ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น
Bugatti Type 57SC
มาถึงรถคลาสสิคที่แพงที่สุดในโลกกันแล้วนะครับ กับ Bugatti Type 57SC ที่มีเพียง 3 คันในโลก ซึ่งถูกสร้างโดยชาวอิตาลี Ettore Bugatti ในปี 1936 ตามคำสั่งของ Baron Rothschild โดยนำเครื่องยนต์ขนาด 210 ลิตร ที่ให้ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. มาลงใน Bugatti Type 57SC นอกจากนี้ยังได้ Jean Ettore Bugatti มาเป็นผู้ออกแบบอีกด้วย แต่ต่อมาในปี 1971 ได้ถูก Peter Williamson ซื้อต่อในราคา $ 59,000 มาถึงในปี 2010 ได้มีการประมูลขายออกที่ราคา $ 38 ล้านบาท โดยมี Peter Mullin ได้ประมูลไป และนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ยานยนต์ Mullin ใน Oxnard รัฐ California รวมกับ Bugatti Type 57SC Atlantic สีดำ ของ Ralph Lauren นักออกแบบแฟชั่น และผู้คลั่งไคล้รถ Bugatti (บูกาติ)
ไม่มีความเห็น
Ferrari 250 GTO
อันดับ 2 ก็ยังคงเป็นของ เฟอรารี่ ที่มากับรุ่น 250 GTO ที่ถูกผลิตขึ้นในปี 1962-1963 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 280 กม./ชม.เลยทีเดียว โดยปี 2008 ได้ขายให้กับผู้ไม่ประสงค์ออกนามด้วยราคาสูงถึง $ 28,000,000
ไม่มีความเห็น
Ferrari 250 Testa Rossa
ได้ถูกผลิตขึ้นในปี 1957-1958 ด้วยจำนวนที่น้อยแค่ 22 คัน โดยมาพร้อมเครื่องยนต์สุดแรงในเวลานั้นคือ เครื่องยนต์ V12 ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า อีกทั้งยังสามารถทำความเร็วได้ถึง 270 กม./ชม. ต่อมาในปี 2009 ได้นำออกมาประมูลที่อิตาลี ซึ่งการประมูลในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพราะ Ferrari 250 Testa Rossa ได้ถูกประมูลไปในราคา $ 12,200,000 จากผู้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม
ไม่มีความเห็น
Ferrari 250 GT California Spyder
ต่อด้วยสุดยอดของรถสปอร์ตตลอดกาลอย่าง Ferrari (เฟอรารี่) ซึ่งในอดีตได้เคยผลิตรถสปอร์ตออกมาอย่าง 250 GT California Spyder ที่มีเพียง 50 คันบนโลกเท่านั้น โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ที่มี 250 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 240 กม./ชม. ต่อมาในปี 2008 ได้ถูกนำออกมาขายอีกทีด้วยราคา $ 11,000,000 ซึ่งมี James Coburn นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ
ไม่มีความเห็น
Bugatti Royale
Bugatti Royale ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1930 ซึ่งมาพร้อมความยาว 6.4 เมตร หนัก 3.1 ตัน และเครื่องยนต์ 8 สูบ ขนาด 12.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า สามารถทำความเร็สสูงสุดได้ 160 กม./ชม. โดยประวัติของรถคันนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อครอบครัวรถ Bugatti immured ได้ซ่อนรถไว้ในผนังบ้านตัวเอง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ถูกค้นพบ และยึดได้โดยนาซี ต่อมาในปี 1950 ได้มี Briggs Cunningham นักแข่งรถชาวสหรัฐฯ ได้ซื้อมาด้วยราคา $ 3,000 และนำมาเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์รถของเขาเอง จนเมื่อพิพิธภัณฑ์ของเขาต้องปิดตัวลงในปี 1986 เขาจึงต้องนำ Bugatti Royale ออกมาประมูลขาย โดยมีนักพัฒนาที่ดิน Huns Thulin ประมูลไปได้ในราคา $ 9,800,000 แต่ก็อยู่กับเขาได้เพียง 3 ปีเท่านั้น เพราะเขาได้ขายต่อด้วยราคา $ 15,700,000 ให้กับกลุ่ม Meitec ของญี่ปุ่น จนเมื่อถึงปี 2001 ทาง Meitec ได้เสนอขายให้กับบริษัทประมูลเอกชน Bonhams & Brooks ในราคา £ 10,000,000
