ประสบการณ์และความรู้สึกที่ได้สนทนากับชาวต่างชาติ
วันพฤหัสบดี ที่ 2 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆอีก 7 คน ก็ได้นัดหมายกันไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาติ เวลา 18.00 น.ในงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ได้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2555 ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นประเพณีประจำจังหวัดอุบลราชธานี จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการแสดงศิลปะการแกะสลักเทียนและวัฒนธรรมการแห่เทียนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีชาวต่างชาติหลายประเทศเข้าร่วมในการแกะสลัดครั้งนี้ และได้แนะนำตัวศิลปินประติมากรรมชาวต่างประเทศ ที่ได้จัดส่งผลงานและ รวม 9 ชาติ ซึ่งประกอบด้วยศิลปินช่างประติมากรรม จากประเทศตุรกี โรมาเนีย อาร์เจนตินา ไต้หวัน ยูเครน เนปาล เยอรมันนี ญี่ปุ่นและตัวแทนช่างแกะสลักต้นเทียนจากประเทศไทย เป็นต้น
เพื่อเข้าร่วมงานประติมากรรมเทียนนานาชาติ ในงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ครั้งที่ 7 ประจำปี 2555 เพื่อที่จะได้เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมที่มีความงดงามล่ำค่าไว้สืบเนื่องต่อกันไปสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน เมื่อข้าพเจ้าได้รู้ว่าจะได้ไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาตินี้ ข้าพเจ้าก็รู้สึกตื่นเต้นและตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นเยาวชนคนอุบลราชธานีมากขึ้น เพราะการทำกิจกรรมนี้ก็เท่ากับว่าเราต้องไปเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมของเราด้วย และเมื่อเราเจอเหตุการณ์ที่เราไม่เคยเจอในทุกวัน ไม่ได้ทำเป็นประจำ ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่างานครั้งนี้ใหญ่เกินตัวเราไหมที่มอบหมายให้เราไปสนทนากับชาวต่างชาติทั้งที่เราก็พูดภาษาอังกฤษไม่คล่องอยู่แล้ว คำศัพท์บางคำเรายังไม่รู้ความหมาย แต่ในทางกลับกันข้าพเจ้าคิดว่าเมื่อได้งานที่อาจารย์มอบหมายให้แล้วเราก็ควรต้องทำเพราะสิ่งที่อาจารย์สั่งนั้น คือ ท่านก็ต้องการให้เราใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง มีประสบการณ์ในการสนทนากับชาวต่างชาติบาง และนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าประทับใจมาก เพราะอย่างน้อยเราก็ทำเต็มที่ ถึงแม้เริ่มแรกอาจจะดูยากเกินไป แต่เมื่อได้ลองทำแล้วก็ใช่ว่าเราจะทำไม่ได้ พอถึง เวลา 18.00 น. พวกเราก็รวมตัวกันเพื่อที่ได้รับมอบหมายมา ปฏิบัติภารกิจแล้วจากนั้นก็พากันเดินไปทักทายและสนทนากับชาวต่างชาติ
