อนุทินล่าสุด


Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

Today Motto



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

ข้อคิดในชีวิตประจำวัน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

ข้อคิดในชีวิต



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

8 เรื่องที่ไม่เคยรู้เลย

๑. มัดตราสังข์สามเปลาะ มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี - ภรรยา มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติติดอยู่สามบ่วงนี้ ไปนิพพานไม่ได้ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น

๒. เคาะโลงรับศีล ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีลแต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า อย่าเอาแต่มัวประมาทขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้

๓. สวดอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง จึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวด เพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวันดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวดให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้

๔. บวชหน้าไฟ มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์ ความจริงนั้น ไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟเป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุด มนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส แล้วพอใจในสมณะเพศ มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน

๕. การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพเพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่าตอนที่ยังอยู่ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้านั่นเอง จึงจะอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า

๖. การเวียนซ้าย ๓ รอบ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสามอันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลสตัณหาอุปทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย

๗. การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ เพื่อชี้ให้เห็นว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพาน ต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิพย์จากพระธรรม

๘. การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิและมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมาเพื่อจะบอกว่าได้กลับชาติใหม่แล้วตามวิบากของกรรมต่อไป

“อย่ามัวแต่หลง ลาภ ยศ สรรเสริญ หลงตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่ สิ่งทั้งหลายเอาไปตอนตายไม่ได้”การให้ธรรมทานชนะซึ่งการให้ทั้งปวงสัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ

๑ แชร์เท่ากับ ๑ ธรรมทาน สาธุอนุโมทนามิ

เพจสาระ @ยิ้ม



ความเห็น (1)

ธรรมดีๆ..สุดยอดครับ..มีน้อยคนที่เข้าถึงเรื่องนี้

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

แด่คุณครู…ผู้ให้

https://youtu.be/Fc8CaO0LgXA



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

ขอมอบ Clip นี้แก่ทุกๆ ท่านเป็นการระลึกถึงพระคุณคุณครู

https://youtu.be/rzTMS2xxLnQ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

ขอคารวะคุณครูผู้อบรมสั่งสอนให้ความรู้ ให้เป็นคนดีของสังคม

Happy Teacher’s Day

https://youtu.be/HRgsRiwXwGE



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

จุดเด่นของศาสนาพุทธ 4

๑๖.พระพุทธเจ้า ทรงเป็นพระสัพพัญญู ( ผู้รู้ความจริงทุกเรื่องที่ทรงอยากรู้ ) และพระพุทธเจ้า มิใช่เทพเจ้าผู้ทรงมีอำนาจล้นฟ้า ดลบันดาลสร้างธรรมชาติต่างๆ ขึ้นมา

๑๗.การฝึกสมาธิ สำคัญมากในพระพุทธศาสนา แม้ว่าศาสนาอื่นๆ ก็มีสอนให้คนมีสมาธิ แต่มีพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่สอน วิปัสสนา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้รู้แจ้งว่า ทุกสรรพสิ่ง เมื่อมีการเกิด ย่อมมีการดับ

๑๘.หลักคำสอนเรื่อง สุญญตา) หรือ นิพพาน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในพระพุทธศาสนา ถือเป็นคำสอนระดับสูงของพระพุทธศาสนาด้วย เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายทั่วโลกธาตุ ไม่มีสิ่งใด เที่ยงแท้ถาวร มีแต่ปัจจัย ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบกัน สรรพสิ่งในโลก จึงตกอยู่ในภาวะอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เหมือนกันหมด พระพุทธศาสนาจึงไม่สุดโต่งไปตามแนวศาสนาประเภทเทวนิยม หรือ ตามแนววัตถุนิยม ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ที่ต้องเวียนเกิดเวียนตาย จนกว่าจะบรรลุธรรม จึงจะดับเย็น เข้าสู่นิพพาน

๑๙.วัฏจักร หรือสังสารวัฏ เป็นคำสอนในพระพุทธศาสนา ตราบใดที่สรรพสัตว์ ยังไม่หลุดพ้นจากกิเลส ก็จะเวียนว่ายตายเกิด ไปตามภพภูมิต่างๆ ตามแรงเหวี่ยงของกรรม ไม่สิ้นสุด จนกว่าจะบรรลุธรรม ดังนั้น ทุกสรรพสัตว์ จึงต้องช่วยตนเอง เพื่อพัฒนาไตรสิกขา ให้หลุดพ้นจากโลภะ โทสะ และโมหะ หรืออวิชชา เพื่อการหลุดพ้นจากสังสารวัฏให้ได้ ฯ

~ เสียดายไม่ทราบชื่อฝรั่งผู้เขียน แต่ ก็แสดงว่า มีความเข้าใจในพระพุทธศาสนา มากกว่าคนไทยที่อ้างว่า นับถือพระพุทธศาสนาเสียอีก ขอกราบคารวะ และ ขอชื่นชมด้วยใจจริง

*เพิ่มเติม: ขอขอบคุณท่านที่ส่งลิงค์ต้นฉบับภาษาอังกฤษจากคนเขียนมาให้ กรุณากดอ่านได้ตามนี้นะครับ