ไม่มีความเห็น
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ถือว่าเป็นยุคแรกที่ใช้รถยนต์กันอย่างแพร่หลายตามท้องถนนเมืองไทยเคียงคู่ไปกับรถลาก รถม้า โดยมีชาวต่างชาติเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย แต่พอมาสมัยรัชกาลที่ 7 รถถูกส่งกลับไปต่างประเทศหมด อย่างเช่น เดอลาเฮย์ (DELAHAYE) ,อวีอองส์ (AVISIN ), วัวแซง (VOISIN ) เมืองไทยนิยมใช้กันมาก แต่หลังจากนั้นจอดทิ้งไว้ก็ไม่มีใครอยากได้
แต่ด้วยใจรักของคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นคุณค่าของรถโบราณ จึงเสาะแสวงหาซากรถเก่ามาบูรณะใหม่ โดยควักเงินจากกระเป๋าของตนเอง เพื่อจะชุบชีวิตให้รถคันนั้นกลับมามีสภาพเหมือนเดิม ทั้งนี้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสเห็นและสัมผัสคันจริง ๆ ไม่ใช่เห็นแต่รูปถ่ายในนิตยสาร นอกเหนือจากความชอบส่วนตัว
พร้อมกันกลุ่มคนเหล่านี้ได้จัดตั้งสมาคมรถโบราณขึ้นมา ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ทั้งผู้ที่เป็นเจ้าของรถโบราณอยู่แล้ว ตลอดจนผู้ที่นิยมชมชอบแต่ยังมิได้เป็นเจ้าของเกิดความตระหนักในคุณค่าทางประวัติศาสาตร์ของรถโบราณ และกระตือรือร้นที่จะบำรุงรักษารถยนต์อย่างถูกวิธี
“สมาคมรถโบราณก่อตั้งมาประมาณ 35 ปี สมัยก่อนเป็นแค่ชมรม และเมื่อ 6 ปีที่แล้วได้เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตกจึงทำให้คณะกรรมการเสียชีวิตไป 2 คน สมาชิกที่เหลือจึงให้ผมทำหน้าที่รักษาการนายกสมาคมไปพลางๆ ก่อน ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อสมาคมว่า “ชมรมรถโบราณลุฟท์ฮันซ่า-คาสตรอล” และเพิ่งมาเปลี่ยนเป็นสมาคมโดยการจดทะเบียนเมื่อปีที่ผ่านมา โดยนายกคนแรกก็คือ พ.ต.อ. แสวง จิรานุวัฒน์ และหลังจากนั้นมีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการและ ผมได้มีโอกาสรับเลือกเป็นนายก” ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย
ดังนั้นรถโบราณที่ว่าหาดูยาก คงไม่ยากอีกต่อไป ที่สำคัญเราได้มีโอกาสชม สัมผัส อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ได้จัดการประกวดรถโบราณขึ้นเป็นประจำทุกปี ในปีนี้ก็เช่นกัน โดยงานจะเริ่มประมาณเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ และจัดเป็นครั้งที่ 28 แล้ว
รกโบราณ
ไม่มีความเห็น
แกเร็ธ แฟรงก์ เบล
เบล เกิดที่คาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ เป็นลูกชายแฟรงค์ เบล และเป็นหลานชายของ คริส เพคส์ อดีตผู้เล่นของคาร์ดิฟฟ์ซิตี อีกด้วย โดยสมัยที่เจ้าตัวอายุได้ 9 ขวบ เจ้าตัวก็ได้รับความสนใจจากแมวมองของเซาท์แธมป์ตัน จากนั้น เบล ก็เข้าเรียนที่โรงเรียนวิทเชิร์ช ไฮสคูล ในคาร์ดิฟฟ์ที่ซึ่งลงเล่นรักบี้, ฮ็อคกี้ และวิ่งระยะไกล ไปพร้อมกับการเล่นฟุตบอล โดยระหว่างที่เรียนที่วิทเชิร์ช เบลก็ได้ฝึกฝีเท้ากับสถาบันฟุตบอลของทีมเซาแทมป์ตันที่เมืองบาธ ไปด้วยพร้อม ๆ กัน กล่าวกันว่าเมื่อกลับจากโรงเรียนเบลไม่เคยอ้อนวอนพ่อให้เปิดดูการ์ตูนหรือโทรทัศน์ มีแต่อ้อนวอนให้ออกไปเล่นฟุตบอล
