เกิดเป็นมนุษย์สิ้นสุดแค่ตาย ประดุจดังต้นไม้ล้มทับโลกาหมดลมเมื่อไรหาประโยชน์ใดเล่า ล้วนต้องถูกเผาหามไปป่าช้าชีวิตยังมีสร้างความดีไว้เถิด ได้ไม่เสียชาติเกิด ได้ไม่ต้องอายหมาอันว่า ความตายคือสัจธรรมความเที่ยง สิ้นสรรพสำเนียงเน่าเหม็นขึ้นมาจะเอาอะไร…จะเอาอะไรกันนักหนา…
ไม่มีความเห็น
การรู้สึกต่อปัจจุบันขณะ แต่ละขณะ แต่ละขณะเท่านั้น จึงจะก้าวไปสู่โลกุตรธรรมได้จริง หรืออาจจะพูดได้ว่า เพราะรู้สึกถึงสิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงมี หากไม่รู้สึกถึงมันสิ่งนั้นไม่ถูกใช้ แม้ภาวะมีอยู่ ก็คือไม่มีอยู่จริง ในขณะนั้น พูดโดยปรมัตถ์ทุกสิ่งมีเพราะความรู้สึก หากไม่รู้สึกกับมัน ทุกอย่างก็ว่างเปล่า กลับไปอยู่ธาตุเดิมแท้ของธรรมชาติ เป็นเช่น ตัดความโลภเสียด้วยการให้ทาน ตัดความโกรธเสียด้วยการเห็นใจซึ่งกันและกัน ตัดความหลงคือยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
ไม่มีความเห็น
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า ถ้าเราต้องการหมดความทุกข์ ต้องการมีความสุขก็จงอย่า คิดว่า โลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นของเรา ร่างกายของบุคคลอื่น เป็นเราของเรา จงคิดว่า ร่างกายมันเป็นพียงธาตุ 4 มันเข้ามาประชุมกัน เห็นร่างกายภายใน คือ ร่างกายของเรา ก็ทำความรู้สึกเพียงสักแต่ว่าเห็น คือ ไม่สนใจ ไม่ยึดถือว่ามัน กับเราจะอยู่ด้วยกันตลอดกาลตลอดสมัยสรุปสั่นว่า “ ใดๆ ในโลก ล้วนไม่ควรยึดมั่นถือมั่น “
ไม่มีความเห็น