้ต้อนรับคณะพวกเรา ขอให้บอกเกี่ยวกับปัญหาและความต้องการต่าง ๆ ซึ่งจะจัดการให้อย่างเต็มที่และหวังว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ยืนยาวและยั่งยืน และร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน ในช่วงรับประทานอาหารมีการเชิญบุคคลสำคัญ ต่าง ๆ กล่าวต้อนรับเพิ่มเติมอีก จนสุดท้ายได้เชิญท่านผู้อำนวยการประสงค์ นักเรียนทั้งสองคนและข้าพเจ้าไปกล่าวความรู้สึกในการมาญี่ปุ่นครั้งนี้ด้วย




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

นางสาว arisara SASOM
เขียนเมื่อ

ศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การศึกษาและวัฒนธรรม ประเทศญี่ปุ่น

4 เมษายน  2556

07.35  เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน การบินไทย TG 676 นำโดยท่านผู้อำนวยการ ข้าพเจ้า และนักเรียน 2 คน  ในช่วงที่รอโหลดกระเป๋าท่าน ผอ.ได้นำใบเข้าเมือง มาให้พวกเรากรอก เป็นบัตรเข้าเมืองไทย ขาเข้าและขาออก กรอกเสร็จเรียบร้อยข้าพเจ้าเก็บขาเข้าไว้ในกระเป๋า

  รับประทานอาหารบนเครื่องการบินไทย เป็นข้าวต้มกุ้ง ผลไม้แอปเปิ้ล องุ่น มะละกอ น้ำส้ม ครัวซอง ชาเขียว โยเกริตส์ใช้เวลาเดินทางจาก BKK ถึง NRT  6 ชั่วโมง เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมงพอดี ในช่วงว่าง ๆ แอร์นำใบเข้าเมืองญี่ปุ่นมาให้พวกเรากรอกตามตัวอย่างที่ได้ดาวส์โหลดมาทำให้การกรอกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

  15.15 เดินทางสนามบินนานาชาตินาริตะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ช่วงตรวจคนเข้าเมือง ข้าพเจ้ามีปัญหาเนื่องจากการสแกนนิ้วมือ มีปัญหาต้องทำอยู่นานสองนาน แต่ก็ทำสำเร็จได้ และนางสาวณัชชา มีปัญหาเจ้าหน้าที่ถามว่า ไปทำอะไรที่โรงพยาบาลโจไซ เนื่องจากที่เขียนสถานที่ไปคือโรงพยาบาลโจไซ เมืองยูกิและเขียนในเหตุผลที่มา คือ AS  tempolary  visiter แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไปถึงสนามบินนาริตะมี ดร.อักบรา และ เจ้าหน้าที่ไปรับ(โฮริเอะ) โดย รถสองคันคันหนึ่งใช้บรรทุก กระเป๋า อีกคันดร.อักบราขับ นำคณะของพวกเราเดินทางสู่ โรงพยาบาลโจไซเมืองยูกิ ไปถึงโรงพยาบาลโจไซตอน 19.15 น.มี ดร.ทาดะ คุณคอยเก๊ะซัง และคณะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พาไปดูห้องอาบน้ำรวม ห้องซาวน่า และพามารับประทานอาหารซึ่งจัดเป็นสำรับ เป็นชุดสำหรับคณะพวกเรา 5 คน คนละชุด คุณซูซูกิมาบอกพวกเรามีWIFI ให้ใช้ที่ข้างล่าง ในห้องพักไม่มีสัญญาณซึ่งพวกเราได้ใช้WIFI ติดต่อกับญาติที่เมืองไทยทำให้สบายใจในระดับหนึ่ง  โรงพยาบาลโจไซ ได้จัดให้พักสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง  ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