เมื่ออายุได้ 16 ปี เบล ก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของโรงเรียนคว้าแชมป์ "คาร์ดิฟฟ์ แอนด์ เวล ซีเนียร์ คัพ" ไปครอง และเมื่อเรียนจบในช่วงซัมเมอร์ 2005 แผนกพลศึกษาของโรงเรียนก็ได้มอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านกีฬาให้กับดาวรุ่งรายนี้ด้วย
ไม่มีความเห็น
สแตนลี่ย์ แมทธิวส์ (Stanley Matthews)
สแตนลี่ย์ แมทธิวส์ ถือเป็นนักเตะที่เล่นฟุตบอลอาชีพยาวนานที่สุดถึง 33 ปีก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ด โดยปีกขวามหัศจรรย์ผู้นี้ป่วนกองหลังด้วยความเร็วจนเป็นเอกลักษณ์และได้รับฉายาพ่อมดแห่งการครองบอล
แมทธิวส์ เริ่มเล่นอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี กับสโมสร สโต๊ค ซิตี้ และเขาสามารถพาทีมขึ้นชั้นสู่ลีกที่สูงกว่าได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นแบล็ค พูลก็ซื้อตัวไป ซึ่งในที่สุดเขาก็นำทีมคว้าถ้วยเอฟเอคัพไปครอง ก่อนที่จะย้ายกลับมาช่วยกู้สถานการณ์อันย่ำแย่ของ สโต๊ค ซิตี้ จนกลับมายืนในลีคสูงสุดได้อีกครั้ง
ในขณะที่ฟอร์มการเล่นให้กับทีมชาติไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก และไม่ได้รางวัลใด ๆ มาประดับเกียรติยศส่วนตัว แต่ฝีเท้าของเขายังคงเป็นที่ยำเกรง ด้วยการไล่ถล่มอิตาลีถึง 4 ประตู ก่อนประกาศเลิกเล่นทีมชาติขณะอายุได้ 43 ปี
ปัจจุบัน สแตนลี่ย์ แมทธิวส์ เสียชีวิตแล้วในปี 2000 ด้วยวัย 85 ปี แต่ผลงานต่าง ๆ ของเขาก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไปอีกตราบนานเท่านาน
ไม่มีความเห็น
บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (Bobby Charlton)
นักฟุตบอลชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกที่มิวนิค เยอรมัน เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นกองกลางที่มีสัญชาตญาณการทำประตูที่ดีเยี่ยมและการเปิดเกมรุกที่เป็นยอด และยังขึ้นชื่อเรื่องความอึดในการเล่น วิ่งแรงดีไม่มีตกตลอด 90 นาทีอีกด้วย
เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นนักฟุตบอลที่กวาดรางวัลส่วนตัวและกับสโมสรมามากมาย โดยเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเกือบทำสถิติคว้าดับเบิลแชมป์ได้ หากไม่แพ้โบลตันในถ้วย เอฟเอ คัพในปี 1957 และยังมีโอกาสพาทีมคว้าแชมป์ต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ เขายังลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมากที่สุดถึง 606 นัดและยิงได้ 199 ประตู
ทางด้านผลงานในทีมชาติ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ผิดหวังกับฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1962 ที่ทีมต้องตกรอบด้วยการพ่ายให้กับบราซิล แต่หลังจากนั้นก็อังกฤษก็มีโอกาสชูถ้วยฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก และครั้งเดียว ในปี 1966 พร้อมทั้งได้บัลลงดอร์ในปีเดียวกัน
ปัจจุบัน เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ไม่มีความเห็น
ยูเซบิโอ (Eusebio)
ยูเซบิโอ ยอดนักเตะเจ้าของฉายา "ไอ้เสือดำแห่งโมซัมบิค" เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในบ้านเกิดตัวเอง เมื่ออายุ 15 ปี เขาได้รับการทาบทามจากยูเวนตุส แต่ถูกแม่ห้ามไว้ ต่อมาเมื่ออายุ 18 ปี ยูเซบิโอได้เริ่มต้นค้าแข้งต่างแดนกับสโมสรเบนฟิก้า ทีมดังในลีคโปรตุเกส และเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยนัดแรกที่ลงสนามเขาก็ซัดแฮตทริกได้ทันที หลังจากนั้น 1 ปีเขาก็ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ และรองเท้าทองคำไปครอบครอง นอกจากนี้ยังมีสถิติสวยหรูด้วยการลงสนามให้เบนฟิกา 301 นัด ยิงได้ 317 ประตู ทั้งนี้ ปัจจุบันเขาเป็นกรรมการด้านเทคนิคให้กับทีมชาติโปรตุเกส
ไม่มีความเห็น
เลฟ ยาชิน (Lev Yashin)
ยอดนายทวารชาวสหภาพโซเวียต หรือรัสเซียในปัจจุบัน โดยยาชินเป็นส่วนสำคัญของทีมชาติและสโมสรดินาโม มอสโก มีส่วนช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการเสียประตูจนได้รับชัยชนะ
ทั้งนี้ เลฟ ยาชิน เริ่มต้นอาชีพกับสโมสรดินาโม มอสโก หลังจากนั้น 4 ปี เขาได้รับคัดเลือกให้เล่นในทีมชาติชุดใหญ่ และคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปี 1956 นอกจากนี้ยังเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกทั้งหมด 3 ครั้ง และได้รับรางวัลบัลลงดอร์ ซึ่งนับว่าเป็นผู้รักษาประตูคนเดียวที่ได้รางวัลนี้ไปครองในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล
อย่างไรก็ตาม ยาชิน เสียชีวิตในปี 1990 ขณะผ่าตัดขา โดย เลฟ ยาชิน ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลหลาย ๆ คน ในฐานะผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่และนักกีฬาที่ทุ่มเทอีกด้วย
ไม่มีความเห็น
ซีเนดีน ซีดาน (Zinedine Zidane)
ยอดนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสผู้พกพาเทคนิคแพรวพราวพลิ้วไหวที่สุดคนหนึ่งของโลกลูกหนัง เพียบพร้อมทั้งทักษะการครองบอล การทำประตู การเปิดเกมรุก ถือเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติฝรั่งเศสในยุคนั้น
ซีดาน เกิดในครอบครัวอพยพชาวแอลจีเรียมุสลิม เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพเมื่ออายุ 17 ปี ติดทีมชาติครั้งแรกเมื่ออายุ 22 ปี หลังจากนั้น 2 ปี ซีดานได้โอกาสย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุส จนคว้าแชมป์ลีกอิตาลีมาครองได้สำเร็จ นอกจากนี้ช่วงจุดพีคของซีดานเกิดขึ้นเมื่อตอนฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยสามารถโหม่งประตูย้ำชัยชนะบราซิลไปในสกอร์ 3-0 และได้รับรางวัลบัลลงดอร์ในปีนั้น ถัดมาไม่นานยังพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ยูโรปี 2000 ได้อีก ด้วยผลงานการเล่นที่สุดยอดขนาดนี้ทำให้รีล มาดริด ทุ่มเงินซื้อตัวซีดานจากยูเวนตุสด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในขณะนั้นด้วยจำนวน 60 ล้านปอนด์ และแม้ค่าตัวจะแพงมหาศาลแต่คุ้มค่าทุกเม็ด เพราะเขาตอบแทนสโมสรด้วยการพาทีมราชันชุดขาวคว้าถ้วยแชมป์เปี้ยนลีคด้วยลูกวอลเลย์สุดสวย แต่หลังจากนั้นในปี 2006 ซีดานก็ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการหลังจากเกิดเหตุหัวโขก มาเตรัซซี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปีนั้น จนมีผลทำให้ทีมพ่ายแพ้ ซึ่งเป็นการปิดฉากเส้นทางในวงการลูกหนังที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่