ในขณะที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ เดินหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะสนทนาด้วยนั้น ก็มีอุปสรรคมาก เพราะบางท่านก็ไม่สะดวกบ้าง และบางท่านก็รีบกลับที่พัก ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ก็ได้แต่น้อยใจ แต่ถึงอย่างไรหน้าที่ก็คือหน้าที่ ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง ล้มเหลวบ้างแต่นั้นคือประสมการณ์ถึง แต่ในวันนั้นเราต่างพากันเดินหาชาวต่างชาติอยู่หลายนาที เราก็เจอชาวต่างชาติที่เป็นผู้หญิงคนซึ่งในตอนนั้นเธอยืนอยู่กับกลุ่มครอบครัวของคนไทย กลุ่มของข้าพเจ้าจึงเดินเข้าไปทักทาย และถามเธอว่า ”เธอพอจะมีเวลาว่างที่จะให้เราสอบถามเกี่ยวกับการได้มาร่วมงานแห่เทียนพรรษาครั้งนี้และมีความรู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมกิจกรรมกับข้าพเจ้า”ความรู้สึกตอนนั้นของข้าพเจ้าทั้งตื่นเต้นและเป็นกล้าๆ กลัวๆ ที่จะสนทนากับเธอ เธอก็อนุญาตให้สนทนากับเธอได้เป็นไปอย่างที่ข้าพเจ้าคิดไว้ไม่มีผิดว่าเธอจะเป็นคนที่ใจดี หลังจากนั้นข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ยิ่งพากันตื่นเต้นมากขึ้นกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้ได้อยู่และพูดคุยใกล้ๆกันกับชาวต่างชาติ บทสนทนาของกลุ่มพวกเราก็เป็นประโยคที่พื้นฐานทั่วไป เช่น
ขณะที่เราทำการสนทนานั้นก็ได้มีการบันทึกวิดีโอไว้ และเธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากที่ทำการบันทึกวิดีโอเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้ร่วมกันถ่ายภาพกับเธอคนนั้น ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจมากอีกรูปหนึ่ง ที่เราได้มีประสบการณ์ในกิจกรรมครั้งนี้
หลังจากที่ได้ไปทำกิจกรรมสนทนากับชาวต่างชาติครั้งนี้ ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆก็ได้คำตอบที่น่าประทับใจมากจากเธอ คือ เธอชื่อ Diana. Washington-DC. America. เธอเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน เธอพักอยู่ที่อำนาจเจริญ และเธอบอกว่าเธอชอบศิลปะการแกะสลักเทียนและประเพณีการแห่เทียนของชาวจังหวัดอุบลราชธานีมาก เพราะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ตระการตาและสวยงามมาก โดยการไปสนทนาครั้งนี้ก็ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้เกิดเป็นคนไทย และคนจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้เห็นประเพณีอันสวยงามและล่ำค่านี้ ซึ่งขณะนั้นก็ทำให้ข้าพเจ้าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย เพราะอย่างน้อยเราก็เป็นส่วนหนึ่งของเยาวชนที่ตระหนักและให้ความสำคัญกับประเพณีประจำจังหวัดอุบลราชธานี และจากที่ตื่นเต้นและกลัวๆนั้นก็หายไปหมดเลย ทำให้การสนทนาครั้งนี้ของกลุ่มข้าพเจ้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณ ผศ. วิไล แพงศรี มากนะค่ะที่ได้ให้ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ได้ทำกิจกรรมดีดีนี้คะ
ประสบการณ์และความรู้สึกนึกคิดจากการไปสนทนากับชาวต่างชาติ