นี่ครับ ต้นฉบับhttps://blog.sivanaspirit.com/differences-buddhism-religions/



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

จุดเด่นของศาสนาพุทธ 3

๑๐.พระพุทธศาสนาสอนว่า มนุษย์และเทวดาทุกชีวิต มีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมได้ ข้อสำคัญก็คือ ต้องใช้ความพยายามในการปฏิบัติ เพื่อชำระกิเลสให้พ้นไปจากจิตใจ พระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นมนุษยสามัญธรรมดา ที่หลุดพ้นจากทุกข์ได้ เพราะการประพฤติปฏิบัติมาหลายภพหลายชาติ

๑๑.กฎแห่งกรรมของทุกสรรพสัตว์ เป็นตัวอธิบายว่า เหตุใดคนถึงเกิดมาแตกต่างกัน กฎแห่งกรรมเป็นตัวอธิบายถึงภพภูมิที่สัตว์พากันไปเกิด

๑๒.พระพุทธศาสนา เน้นให้แผ่เมตตากรุณาไปยังสรรพสัตว์ ทุกภพภูมิ ทรงสอนให้ละจากการประพฤติชั่วทั้งปวง คือ อกุศลกรรมบท ๑๐ และให้ประพฤติปฏิบัติแต่ กุศลกรรมบถ ๑๐

๑๓.ธรรมะของพระพุทธเจ้า เสมือนแพ หลังจากบำเพ็ญเพียรจนดับทุกข์ได้แล้ว จะอยู่เหนือบุญและบาป ธรรมะทั้งปวงจะต้องไม่ยึดมั่นถือมั่น

๑๔.ไม่มีสงครามศักดิ์สิทธิ์ ในทรรศนะพระพุทธศาสนา การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การเบียดเบียนผู้อื่นด้วยเจตนา ผู้กระทำจะต้องรับกรรมทั้งสิ้น จนกว่าจะหลุดพ้นจากวัฏสงสาร การฆ่าในนามศาสนา ยิ่งกระทำมิได้ในพระพุทธศาสนา

๑๕.พระพุทธเจ้าสอนว่า กำเนิดสังสารวัฏ ไม่มีเบื้องต้นและที่สุด ถ้าหากสัตว์ยังดำเนินชีวิตไปตามอำนาจกิเลสที่มี อวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก ย่อมต้องเวียนเกิดเวียนตายต่อไป



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

จุดเด่นของศาสนาพุทธ 2

๖.พระพุทธเจ้า ไม่เคยให้สาวกใช้ความโดยปราศจากปัญญามานับถือ ตรงข้าม ทรงสอนให้ใช้ปัญญา พิจารณาคำสอนก่อนจะเชื่อ และเห็นจริงด้วยตนเอง และ ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ต้องนำคำสอนไปประพฤติและปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นด้วยตนเอง ไม่มีใครช่วยทำให้หลุดพ้น จากการเวียนเกิดเวียนตายได้ นอกจากให้แค่แนะนำ ชี้ทางที่ถูกต้องให้เท่านั้น

๗.คำสอนพระพุทธเจ้า เป็นสัจธรรมประจำโลก ที่เป็น และมีอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าทรงเป็นแต่เพียงผู้ค้นพบเท่านั้น พระองค์ไม่ใช่เป็นคนสร้างคำสอนขึ้นมา

๘.นรกในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่สถานที่กักขังสัตว์อย่างนิรันดร์ บุคคลทำบาปแล้ว ไปเกิดในนรก เมื่อพ้นกรรมแล้ว ก็สามารถกลับไปเกิดในภพที่ดีกว่าได้ และ สัตว์ที่ได้ไปเกิดในภพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภพเทวดา ภพมนุษย์ ภพเปรตวิสัย ภพเดรัจฉาน ก็สามารถเวียนกลับไปเกิดในนรกอีกได้ เช่นกัน

๙.พระพุทธศาสนา ไม่ได้สอนแนวคิดเรื่องบาปติดตัว เหมือนที่ศาสนาเทวนิยมสอน แต่สอนเรื่องกฎแห่งกรรม ซึ่งมีทั้งกรรมขาว กรรมดำ และกรรมไม่ขาวไม่ดำ

๑๐.พระพุทธศาสนาสอนว่า มนุษย์และเทวดาทุกชีวิต มีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมได้ ข้อสำคัญก็คือ ต้องใช้ความพยายามในการปฏิบัติ เพื่อชำระกิเลสให้พ้นไปจากจิตใจ พระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นมนุษยสามัญธรรมดา ที่หลุดพ้นจากทุกข์ได้ เพราะการประพฤติปฏิบัติมาหลายภพหลายชาติ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

ฝรั่งเขียนเรื่อง ความจริง และ จุดเด่น ของ พุทธศาสนา 19 ประการที่ต่างจากศาสนาอื่นๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

๑.พระพุทธศาสนา ปฏิเสธว่า มีผู้สร้างโลก ถือว่า ความเชื่อนี้ไร้สาระ ตรงข้าม โลกนี้ประกอบขึ้นจากเหตุธาตุทั้ง4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ประกอบกันขึ้นมา

๒.พระพุทธศาสนา ไม่ใช่ระบบความเชื่อที่จะใช้คำว่า Religion เพราะศัพท์นี้ หมายถึง ต้องมีความเชื่อในพระเจ้าผู้สร้างโลก

๓.จุดหมายปลายทางของพระพุทธศาสนา คือ ละกิเลสได้หมดแล้ว หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด หรือวัฏฏสงสาร ไม่ใช่ไปแค่ไปเกิดบนสวรรค์เท่านั้น

๔.พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ผู้ปลดปล่อยสรรพสัตว์ให้รอด สรรพสัตว์ต้องช่วยตนเอง เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสและวัฏฏสงสาร

๕.ความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธเจ้า และสาวก คือ ครูผู้สอนและลูกศิษย์ ไม่ใช่ตัวแทนพระเจ้า และทาสผู้รับใช้



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

พุทธศาสนาที่จริง ในมุมมองของชาวต่างชาติ

นี่ครับ ต้นฉบับhttps://blog.sivanaspirit.com/differences-buddhism-religions/



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของไทย อุทยานราชภักดิ์ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์1.พ่อขุนรามคำแหงมหาราช2.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช3.สมเด็จพระนารายณ์มหาราช4.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช5.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช6.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว7.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

Happy New Year 2020



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

เกิดได้อะไรมา ตามได้อะไรไป

 

เกิดมาทีแรกมันได้อะไรมา

เวลาเกิดมาแล้วดิ้นรนวุ่นวายด้วยทรัพย์สิน เงินทอง

วัตถุข้าวของ สมบัติในโลก

ก็เอามาบำรุงบำเรอร่างกาย

สังขารอันเต็มไปด้วยของไม่สะอาดนี้แหละ

ให้ดูไปจนถึงเวลาคนตาย เราตายได้อะไรไป

เอาอะไรติดตัวไปได้ไหม

ร่างกาย สังขารที่จิตใจมาห่วงอาลัยที่สุดนี้

เวลาตายแล้วเอาไปได้หรือ

 

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

เพื่อนที่ดีมีหนึ่งถึงจะน้อย

ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา

ดุจก้อนเกลือเค็มนิดหน่อยด้อยราคา

ยังมีค่ากว่าน้ำเค็มเต็มทะเล

มุกจังงัง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

ความสำเร็จ ไม่ใช่แค่ "รับปริญญา" 

แต่ต้องมีปัญญา "เลี้ยงพ่อ-แม่ ได้"

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

น่าคิด.....

Reading Rate

*Thais onlread around 3 minutes per year.

*People over 60 read the most, 4.30/per year.

*Average Thais read only 8 lines per year.

*Americans read 2 books per week.

*Ja[anese read 121 books per month.

*Kids over 10 go to library on;y 0.02/day.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

เหตุผลที่ทำให้คน.....ไม่ประสบความสำเร็จ.....ไม่มั่งคั่ง....ไม่ร่ำรวย

1. ไม่รู้ว่า...ชีวิตลิขิตได้...

2. ทำแต่สิ่งที่ชอบ...สิ่งที่ถนัด...

3. ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...

4. อยู่ในกฎกติกาที่ไม่มีทางชนะ...

5. ไม่มีเวลานึกถึงอนาคต...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

หน้าที่ของเราทุกคนคือ ต้องทำลายสิ่งชั่วร้ายในตัวของเรา

และบุคคลอื่น

It is human's responsibilty to destroy the devil

in one's self and others'.

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

ความทุกข์เป็นบทเรียนที่ประเสริฐของชีวิต เป็นเหตุกระตุ้นเตือนให้ก้าวไปข้างหน้า

Suffering is the great lesson of life.

It provokes us to move on.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

ธ  คือดวงใจผองไทยทั้งชาติ

เดิมพันของเรานั้นสูง

 ครั้งหนึ่ง เมื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์  ปราโมช

กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า

"เคยทรงเหนื่อย ทรงท้อบ้างหรือไม่" 

ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสตอบว่า

"ความจริงมันน่าท้อถอยหรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย

แต่ว่าฉันท้อไม่ได้เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน

เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมืองคือความสุขของคนไทย

ทั่วประเทศ"

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

 

"...ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้า

จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่นคง  เป็นปกติสุข

ความเจริญมั่นคงทั้งนั้น จะสัมฤทธิ์ผลเป็นจริงได้   

ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง

ด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจ

โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น..."

 

 

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

๕  ธันวาคม  ๒๕๕๒



ความเห็น (1)
Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

พ่อแห่งแผ่นดิน

ที่คนไทยทุกคนรักยิ่งชีพ

 

คนไทยทุกคนควรประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพ่อ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

Dr.DangAFS
เขียนเมื่อ

การดำรงชีวิต

โดยใช้วิชาการอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอ

จะต้องอาศัยความรู้รอบตัว

และหลักศีลธรรมประกอบด้วย

ผู้มีความรู้ดี แต่ขาดความยั้งคิด

นำความรู้ไปใช้ในทางที่มิชอบ

ก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมของมนุษย์

 

พระบรมราโชวาท วันที่ 18 กันยายน พุทธศักราช 2504



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท