อนุทินล่าสุด


จิราภรณ์
เขียนเมื่อ
ความสำคัญของการออกกำลังกาย

 การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพ  เนื่องจาก

1. ช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้นโดยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้มากขึ้น ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตต่ำ มีภูมิต้านทานโรคดีขึ้น และป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน  โรคอ้วน โรคข้อเสื่อม  

2. ช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัว ทำให้ทรงตัวดีขึ้น และทำให้เคลื่อนไหวคล่องแคล่วขึ้น                              

3. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น

4. ช่วยลดความเครียด และทำให้การนอนหลับพักผ่อนดีขึ้น   



ความเห็น (1)

มาออกกำลังกายกันเถอะค่ะ

จิราภรณ์
เขียนเมื่อ

10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน

 1. เบอร์รี่ 

          แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย

ไข่ไก่


 2. ไข่ไก่ 

          ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย

ถั่ว


  3. ถั่ว 

          ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย

มะม่วงหิมพานต์


  4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์ 

          เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย

ส้ม



 5. ส้ม 

          เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว

http://img.kapook.com/image/Food/sweet%20potato.jpg" alt="มันเทศ" width="350" height="222" border="0" />


 6. มันเทศ 

          อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ

บร็อกโคลี


  7. บร็อคโคลี่ 

          เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย

http://img.kapook.com/image/Food/Beverage-Drink/a%20cup%20of%20tea.jpg" alt="ชา" width="350" height="238" border="0" />


  8. ชา 

          แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ

คะน้า


  9. คะน้า 

          มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก

โยเกิร์ต


  10. โยเกิร์ต 

          อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

จิราภรณ์
เขียนเมื่อ

 1. เบอร์รี่ 

          แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย

ไข่ไก่


 2. ไข่ไก่ 

          ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย

ถั่ว


  3. ถั่ว 

          ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย

มะม่วงหิมพานต์


  4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์ 

          เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย

ส้ม



 5. ส้ม 

          เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว

http://img.kapook.com/image/Food/sweet%20potato.jpg" alt="มันเทศ" width="350" height="222" border="0" />


 6. มันเทศ 

          อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ

บร็อกโคลี


  7. บร็อคโคลี่ 

          เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย

http://img.kapook.com/image/Food/Beverage-Drink/a%20cup%20of%20tea.jpg" alt="ชา" width="350" height="238" border="0" />


  8. ชา 

          แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ

คะน้า


  9. คะน้า 

          มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก

โยเกิร์ต


  10. โยเกิร์ต 

          อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

จิราภรณ์
เขียนเมื่อ

ข้อน่ารู้เกี่ยวกับรอยยิ้ม!!

     1. การยิ้มเป็นประจำช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด โดยร่างกายจะหลั่งสารแอนเดอร์ฟีนไปที่สมองทำให้อารมณ์แจ่มใส

      2. เคล็ดลับในการยิ้ม ควรยิ้มทั้งปากและตา และมองตากันค้างไว้อย่างน้อย 3 วินาที เพื่อให้ต้องมนต์สะกดอย่างแท้จริง

      3. นักมนุษยวิทยาสังเกตพบว่า การยิ้มเห็นได้ชัดไกลตั้ง 45 เมตร ในขณะที่อารมณ์อื่นต้องเข้าใกล้ๆ ถึงจะเห็น

      4. การยิ้มที่ดีต้องยิ้มให้ถูกทีถูกเวลาและถูกกาลเทศะด้วย มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายกับตัวเอง

     5. รอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้านานเกินไป มักจะดูเหมือนหุ่นยนต์ หรืออีกอย่างหนึ่งเรียกว่า ยิ้มเสแสร้ง คุณควรมียิ้มที่จริงใจดีกว่า เพราะถ้ายิ้มเสแสร้งของคุณเด่นชัดเกินไป ผู้คนจะไม่เชื่อถือ

      6. วิธีมีรอยยิ้มอันสดใส คือหัดยิ้มบ่อยๆ และจริงใจ ยิ่งคุณยิ้มมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น และคุณเองก็มีความสุขควบคู่กันไปด้วยเหมือนกัน

      7. ยิ้มไม่ต้องหารจากไหน เพียงแค่ขยับมุมปาก ก็หายิ้มเจอ

 



ความเห็น (2)

ยิ้ม ๆ ๆ ขอบคุณครับ…. “ยิ้มไม่ต้องหารจากไหน เพียงแค่ขยับมุมปาก ก็หายิ้มเจอ”

ไม่ต้องซื้อหาและสร้างมิตรภาพได้เสมอ ยิ้มๆๆๆ ขอบคุณครับยิ้มไว้ดีแน่

จิราภรณ์
เขียนเมื่อ
 

“ยิ้ม”เกิดได้อย่างไร มีประโยชน์อย่างไร??

 

 

     รอยยิ้ม เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ 2 มัดใหญ่ คือ ไซโกเมติก เมเจอร์ ( Zygomatic major) ที่จะช่วยดึงมุมปากให้ยกขึ้นไปหาโหนกแก้ม และออร์บิคิวลาริส ออคิวไล (Orbicularis Oculi ) ที่จะช่วยดึงเนื้อแก้มและเบ้าตาให้ยกขึ้น

 เมื่อเปรียบเทียบการยิ้มกับการแสดงสีหน้าแบบอื่น เช่น โกรธ เศร้า เคร่งขรึม วิตกกังวล ฯลฯ แล้ว จะพบว่าการยิ้มใช้กล้ามเนื้อใบหน้าน้อยกว่าการแสดงสีหน้าแบบอื่นมาก การยิ้มจึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า และทำให้ใบหน้าดูดีกว่าการแสดงสีหน้าแบบอื่นๆ ด้วย

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

จิราภรณ์
เขียนเมื่อ

วิธีบังคับตัวเองให้ทำงานสำเร็จ

รองศาสตราจารย์รณชัย คงสกนธ์ : ผู้รวบรวมและเรียบเรียง

 

การบังคับตัวเองเป็นเรื่องที่พูดกันมานับเป็นพันๆปี
มนุษย์บังคับอะไรๆได้แทบทุกอย่าง แต่บังคับตัวเองไม่ได้
ที่ว่าตัวของตัวเองนั้นหมายถึงใจของตัวเอง ปราชญ์กล่าวว่าผู้ที่บังคับใจตนเอง
(ชนะใจ) ได้นับว่าชนะเลิศเพราะจะสามารถบังคับหรือเอาชนะสิ่งอื่นได้ด้วย

คนบางคนเพียงแต่จะบังคับตัวเองให้ตื่นเช้าก็ยังทำไม่ได้
นี่เป็นการแพ้ตัวเองอย่างเลวที่สุด
มีคนเป็นอันมากที่กำหนดว่าจะทำงานอย่างนั้นๆไว้อย่างใหญ่โต
หากได้ลงมือจริงๆก็จะพบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม
แต่เมื่อลงมือทำไปสักหน่อยก็เหนื่อยๆจนเลิกล้มไป ตัวเองก็ไม่ได้ก้าวหน้าอะไร
เลยพาลโทษโน่นโทษนี่ ที่จริงความล้มเหลว
ความไม่สำเร็จนั้นเกิดจากที่ไม่อาจเอาชนะใจตนเองได้

ความสำเร็จในการทำงานทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่วินัย

วงการต่างๆไม่ว่าจะเล็กใหญ่เพียงใดจำต้องมีวินัย
มิฉะนั้นแล้ววงการนั้นก็ไม่อาจทำอะไร ให้สำเร็จได้ ในที่สุดก็ต้องเลิกล้มไป
เมื่อเราเข้าโรงเรียน เราก็พบกับวินัยของโรงเรียน ซึ่งบางทีเราก็พยายามหลีกเลี่ยง
เป็นทหารก็พบกับวินัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ถ้าได้เข้าทีมฟุตบอลหรือทีมกีฬาก็พบกับวินัยอีก
ทีมฟุตบอลหากไม่มีวินัยก็ยากที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้
การที่วงการเหล่านี้จะมีวินัยดี คือให้สมาชิกปฏิบัติตามระเบียบ
ที่วงการนั้นๆตั้งขึ้น สมาชิกทุกคนจะต้องมีวินัยของตัวเองเสียก่อน

คิดว่าแต่ละคนจะต้องมีวินัยของตัวเอง
เป็นสิ่งสำคัญและมีค่าอย่างยิ่ง

ท่านอาจตั้งวินัย หรือระเบียบให้แก่ตัวเอง เช่นว่าตื่นเช้าเวลา
6.00 น. กายบริหาร 20 นาที เข้าห้องน้ำ แต่งตัว 40 นาที 7.00 น. รับประทานอาหารเช้า
30 นาที แล้วเตรียมตัวไปทำงาน ระเบียบดังนี้ท่านตั้งของท่านเอง
ซึ่งท่านเห็นว่าเหมาะสมกับชีวิตประจำวันของท่านและจะทำให้การปฏิบัติงานของท่านเป็นไปอย่างราบรื่น
แต่ทำอยู่สองวันก็เลิก ตื่นเสีย 7.00 น. บ้าง
ตื่นแล้วกินกาแฟเสียก่อนโดยไม่ทันล้างหน้าอย่างนี้ คือทำผิดระเบียบ
ฝ่าฝืนวินัยของตนเอง แต่ก็ไม่มีใครลงโทษท่าน
ไม่เหมือนกับท่านฝ่าฝืนวินัยของโรงเรียน หรือวงงานอื่นๆ
ซึ่งท่านจะต้องถูกลงโทษมิอย่างใดก็อย่างหนึ่ง การที่ท่านฝ่าฝืนระเบียบของท่านเอง
แล้วไม่ต้องมีโทษนั้น ทำให้ได้ใจ ที่นี้ตั้งระเบียบอะไรไว้ ก็ฝ่าฝืนเรื่อยไป
บางคนไม่ตั้งระเบียบ ของชีวิต ไปอย่างเปะปะ
อย่างนี้ไม่มีทางที่จะพบกับความสำเร็จหรือความก้าวหน้า