ตอนเย็นของวันที่ 29 กรกฎาคม 2555 วันนั้นมีการจัดการแข่งขันกีฬาเทคโนเกม ข้าพเจ้าและเพื่อนๆคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ทุกคนมีความมุ่งหมั่นที่จะลงแข่งขันกีฬาในแต่ละประเภท ข้าพเจ้าก็เช่นกัน สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า ไม่ค่อยจะมีผู้หญิงเท่าไร ทุกคนจึงจำเป็นต้องลงแข่ง แต่เพื่อนๆที่เรียนวิชา พฤติกรรมนุษย์ ได้โทรมาบอกให้ไปทำงานที่ข้าพเจ้ากลัวมากที่สุดคือ สัมภาษณ์ชาวต่างชาติ ในตอนแรกข้าพเจ้าก็อิดออดบอกว่าไม่ว่างแข่งกีฬาอยู่ แต่สุดท้ายข้าพเจ้าก็ตัดสินใจไปทำงานก่อนพวกเรานัดกันที่ ทุ่งศรีเมือง เวลา 17:00 น. แต่มาครบเกือบทุกคนก็เืกอบ 18:00 น. มากัน3คน เพื่อนอีกคนอยู่อ.ตระกาลพืชผล ถ้ารอก็คงนานมาก เลยลุยกัน 3คน ข้าพเจ้าเจอคนแรกก็กะว่าจะพุ่งเข้าไปหาเลยแต่เพื่อนไม่เอาด้วย เลยหาไม่เรื่อยๆจนเดินไปถึงหน้าศาลหลักเมือง ไปเจอชาวต่างชาติที่มากลับสาวไทยและก็มีเด็กมาด้วยน่ารักมาก เลยตกลงว่าคนนี้แระ เลยพากันเดินเจข้าไปหาสาวไทยก่อนไปขอสัมภาษณ์ชาวต่างชาติที่มาด้วย พี่เค้าบอกว่าตามสบายเลย ก็เลยเข้าไปถาม ชาวต่าวชาติคนนี้สูงมากให้เพื่อนถ่ายวิดิโอให้เห็นเราแต่ไม่เห็นน่าชาวต่างชาติพอเห็นชาวต่างชาติก็ไม่เห็นเรา สัมภาษณ์เสร็จก็พากันงงจำไม่ค่อยได้ว่าเค้าตอบว่าอะไรมาบ้างคิดๆกันยุสักพักก็เรียบเรียงได้มาว่า ชื่อไมเคิล มาจาก ประเทศอังกฤษ พากันหัวเราะตอนที่นึกถึงตัวเองตอนคุยกับไมเคิล แต่ทุกคนก่อนสนุก และรู้สึกดีที่ ไมเคิลพยายามพูดช้าๆให้เราพอเข้าใจบ้างบางประโยค พอได้พูดคุยกับชาวต่างชาติแล้วรู้สึกว่าเราก็สามารถพูดคุยกับเค้าได้ถึงบ้างคำอาจจะผิดบ้างแต่ชาติต่างชาติก็เข้าใจและไม่ทำให้เรากลัว
18 ซ้อมรับปริญญาที่เขต 4
20 ซ้อมรับที่กรมอู่ทหารเรือ
22 ซ้อมใหญ่ที่คลองหก ธัญบุรี
25 รับจริง ที่คลองหก ธัญบรุี
ประสบการณ์และความรู้สึกนึกคิดจากการไปสนทนากับชาวต่างชาติ
เวลา 18.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2555 ข้าพเจ้านัดเจอกับเพื่อนๆเพื่อไปทำกิจกรรมการสนทนากับชาวต่างชาติ ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่การจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ซึ่งถือว่าว่าเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับชาวอุบลราชธานีเรามาถึง 111 ปี ซึ่งทางจัดหวัดได้จัดขึ้นในวันที่ 5 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2555 เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ตระการตาสำหรับชาวอุบลและนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนวัฒนธรรมอันวิจิตรศิลป์ ณ จังหวัดอุบลราชธานีแห่งนี้
กระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงสมาชิกของกลุ่มเราก็เดินทางมากันอย่างพร้อมหน้า พร้อมตากัน และเตรียมพร้อมกับการทำกิจกรรมในวันนี้ จากนั้นพวกเราเกาะกลุ่มออกตระเวนไปเพื่อไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ แต่ในระหว่างการออกเดินหาชาวต่างชาตินั้น มันช่างมีผู้คนมากมายเสียเหลือเกิน คนเดินเบียดเสียดสีกันไปมา จนทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความแออัด ร้อนไปทั้งตัว และกระหายน้ำ จนเริ่มหงุดหงิดบ้างเล็กน้อย แต่ข้าพเจ้าและสมาชิกทุกคนก็ไม่ย่อท้อต่อสภาวะรอบข้าง เพื่อกิจกรรมของเราจะได้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ พวกเราเร่งฝีเท้าเพื่อตระเวนหาชาวต่างชาติกันต่อ กระทั่งไปเจอชาวต่างชาติมากมายหลายคนในบริเวณถนนสายเทียน แต่พวกเราก็ยังไม่กล้าเข้าไปทักทาย เพราะพวกเรายังเขินอายซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะพวกเราไม่เคยทำกิจกรรมที่แปลกและท้าทายอย่างนี้มาก่อน เมื่อพวกเราได้เข้าไปทักทายขอสัมภาษณ์ขาวต่างชาติหลายต่อหลายคน แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะภรรยาของชาวต่างชาติที่เป็นคนไทยกลับปฏิเสธการขอสัมภาษณ์ของกลุ่มพวกเรา อันมาจากสาเหตุที่ว่า ไม่ให้สัมภาษณ์บ้าง รบกวนเวลาบ้าง แต่พวกเราก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
จนกระทั่งได้ไปพบกับชาวต่างชาติคนหนึ่ง เธอมีชื่อว่า “ดอลญ่า” เป็นชาวเยอรมัน เธอเป็นชาวต่างชาติที่ใจดี และมีอัธยาศัยไมตรีอย่างเป็นกันเอง เธอเป็นคนที่น่ารัก ตัวสูง ตาโต เธอไม่ทะนงตัว และยอมให้พวกเราสัมภาษณ์อย่างง่ายดาย เมื่อพวกเราสนทนาสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ได้ร่วมกันถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก และได้กล่าวคำขอบคุณกับเธออย่างไมตรีจิต จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปชมงานประเพณีแห่เทียนพรรษากันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินและแอบแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้า
กิจกรรมการไปสนทนาการกับชาวต่างชาติเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้พวกเราได้กล้าแสดงออก และมีทักษะการพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ ข้าพเจ้ารู้สึกดีและมีความสุขมากๆในการทำกิจกรรมนอกห้องเรียนในครั้งนี้ พวกเราขอขอบคุณ ผศ.วิไล แพงศรี มากๆครับ ที่ทำให้กิจกรรมการสนทนากับชาวต่างชาติบรรลุไปด้วยดี และมีความสุขในการทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์และมีประโยชน์แก่ตัวเราเองด้วยครับ
เป็นบันทึกแรกของผมนะครับ เข้ามาอ่านหรือมาติชม และให้กำลังใจผมด้วยนะครับ เพราะบันทึกนี้ผมเขียนด้วยความรู้ที่ผมได้ไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ของหน่วยงานสถาบันการศึกษา ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านนะครับ
เช้าวันศุกร์ วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นวันเข้าพรรษาซึ่งเป้นวันที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดช่วงฤดูฝนมีกำหนดเป็นระยะเวลา ๓ เดือนตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น และในเช้านี้ข้าพเจ้าก็ได้ไปทำบุญตักบาตรกับแม่ที่วัดในหมู่บ้านพร้อมทั้งได้ถวายห้องน้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จ ผ้าอาบน้ำฝนและสังฆทานให้กับพระสงฆ์โดยถวายร่วมกับชาวบ้านทุกคนที่มาตักบาตรที่วัด หลังจากได้ทำบุญแล้วข้าพเจ้ามีความรู้สึกดีใจที่ได้ทำบุญและรู้สึกมีความสุข
เมื่อเวลา 19.00 น. ข้าพเจ้าตั้งใจไว้ว่าจะไปร่วมเวียนเทียนกับชาวบ้าน แต่อยู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างแรงและตกนานมาก ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถไปเวียนเทียนได้ ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจที่เข้าพรรษาปีนี้ไม่ได้เวียนเทียน กว่าฝนจะหยุดตกก็ประมาณ23.00น.เสียแล้ว