นางสาว arisara SASOM
เขียนเมื่อ
              20 เมษายน 2556   รพ.โจไซ เมืองยูกิ ประเทศญี่ปุ่น เวลา 15.48 น. ดีใจจังวันนี้อินเทอรเน็ตสามารถใช้ในห้องได้ หลังจากที่มาอยู่ญี่ปุ่นเป็นวันที่ 17 แล้ว มาส่งนักเรียน โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ 2 ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก มูลนิธิ JIFF JIFF (Japan Internationel Friendship And Welfare Foundation) ให้มาเรียนรู้การศึกษาและวัฒนธรรม ของประเทศญี่ปุ่น ในฐานะที่ เทศบาลอำเภอแม่สายและเทศบาลเมืองยูกิ ได้ตกลงเป็นบ้านพี่เมืองน้องให้การช่วยเหลือในด้านการแพทย์ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การศึกษา วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน วันนี้ท่าน ผอ. ภรรยาและนักเรียน คุณUSUI และคุณปุ้ย น้องคนไทยที่มาทำงานที่ญี่ปุ่นได้พาไปดูงานแอนิเมชั่นที่โตเกียว ข้าพเจ้าไม่ค่อยสบาย ตอนเช้าเวียนศรีษะ ทานยาแล้วไม่ดีขึ้นเลยขออนุญาตพัก นอนพักครึ่งวันตื่นมาทานยา ไทลินอล ยังมึนๆ ศรีษะ ไม่อยากนอนและเข้ามาดู GotoKnow เพราะเขียนบันทึก การศึกษาดูงาน การไปเยี่ยมโรงเรียน ต่าง ๆของญี่ปุ่นไว้ทุกวัน คิดว่าจะนำมาลงไว้ในอนุทิน ที่นี่เพื่อเตือนความจำ

ได้มารู้มาเห็นสิ่งต่าง ๆในญี่ปุ่นมากมายเป็นความรู้และประสบการณ์ที่ดีมาก  เห็นการทำงาน วัฒนธรรม การต้อนรับ การตรงต่อเวลาที่ทุกคนต้องรักษา การแสดงความเคารพ การดูแลซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นการนัดต่าง ๆ ทุกคนเห็นความสำคัญของการมาตรงเวลา  สิ่งอำนวยความสะดวกของเมือง ห้องสมุด  ยิมนีเซียม สวนสาธารณะ  พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โรงงานกำจัดขยะ ฯลฯมากมาย ขอบคุณค่ะ




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

นางสาว arisara SASOM
เขียนเมื่อ

19 มีนาคม 2556 มีพระธีรพล สันยโม และคุณโต้ง  เกษมศักดิ์ กิติคุณไพโรจน์ มาพบทั้งสองท่านมาคุยเกี่ยวกับโครงการหนังสือเล่มเล็กของท่านมูลนิธิพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้จัดทำหนังสือเล่มเล็ก สำหรับให้นักเรียนได้อ่านเพื่อฝึกสมาธิก่อนการเรียน โดยทางมูลนิธิจะส่งหนังสือมาให้4 เท่าของจำนวนนักเรียน นักเรียนมปศ.มีจำนวน 2584 คน ประมาณ 10,000 เล่ม สำหรับให้นักเรียนในแต่ละห้องเรียนอ่านก่อนเรียนสัก 5-10 นาทีเพื่อเตรียมสมาธิและความพร้อมของจิตใจก่อนเรียน เป็นหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ ที่เป็นเรื่องจริงในชีวิตประจำวัน การปฏิบัติตัวง่าย ๆ เพียงแค่อ่านครั้งละหน้าก็สามารถจะรู้เรื่องและปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดการเรียนรู้คู่คุณธรรม ซึ่งท่านมาซูโอะ ได้รับรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ท่านได้เขียนหนังสือทุกๆ ปี ประมาณ ปีละ 1 เล่มขณะนี้เขียนได้แล้ว 16 เล่มในการที่ท่านให้หนังสือแก่โรงเรียนเพื่อให้นักเรียนได้มีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน และท่านได้ขอให้นักเรียนเขียนเรียงความ เรื่องราว ข้อคิด เกี่ยวกับการที่ได้อ่านหนังสือของท่าน ในสิ้นปีการศึกษา เมื่อได้อ่านแล้วนักเรียนได้อะไร มีข้อสะกิดใจอะไรบ้าง มีสิ่งต่าง ๆอะไรที่เกิดในชีวิตนักเรียน

     ได้สืบค้นในอินเทอร์พบเว็บไซต์ http://www.watpahsunan.org/




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท