รักการอ่านฐานสังคมเรียนรู้
การจะปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผลจำเป็นต้องส่งเสริมให้เด็กไทยมีนิสัยรักการอ่านควบคู่ไปกับการค้นคว้าด้วยตัวเองในการส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ก็ไม่อาจเดินลัดขั้นตอนไปจากการส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านได้จากความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ และด้วยข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่านิสัยรักการอ่านคือรากฐานแห่งสังคมการเรียนรู้
คนไทยอ่านน้อยเพราะอะไรสถิติการอ่านหนังสือล่าสุด พบว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 2 เล่มในขณะที่คนเวียดนามอ่านปีละ 60 เล่ม และสิงคโปร์อ่าน 45 เล่ม ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับคนไทยคำถามหนึ่งที่ตามมาก็คือทำไมคนไทยจึงอ่านน้อย
ข้อเสนอในการสร้าง "วัฒนธรรมรักการอ่าน"
เพื่อให้การอ่านเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนไทยทุกวัย จึงมีแนวทางดังนี้
1. ขับเคลื่อนให้เกิดระบบสร้างสังคมการอ่าน 4 ระบบย่อยได้แก่
1) ระบบสาธารณสุขใช้ การอ่าน เป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กให้ความรู้แก่ผู้ปกครองในการช่วยส่งเสรมิพัฒนาการลูก
2) ระบบสวัสดิการทางสังคมนำ การอ่านเข้าไปสู่หน่วยบริการทุกจุด เพื่อช่วยในการปรับพฤติกรรมและพัฒนาสมอง
3) ระบบการศึกษา ศูนย์เด็กเล็กและสถานศึกษาทุกระดับส่งเสริมให้การอ่านเป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินมีความสุขและเป็นทักษะพื้นฐานของชีวิตที่จะนำไปสู่การสร้างกระบวนการเรียนรู้
4) ระบบสื่อสร้างสรรค์พัฒนาระบบหนังสือและกระบวนการสื่อสารสังคมให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านตลอดชีวิต
2. ขับเคลื่อนให้เกิดวัฒนธรรมรักการอ่านในทุกชุมชนโดยองค์กรส่งเสริมเรื่องการอ่าน นับตั้งแต่ระดับเด็กปฐมวัยไปจนตลอดชีวิต
อ้างอิง:สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ และคุณภาพเยาวชน. รักการอ่านฐานสังคมเรียนรู้. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.qlf.or.th/Home/Contents/909. (23 มีนาคม 2558), 2558.
โพสข้อมูลอ้างอิงให้ชัดจนด้วยครับ
แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