ไม่มีความเห็น
โยฮัน ครัฟฟ์ (Johan Cruijff)
โยฮัน ครัฟฟ์ ยอดนักเตะแห่งทีมอัศวินสีส้ม เนเธอร์แลนด์ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่มีลีลาการเล่นสง่างามที่สุดจนได้ฉายาว่า "นักเตะเทวดา" ครัฟฟ์เกิดในเมืองอัมสเตอร์ดัม โดยบ้านเกิดของเขาอยู่ห่างจากสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่าง อาแจ็กซ์ เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งพ่อแม่ของเขาต่างก็ทำงานในสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ด้วย
ทั้งนี้ ครัฟฟ์ เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี กับสโมสรอาแจ็กซ์ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นสโมสรกึ่งอาชีพอยู่ จนกระทั่ง 2 ปีต่อมาอาแจ็กซ์กลายเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโลก และด้วยลีลาการเล่นที่รวดเร็วและสร้างสรรค์ ที่เรียกกันว่า “Total Football” ของเขา ทำให้ครัฟฟ์เป็นหัวใจหลักของทีมได้เสมอมา จนหลาย ๆ ครั้งที่การเล่นของเขานำมาซึ่งชัยชนะให้กับทางอาแจ็กซ์ และทีมชาติเนเธอร์แลนด์ได้หลายครั้งหลายครา
ผลงานในสนามของโยฮัน ครัฟฟ์ เองก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแฟนบอลทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัด โดยเขานำอาแจ็กซ์คว้าชัยด้วยผลงานการทำประตู 25 ลูก ใน 23 นัด คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุ 18 ปี หลังจากนั้นก็พาสโมสรคว้าแชมป์ยุโรป และพาทีมชาติคว้าแชมป์ยุโรปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ครัฟฟ์ไม่เคยพาอัศวินสีส้มสัมผัสกับความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลโลกได้เลยสักครั้ง โดยครั้งที่ใกล้เคียงที่สุดก็ทำได้เพียงแค่เข้าชิงกับทีมชาติเยอรมันตะวันตก ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดายที่สกอร์ 2-1
หลังจากบอกลาการโลดแล่นในสนาม โยฮัน ครัฟฟ์ ผันตัวเป็นผู้จัดการทีม เคยบริหารทีมชั้นนำอย่าง อาแจ็กซ์ และบาร์เซโลนา ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมดูแล คาตาโลเนีย สโมสรฟุตบอลในสเปน
ไม่มีความเห็น
เลโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi)
เมสซี่ ถือเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกที่ปัจจุบันยังคงโลดแล่นอยู่ในสนามฟุตบอล โดยความสำเร็จของเมสซี่ นั้นเทียบได้กับเปเล่และมาราโดน่าในยุคนั้น ด้วยถ้วยรางวัลมากมายในระดับสโมสรและระดับทวีป เหลือก็แต่เพียงฟุตบอลโลกเท่านััน
หนทางชีวิตนักฟุตบอลของเมสซีนั้นถือเป็นระดับฟ้าประทานเลยทีเดียว เขาเติบโตและฝึกหัดฟุตบอลในอาร์เจนตินา แต่ด้วยความผิดปกติทางร่างกายทำให้เขาสูงเพียง 140 ซม. ขณะอายุ 13 ปี ซึ่งแพทย์แนะนำให้ฉีดฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต ทว่ากลับต้องแลกกับค่าใช้จ่ายสูงถึงเดือนละ 30,000 บาท ทำให้พ่อของเขาถึงกับต้องถอดใจ แต่ท้ายที่สุดโชคก็เข้าข้าง เมื่อสโมสรบาร์เซโลนาเห็นแววของเด็กคนนี้ จึงขอให้รับการฝึกฝนกับทางสโมสรและพร้อมจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ ซึ่งผลการรักษาทำให้เขาสูงขึ้นเป็น 170 ซม.
สโมสรบาร์เซโลนาได้สร้างสุดยอดนักฟุตบอลของโลกขึ้นมาอีกคนหนึ่ง โดยเมสซี่เป็นได้ทั้งจอมพิฆาตประตู เพลย์เมคเกอร์เปิดเกมรุก รวมทั้งเป็นจอมตัดเกมในยามจำเป็น แถมสามารถทำเกมอย่างรวดเร็วได้ด้วยตัวเอง แต่จุดบอดของเขาคือการเล่นลูกโด่ง ซึ่งเป็นข้อจำกัดในเรื่องของส่วนสูงของเขานั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเมสซี่ยิงให้บาเซโลนาแล้วกว่า 200 ประตู คว้าแชมป์สโมสรยุโรป 3 ครั้ง แชมป์ลาลีกา 5 ครั้ง ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมบัลลงดอร์ถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ตรงข้ามกับผลงานทีมชาติที่ทำได้เพียง 19 ประตูจากการลงเล่น 66 นัด และยังไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันรายการใหญ่ ๆ ในนามทีมชาติได้เลย ซึ่งเราคงต้องติดตามผลงานของเขากันต่อไป
ไม่มีความเห็น
ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์
ยอดนักฟุตบอลชาวเยอรมันผู้ได้รับฉายาว่า “จักรพรรดิ” ด้วยลีลาการเล่นฟุตบอลที่เป็นพื้นฐานให้นักฟุตบอลรุ่นใหม่ เบ็คเคนบาวเออร์เป็นนักฟุตบอลที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง แต่เป็นที่จดจำในตำแหน่งสวีปเปอร์หรือตัวตัดเกม และสามารถนำพาทีมชาติเยอรมันตะวันตกเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกทั้งในฐานะกัปตันทีมเมื่อปี 1974 และในฐานะผู้จัดการทีมเมื่อปี 1990 และได้ถ้วยสโมสรยุโรปถึง 3 ครั้งกับบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งยังไม่มีใครทำได้จนถึงปัจจุบัน
ในปี 1999 ที่มีการเลือกนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษเบ็คเคนบาวเออร์ ได้อันดับ 3 ไปครองเป็นรองแค่ เปเล่ และ โยฮัน ครัฟฟ ทั้งนี้ ในปัจจุบันเขาทำงานเป็นกูรูในวงการฟุตบอลประจำรายการโทรทัศน์เยอรมัน บรรณาธิการเขียนคอลัมน์ฟุตบอล และยังเป็นผู้มีส่วนผลักดันให้ประเทศเยอรมันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2006 ด้วย
ไม่มีความเห็น
ดิเอโก้ มาราโดน่า
เสือเตี้ยผู้ยิ่งใหญ่ชาวอาร์เจนตินา ผู้มีลีลาการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าซ้ายอันยอดเยี่ยม และลีลายียวนกวนประสาทที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการนำทีมชาติอาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้วในปี 1986
มาราโดน่าเริ่มต้นวงการฟุตบอลอาชีพเมื่ออายุ 15 และเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่ออายุ 17 แต่ยังไม่ได้แชมป์ในทันทีในปี 1982 หลังจากนั้น มาราโดน่าก็ย้ายจากสโมสรโบคา จูเนียร์ สู่ บาร์เซโลนา ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสูงสุดในตอนนั้นจำนวน 5 ล้านปอนด์ อีกทั้งยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์ต่าง ๆ มากมาย ก่อนจะย้ายไปสโมสรนาโปลี ในลีคอิตาลีด้วยค่าตัวที่สร้างสถิติใหม่อีกครั้งที่ 6.7 ล้านปอนด์ หลังจากนั้น มาราโดน่าก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและความเครียด จนต้องระเห็จออกจากสโมสรไป ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่ที่โบคา จูเนียร์
สำหรับผลงานกับทีมชาตินั้นยิ่งใหญ่และอื้อฉาวพอกัน ซึ่งเหตุการณ์ที่เป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดคือ ตอนฟุตบอลโลกปี 1986 ที่มาราโดน่าเป็นกัปตันทีม เขาพาลูกทีมไปถึงรอบสุดท้ายและทำประตูแรกด้วยมือในแมทช์ที่ปะทะกับทีมชาติอังกฤษ จนเป็นที่มาของฉายา “Hand of God” และยังเป็นผู้ย้ำชัยลูกที่ 2 ด้วยตัวเองจากการครองบอลกว่าครึ่งสนามก่อนจะหลอกผู้รักษาประตูจนหัวทิ่มแล้วซัดตุงตาข่าย โดยผลงานชิ้นนี้ถูกเลือกให้เป็นการปิดสกอร์ที่ดีที่สุดในโลกเมื่อปี 2002
มาราโดน่า ลาวงการด้วยปัญหายาเสพติดในปลายยุค 90 การใช้ชีวิตแบบร็อคสตาร์มากกว่านักกีฬาไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีเท่าไรนัก แต่ด้วยเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าเยี่ยมและรางวัลการันตีมากมาย ฟีฟ่าจึงเลือกให้เป็นผู้เล่นแห่งศตวรรษที่ 20 เคียงคู่กับราชาลูกหนังอย่างเปเล่ ปัจจุบัน มาราโดน่า ยังคงทำงานในวงการฟุตบอลในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งล่าสุดคือสโมสร อัล วาสล์ ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต
ไม่มีความเห็น