สำหรับการทำบุญในวันเข้าพรรษานี้ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่ว่าวันไหนๆเราก็สามารถทำได้ไม่จำเป็นต้องรอทำเฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น
วันที่ 2 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2555 เวลาประมาณ 11.00 น. ข้าพเจ้าและเพื่อนอีกสองคนได้เดินทางไปที่ทุ้งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี เพื่อที่จะไปสนทนากับชาวต่างชาติ ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นมาก หัวใจเต้นแรง ไม่กล้าแสดงออก
ชาวต่างชาติคนแรกที่ข้าพเจ้าและเพื่อนๆเข้าไปสนทนาด้วยเป็นชาวอเมริกา มากับแฟนและลูก ความรู้สึกในตอนนั้น ตื่นเต้น กลัวที่จะพูด หลังจากสนทนาชาวอเมริกา กล้องที่บันทึกวีดีโอของเรามีปัณหา เราจึงจำเป็นต้องเดินไปหาชาวต่างชาติคนใหม่ ชาวต่างชาติคนนี้เป็นชาวฝรั่งเศษ มากับแฟน คราวนี้ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกสนุก กล้าที่จะพูดมากขึ้น ไม่ค่อยตื่นเต้นมากนัก
ในการสนทนากับชาวต่างชาติในครั้งนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรก ที่ข้าพเจ้าได้รับ เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้น และได้รับความรู้มากมาย
ค่ำนี้ ได้อ่านอนุทินของน้องสุภัทรา เล่าถึงอาการหอบที่เนื่องมาจากหวัดของคุณแม่ของเธอ ทำให้ได้ความรู้ว่า อาการหอบสืบเนื่องมาจากการเป็นหวัด
ย้อนกลับมาดูตัวเอง ซึ่งได้รับเชื้อหวัดมาจากลูกสาวตอนที่ไปเกาหลี สองวันแรกไม่เป็นอะไร วันที่สามเริ่มมีอาการจามและน้ำมูกไหลไม่หยุดจนต้องขอยาลดน้ำมูกจากลูกมากิน (ปกติเวลาป่วยจะไม่กินยา/หาหมอ ปล่อยให้หายเอง) อาการแสดงออกมากในวันที่จะเดินทางกลับ ตอนกลับถึงกทม.วันที่ 29 พ.ค.มีอาการหายใจหอบ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ก็เคยเป็นไข้หวัด และยิ่งตอนที่เดินจากจุดเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิไปรอขึ้นเครื่องกลับอุบลฯ ในวันที่ 30 ซึ่งต้องเดินไกลมาก ก็ยิ่งหอบมาก กลับถึงอุบลฯ ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะแค่เดินไม่กี่เมตรก็หอบเลยนอนอย่างเดียว ช่วงบ่ายแก่ๆ ตื่นขึ้นมาพบว่าอาการหอบหายแล้ว เลยไปตลาดซื้อกับข้าวมากิน หลังจากที่ไม่ได้กินมาตั้งแต่เที่ยงวันที่ 30
ช่วงนี้เดินทางบ่อยมาก ในรอบสองสัปดาห์ขึ้นเครื่อง 8 เที่ยว และใช้แรงเดินขึ้นเขาทั้งตอนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่และเที่ยวเกาหลี กลางคืนก็นอนน้อยร่างกายเลยอ่อนแอสู้กับโรคไม่ไหว ถ้าอยู่ที่ฟาร์มไอดินฯ หรือบ้านเรือนขวัญ ในแต่ละมื้ออาหารจะทานพืชผักสมุนไพร 80 % ทานโปรตีน 20 % ทำให้พร้อมสู้โรค แต่อยู่ที่เกาหลี 4 วันเต็มๆ อาหารเป็นเนื้อสัตว์ 85 % ผัก 15 % ร่างกายคงจะปรับตัวไม่ได้
คืนนี้ก็คงจะต้องนอนน้อย เพราะมีงานค้างที่ไม่มีแรงทำส่งในวันที่ 30 ตามที่แจ้งคณะไว้ และพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน ซึ่งเริ่มด้วยการประชุมของมหาวิทยาลัยในภาคเช้า และเริ่มการเรียนการสอนในภาคบ่าย