อนุทินล่าสุด


หมอนอกบ้าน
เขียนเมื่อ

1 ก.ย. 55 เกือบ 11.00 น.

ทุกครั้งที่ผมได้ดูโฆษณาเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่มีน้องนักเรียนมัธยมปลายมาพูดว่า "อยากเป็นหมอ"

ผมและภรรยาจะขำและแซวน้องเค้าหน้าจอทีวีบ่อยๆว่า "แต่ลุงอยากเลิกเป็นหมอนะลูก"

เครื่องดื่มนี้(และอีกยี่ห้อหนึ่งที่แข่งกัน) บรรยายคุณสมบัติว่าช่วยบำรุงสมอง ในฐานะหมอทางด้านสมอง ขอยืนยันว่ามันไม่จริง

ไม่งั้นผมจับกรอกปากลูกผมตั้งแต่เกิดแล้วล่ะครับ

และเท่าที่ทราบ หมอทางด้านสมองที่พอรู้จักกันก็ไม่มีใครให้ลูกกินทุกวันแน่ๆ

แต่มองในแง่เค้ามีกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ด้วยการจัดติวให้น้องๆม.ปลายได้เตรียมตัวสอบถือว่าดีมาก

ผมจึงไม่อยากแอนตี้มากนัก ...เรื่องนี้แสดงถึงความล้มเหลวในระบบการศึกษาปกติของเมืองไทยอย่างยิ่ง

(วันหลังค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ครับ)

ดังนั้นจุดประสงค์ที่ผมเลือกมาเขียนblog เรื่องชีวิตการเป็นหมอนี้

ก็หวังว่าจะมีน้องๆหลานๆหรือพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ลูกหลานท่านได้มาอ่านถึงชีวิตจริงๆของหมอเมืองไทยบ้าง

เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกคณะที่จะสอบเข้า

ผมพยายามจะพูดถึงทุกแง่มุมในชีวิตการเป็นหมอ มันก็มีทั้งดีมากๆจนถึงแย่มากๆ เหมือนกับวิชาชีพอื่นๆล่ะครับ

และคงจะพูดคุยไปเรื่อยๆ ตามแต่จะนึกได้ หรือมีเหตุการณ์ที่น่าบันทึกไว้ ไม่ได้เรียงตามลำดับของเหตุการณ์แต่อย่างใด และคงเขียนเป็นตอนสั้นๆ เพราะไม่ค่อยมีเวลาว่าง...จริงๆผมพิมพ์ดีดไม่เก่งครับ^^

ทีแรกว่าจะกำหนดหัวข้อ เขียนให้สมบูรณ์แบบแล้วค่อย post ยาวๆเลย แต่คิดว่าเขียนblog มันไม่ใช่เขียนวิจัยทางการแพทย์

ไม่ต้องเลิศเลอperfect ขนาดนั้นก็ได้ เขียนไป ฟังความเห็นผู้อ่านท่านอื่นๆไป แก้ไขไป น่าจะสนุกกว่า

ชีวิตการทำงานของหมอเครียดมากพอแล้ว ผมไม่อยากมาเครียดเรื่องเขียนblogอีกเรื่อง

หรือท่านผู้อ่านมีความเห็นอย่างไรก็มาคุยกันได้นะครับ _/\_



ความเห็น (2)

เรียน คุณหมอ กิตติ ธงไชย ;)...

บล็อก ... เขียนเรื่องเล่าเรื่องใดก็ได้ครับ เท่าที่คุณหมออยากเขียน

โดยเราเน้น "พื้นที่ความสุขส่วนตัว" ที่คุณหมอจะได้รับ

และผู้อ่านแถวนี้ก็จะได้รับด้วยเช่นกันครับ

;)...

คุณหมอเขียนเป็นบันทึกบ้างก็ได้นะคะ ส่วนที่เป็นอนุทินเอาไว้เกริ่นแบบนี้แหละค่ะ จะคอยติดตามนะคะ ที่นี่สบายๆได้อยู่แล้วค่ะ จะวิชาการก็ได้ จะเรื่องรอบๆตัวก็ดี มีกัลยาณมิตรคอยแลกเปลี่ยนเสมอๆค่ะ

หมอนอกบ้าน
เขียนเมื่อ

31 ส.ค. 55 เกือบๆตีสอง

ผมนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ เงยหน้ามองรูปตัวเองรับพระราชทานปริญญาบัตรแพทยศาสตร์บัณฑิต เมื่อเกือบ20 ปีก่อน

แล้วนั่งสงสัยว่า ณ วันนี้ผมยังคู่ควรกับการได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่

จำได้ว่าช่วงนั้นทั้งโล่งใจที่เรียนจบ ทั้งดีใจที่ได้รับพระราชทานปริญญา มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ว่าจะออกไปเป็นหมอที่ดี ช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมให้สมกับที่เรียนมาอย่างยากลำบาก

แต่ถึงวันนี้ ถ้ามันมีงานอะไรสักอย่างที่ผมไปทำแล้วครอบครัวพอมีพอกินไม่อดอยาก ลูกๆได้เรียนสูงสุดเท่าที่เค้าต้องการจะเรียน ผมจะเดินไปยื่นใบลาออกพรุ่งนี้เช้าเลย!

ท่านคงนึกว่า หมอนี่คงอดนอนหรือทำงานหนักจนเพี้ยน เป็นหมอดีๆอยากลาออก

ท่านก็ลองค่อยๆอ่านชีวิตหมอที่ผมจะถ่ายทอดให้ท่านได้รับรู้ดูสิครับ แล้วท่านจะคิดว่าผมบ้าก็ยังไม่สาย

ว่าแต่ตอนนี้ผมง่วงแล้วล่ะ ไว้วันหลังนะครับ^^

 



ความเห็น (3)

ขอบพระคุณมากครับ พี่แสงแห่งความดี

ถ้าคุณหมอยังคิดและเขียนออกมาให้เรารู้สึกเป็นห่วงได้แบบนี้ แสดงว่าคุณหมอยังมีพลังในตัวอีกเยอะที่จะทำสิ่งดีๆค่ะ คนเรามีเวลาเหนื่อย เวลาท้อ และเวลาไม่อยากทำอะไรเพื่อคนอื่นได้เสมอ แต่ไม่ว่าจะเรื่องร้ายแค่ไหน เดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ ขอให้เราตั้งใจดี สะสมกำลังใจให้ตัวเองเอาไว้ เราก็จะไปต่อได้เสมอ 

เป็นกำลังใจให้ และจะคอยอ่านเรื่องราวของคุณหมอนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท