ประสบการณ์ที่เกือบพลาดโดย..ไม่ได้ตั้งใจ
จากการออกเยี่ยมบ้านนักเรียนจำนวน ๓๖ ครอบครัว ในปีการศึกษานี้ ส่งผลให้ครูเล็กได้รับรู้สภาพครอบครัวตามความเป็นอยู่ที่แท้จริง ได้รับฟังการบอกเล่าถึงพฤติกรรมที่แตกต่างกันระหว่างที่บ้านและโรงเรียน และก็มีบางสิ่งที่ครูรู้แต่รู้ไม่ลึกเพียงพอ เช่นโรคประจำตัว กรณีตัวอย่างประสบการณ์ครั้งนี้ คือ คุณครูรู้ว่าเด็กเป็นโรคภูมิแพ้ เราก็เข้าใจว่า แพ้อากาศ อากาศหนาว แต่จริง ๆ เด็กแพ้กลิ่นทินเนอร์และอีกหลาย ๆ อย่างที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ครูต้องระวัง เพราะสำคัญถึงชีวิตเด็ก เนื่องมาจากการเยี่ยมบ้านเพราะคุณครูไม่รู้จักบ้านจึงขอให้เด็ก ๆ นั่งรถบอกทางและไปกันหลายบ้าน และต้องไปรอผู้ปกครองที่ไม่อยู่ด้วยเหตุว่าไกลจึงรอ ซึ่งบ้านที่รอเป็นบ้านที่ทำอุปกรณ์เกี่ยวกับรถ เด็กได้กลิ่นแต่คุณครูและเพื่อนที่ปกติไม่ได้กลิ่น พอเยี่ยมบ้านน้องก็พูดคุยกับคุณพ่อ อาการน้องก็ยังไม่เป็น จนคุณครูกลับไป ตกดึกน้องหายใจไม่ออก คุณพ่อและคุณแม่ต้องพอไปให้ออกซิเจนที่โรงพยาบาล คุณแม่โทรมาลาในวันรุ่งขึ้น จึงรู้ว่าน้องไปได้กลิ่นทินเนอร์ คุณหมอบอกว่ากลิ่นไปกระตุ้นหัวใจ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ได้ยินแล้วใจหายเลย พอเจอคุณแม่ก็ไหว้ขอโทษ เพราะไม่รู้ คุณแม่ก็เข้าใจว่าคุณครูไม่รู้และเข้าใจเจตนาที่จะเยี่ยมบ้าน ๑๐๐ % จึงเล่าเป็นกรณีตัวอย่างแก่ทุกท่านป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ เพื่อเป็นบทเรียน แต่ก็มีสิ่งที่ประทับใจก็มีนะคะคือ ความรู้สึกดี ๆ ที่ได้รับจากผู้ปกครองรุ่นแล้วรุ่นเล่า เพราะบางครอบครัวคุณครูก็เยี่ยมตั้งแต่พี่ ๆ จนมาถึงน้อง สร้างความรู้สึกดี ๆ ต่อเนื่อง และที่สำคัญ ครั้งนี้ได้ไปเยี่ยมเด็กที่บ้านไกลที่สุด รับรู้ได้ถึงความดีใจที่ผู้ปกครองมีให้ นับว่าเป็นกา รเยี่ยมบ้านที่หายเหนื่อยและมีคณค่าต่อความรู้สึกจริง ๆ.....มาดูภาพบรรยากาศ ทั้ง ๓๖ ครอบครัวกัน
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.548370295219729.1073741824.100001402891064&type=1
วันนี้อากาศดีมาก ๆ ฝนตกนิดหน่อย กำลังเย็นสบาย อินเตอร์เนตที่บ้านใช้ไม่ได้ เพราะสายเคเบิลถูกรถชนจนขาด สายหย่อนตกลงมาจากรถของเทศบาลที่สูงเกินไป ดึงรั้งให้สายเคเบิล สายโทรศัพท์ หย่อนลงมาต่ำมาก รถอีกคนที่วิ่งมาบรรทุกท่อเหล็ก กระจก สูงเกินไป เกาะเกี่ยวสารเคเบิลที่ข้ามฝั่งจากถนน เข้ามาที่บ้าน ถ้าเขาหยุดรถสักนิด แล้วค่อย ยกสายเคเบิลขึ้นให้รถผ่านไปได้ สายเคเบิลก็ไม่ขาด คนขับรถคันนี้ไม่ทราบเลขทะเบียน ช่างไม่มีน้ำใจในการใช้รถ ใช้ถนน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ขอบคุณบริษํัทTrueที่ให้บริการโดยแร็วแจ้งเหตุขัดข้องเมื่อเช้า บ่ายประสานงานมาแจ้งพื้นที่ให้มาดูหน้างาน รอว่าหน้างานจะแวะมาตอนไหน เพิ่งฟังบรรยายจากCEO True บอกว่าบริการได้เร็วประทับใจ ท่านแนะนำใ้ห้เปลี่ยนค่ายมือถือ และซื้อโทรศัพท์ ใหม่
เป็นชีวิตที่ไม่เคยบอกว่าดีกว่าผู้อื่น เพราะเรายังเป็นผู้ก้าวเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการขัดเกลาจิตใจ
คืนแรกและครั้งแรกของแม่ขาวน้อยนอนในกลด ได้บรรยากาศวัดป่าเลยล่ะ
การที่เด็กๆ ได้มีโอกาสมาฝึกหัดขัดเกลาใจได้นั้นเนื่องมากการตระหนักรู้ของผู้เกื้อหนุนทุกท่านที่เห็นว่า นี่คือชีวิตอันประเสริฐ
| อนุทิน ... ๔๔๖๒ |
"ง่ายแต่งาม"
บันทึกจากหนังสือ ... คำปรารภจากหนังสือ "ง่ายแต่งาม" โดย "พระไพศาล วิสาโล"
อ่านรายงานนี้แล้วสนุกดีค่ะ ผู้เชี่ยวชาญเขาโต้กันเรื่องการบริโภคเกลือ เพราะมีทั้งผู้ที่ศึกษาแล้วพบว่าคนจำนวนมากมายที่ยังคงกินเกลือมากเกินกว่าที่มีคำแนะนำไว้คือ ในอเมริกา สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (AHA) เขาแนะนำคนของเขาว่าควรกินเกลือโซเดียมไม่เกิน 1500 mg ต่อวัน ส่วนของปี 2010 ในคำแนะนำของคนอเมริกันก็แนะนำให้กินได้ 2300 mg ต่อวัน แต่ถ้าอายุ 51 ขึ้นไปหรือเมีเชื้อสายอาฟริกันหรือคนที่มีความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไตเรื้อรังให้เหลือแค่ 1500 mg ต่อวัน ผู้ที่ค้านว่าไม่ต้องจำกัดกันขนาดนี้นั้น เพราะเขารายงานว่า สำรวจแล้วพบว่ามีคนทำได้น้อยกว่า 5% อีกแล้วก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าลดลงมาตามที่แนะนำแล้วจะลดโรคได้จริงๆ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเข้มขนาดนั้น เอาแค่น้อยกว่า 3000 mg/วันก็น่าจะพอ แต่ฝ่ายที่สนับสนุนก็บอกว่ามีหลักฐานเชิงประจักษ์แล้วว่า ยิ่งลดเกลือได้ตามที่กำหนดก็จะยิ่งลดความดันโลหิตลงได้จริงๆ ต่างคนก็ต่างงัดเอาหลักฐานที่ตัวเองมีมาแสดงกัน อ่านรายงานนี้ได้จาก Medscape เรื่อง Salt in the Wound: Experts Debate Lowering Worldwide Sodium Intakes
ส่วนตัวเองก็คิดว่า ยิ่งน้อยยิ่งดี ถ้าเราลดได้เท่าไหร่ก็เป็นประโยชน์กับตัวเราเอง ร่างกายเราเองนี่แหละนะคะ โอกาสขาดเกลือมีน้อยกว่ามากเกินอยู่แล้ว เพราะกลุ่มที่ไม่สนับสนุนนั้นเขาไม่ได้บอกว่าลดแล้วไม่ดี แต่เขาอยากให้แนะนำในสิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้เท่านั้นเอง
รายงานนี้มาสนับสนุนให้กินเนื้อแดงๆ (เนื้อสัตว์สี่เท้า) ให้น้อยลง เพราะเขาบอกว่า พบว่าคนที่กินเนื้อน้อยกว่าจะเป็นโรคเบาหวานน้อยกว่าคนกินเยอะ โดยเฉพาะเนื้อที่ต้องผ่านกระบวนการทั้งหลาย อ่านรายละเอียดได้จาก Changes in Red Meat Consumption and Subsequent Risk of Type 2 Diabetes Mellitus. JAMA Intern Med . Published online June 17, 2013.
สรุปว่ากลับสู่ธรรมชาติดีที่สุดนะคะ กินผักกินปลาที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุด ดีต่อสุขภาพโดยรวมจริงๆ
พอจะมีเวลาบ้างแล้วหลังจากฝ่าฟันความไม่รู้เรื่องร้านกาแฟ จนพอจะรู้เปิดร้านขายได้
มีลูกค้าประจำ เลยออกไปปลูกต้นไม้ในวัด กะว่าจะทำสวนสวยๆข้างห้องน้ำวัดให้ได้
อาจต้องใช้เวลาแต่คงสนุกและเพลินดี