หากท่านตั้งใจจะกำหนดระเบียบให้ตัวเอง ก็ย่อมทำได้
มีวิธีที่หลายคนได้ทดลองแล้วและประสบผลสำเร็จ

กำหนดความมุ่งหมายของท่านให้ชัดเจน

ความมุ่งหมายนั้นอาจเป็นงานที่ต้องทำในระยะยาว
หรือเป็นงานในวันหนึ่งๆก็ได้ แต่โดยมากเป็นงานที่ต้องใช้เวลานาน
ท่านต้องเขียนเรื่องที่ท่านต้องการจะทำให้สำเร็จลงเป็นลายลักษณ์อักษร
เพราะจะทำให้ท่านเห็นชัดขึ้น และรู้แผนงานแน่นอนกว่าที่จะติดเอาไว้ในใจ
ท่านต้องเขียนจุดมุ่งหมาย หรือเรื่องที่ท่านต้องทำให้แจ่มแจ้งชัดเจน
ต่อจากนั้นก็เขียนแผนงานว่าจะทำอะไรก่อนหลังเป็นลำดับไปจนถึงที่สุด

วันหนึ่งมี 1440 นาที ท่านอาจจะใช้เป็น เวลานอนเสีย 440 นาที
ยังมีเวลาอีก 1000 นาที ท่านควรแบ่งเวลานั้นมาสัก 14
นาทีในวันหนึ่งๆว่าวันรุ่งขึ้นท่านจะทำอะไรบ้าง ท่านเคยเขียนแผนงานประจำวัน
บ้างหรือเปล่า เชื่อว่ามีน้อยคนหรืออาจไม่มีเลย แต่ว่าการกระทำดังนี้
เป็นการฝึกตนเองอย่างเยี่ยม มักทำให้ท่าน เป็นคนเอาจริงเอาจัง
หรือที่เรียกว่าเป็นคนเอาการเอางาน

รายการที่จะเขียนไว้สำหรับวันรุ่งขึ้นก็คือ วันรุ่งจะทำอะไรบ้าง
เขียนไว้เป็นเรื่องๆตามลำดับความสำคัญ
ทำเครื่องหมายสำหรับเรื่องที่จะต้องให้เสร็จในวันนั้นๆ
พอรุ่งขึ้นท่านทำตามแผนงานที่กำหนด จนหมดเวลางาน
ท่านก็เอาแผนงานมาดูว่าได้ทำอะไรเสร็จไปบ้าง มีอะไรค้างอยู่
จะทำต่อไปวันรุ่งขึ้นอีกอย่างไร

เพราะฉะนั้นการวางแผนชีวิตก็ควรคำนึงถึงเวลาด้วย
อย่าวางแผนอย่างคิดฝัน ต้องดูว่าในวิสัย ที่ท่านจะปฏิบัติได้
และเมื่อได้กำหนดอะไรลงไปแล้ว ก็ต้องบังคับใจปฏิบัติตามแผนให้ได้ตามกำหนด
แรกๆจะรู้สึกว่ายากมากทีเดียว ระยะนี้แหละ ที่ท่านต้องเอาชนะใจให้ได้
หากท่านชนะหนแรก ก็จะทำให้ท่านมีกำลังใจแรงขึ้น
ต่อไปท่านก็เอาชนะใจของตัวเองได้ง่ายขึ้น ท่านก็จะกลายเป็นคนมีระเบียบ
มีความสำเร็จและเป็นที่เชื่อถือของคนอื่นๆ

เริ่มทำแต่ส่วนเล็กหรือส่วนย่อยๆก่อน

เวลาจะทำอะไร ถ้าคิดใหญ่โตเกินไปนักก็จะเกิดท้อ
เขาจึงแนะว่าควรแยกส่วนใหญ่นั้นออกเป็นส่วนย่อยๆทำให้เสร็จๆไปทีละส่วนจะไม่เหนื่อยแรง
และทำได้ง่าย เมื่อแรกลงมือทำนั้นรู้สึกอึดอัดใจ คิดอะไรไม่ออก
ทำอะไรก็ไม่ค่อยคล่องแคล่ว แต่ถ้าแข็งใจทำต่อไป ก็จะรู้สึกว่าทำได้รวดเร็ว
คล่องแคล่วขึ้น ข้อสำคัญอยู่ที่ลงมือเท่านั้น

 

มีข้อแนะนำปลีกย่อยอีกสองสามอย่าง ดังต่อไปนี้

      1. ต้องพยายามรักษาระเบียบและความเรียบร้อย
      2. ฝึกตัวให้พักผ่อนเป็น
      3. ลองทำงานที่ยากเสียบ้าง


ความเห็น (2)

เขียนเป็น “บันทึก” ได้นะครับ ;)…

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท