l thinks be for l am.ถ้าเรามีพื้นฐานความเข้าใจ เรื่องคลื่นสมอง และ กลไกการทำงาน ที่เกี่ยวข้องกันนี้ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้เรียนรู้โลกภายในตัวเราเอง และมองเห็น ประโยชน์ของการจัดการกับ อารมณ์ ความรู้สึก และความคิดของตัวเรา นับเป็นศิลปะในการดำรงชีวิตที่ทุกคนทำได้ skill of life. ทักษะชีวิตที่เราสร้างได้ฝึกฝนกันได้…
ไม่มีความเห็น
จิต คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ กล่าวคือ สภาวธรรมของชีวิตที่รับรู้อารมณ์ กล่าวคือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่กระทบ, สภาพที่นึกคิด, ความคิด, ใจ;
ส่วนคำถามที่ว่า จิตอยู่ที่ไหน? นั้น เป็นคำตอบเดียวเช่นกับเงานั่นเอง กล่าวคือจิตไม่มีตัวตนแท้จริงเป็นอนัตตาเหมือนดังเงาที่มีเหตุแห่งปัจจัยการเกิดนั่นเอง
ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้า น.ส.บุญตา บุรีศรี ได้ศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับจิตวิญญาณมาเป็นเวลาอย่างช้านาน ทำให้พบว่าแท้จริงแล้วจิตก็คือการปรุงแต่งขึ้นมานั้นเอง หากเราทั้งหลายต้องการดับจิตก็ให้ดับที่การปรุงแต่งดับเหตุแห่งการปรุงแต่งแห่งจิต เพื่อให้จิตได้อยู่ในสภาวะที่ไร้น้ำหนักเบาสบายเฉกเช่นเดียวกับเงาที่ตามติดตัวเรานั้นเองเมื่อจิตอยู่ในสภาวะที่ไร้น้ำหนักเบาสบายไม่ว่าเราที่รูปร่างคือวัตถุทรงอยู่ในสภาวะใดเงาย่อมปรับสภาพนั้นได้ในทุกสถานการณ์ เคยสังเกตุไหมถ้าเรายืนอยู่ใกล้กับวัตถุที่ทึบแสง เงาของเราพร้อมหักเหไปตามเหตุแห่งปัจจัยนั้นเสมอ
ข้าพเจ้า ผู้เขียนอยากให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้เข้าใจในสภาวะแห่งธรรม(ธรรมชาติ แห่ง จิตเป็นธรรมชาติ )คำถามมีอยู่ว่า.. ? ทำอย่างไรให้เราได้หลุดพ้นจากสภาวะแห่งจิตที่ปรุงแต่ง ยึดหลักกฎเงาธรรมชาติในตัวตนเพื่อการหลุดพ้นที่นิรันดร์กฎของการเกิดเงา1.วัตถุทึบแสง เงานั้นไม่มีในวัตถุทึบแสง2.แสง เงานั้นไม่มีในแสง 3.พื้นที่รับแสง เงานั้นก็ไม่มีในพื้นที่รับแสงแต่เมื่อเหตุทั้ง 3 มาเป็นปัจจัยเกื้อกูลแก่กันและกัน กล่าวคือ วัตถุทึบแสงมายั้งกั้นแสงที่ตกกระทบบนพื้นที่รับแสง จึงเกิด สังขาร คือ สิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาจากเหตุทั้ง 3 มาเป็นปัจจัยต่อกัน ข้าพเจ้ามีความเชื่อและพูดอยู่เสมอว่า…ในโลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกอย่างล้วนมีเหตุแห่งปัจจัยให้เกิดอยู่เสมอ ดั่งเฉกเช่น..กฎเงา
ถ้าเรารู้จักเอากฎเงาแห่งธรรมชาติมาประยุกต์ใช้กับจิตเรา ซึ่งมีเหตุแห่งปัจจัยที่มาเดียวกัน เราจะเข้าใจธรรมชาติแห่งจิตได้มากขึ้น สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะช่วยให้ท่านทั้งหลายที่สนใจในการศึกษาจิตได้มีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติแห่งจิตได้บ้าง ในนามผู้เขียนขออนุโมทนาบุญกีบท่านผู้อ่านบทความนี้ทุกท่านด้วยค่ะ#มณีเทวา
ไม่มีความเห็น
คนไทยเราศึกษาประชาธิปไตยและกฏหมายอิงมาจากอังกฤษและฝรั่งเศลทุกวันนี้กี่ยุคกี่สมัยประเทศไทยเราก็ยังมีคนจนคนรวยอยู่เหมือนกับอังกฤษและฝรั่งเศล ทราบมาว่าประเทศที่มีรัฐสวัสดิการดีอันดับหนึ่งคือ..สวีเดน อันดับสองคือ ญี่ปุ่น ..โพสนี้แค่อยากจะบอกแค่นี้แหละประชาธิปไตย อย่าไปใส่ใจมากอะค่ะ เพราะไม่ว่าจะต่างขั้วกันแค่ไหนมันก็ตือกลไกของประชาธิปไตยอยู่ดีอะค่ะ ดังนั้นเราควรหันมาพึงตนเองรู้จักการทำมาหากินจะดีกว่าอะค่ะ ใส่ใจในคุณภาพชีวิตตนก็เพียงพอแล้วค่ะไม่ต้องมโนไปถึงสังคม พัฒนาตัวเอง ดูแลตัวเอง รับผิดชอบตัวเองก็คงจะเพียงพอแล้วค่ะ เมื่อก่อนเคยคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนอะค่ะ แต่ตอนนี้กลับคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของเกมส์ค่ะ ถ้าเราไม่อยากเป็นหมากให้คนเดินในเกมส์ก็ให้หยุดอยู่ที่ตัวเราอะค่ะ โดยการไม่ใส่ใจในการเมืองแต่ให้หันกลับมาใส่ใจตัวเองค่ะ#ไทยเชียร์ไทย#มณีเทวา สองดอกในกานเดียวน้ำค้างกลางเขาเขียวหยาดผสมเมื่อรุ่งสาง
ไม่มีความเห็น
***ทำไมทั้งฉีดและพ่นทุกขั้นตอน***
ได้เข้าไปอ่านข้อมูลการปลูกแตงโมจากที่ที่หนึ่ง ไม่รู้หรอกว่าสารที่เรียกกันมันคืออะไรแต่สงสัยมากว่า แตงโมนี่ต้องฉีดต้องบำรุง ต้องอะไรสารพัดสารต่าง ๆ เยอะขนาดนี้เลยเหรอ แล้วแตงโมที่เรากินทุกวันนี้จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่หลงเหลือสารเหล่านั้นมาถึงเรา ???
-------ตัวอย่างข้อมูล---------
การจัดการและการดูแลรักษาโรคและแมลง
1. ระยะเริ่มปลูก
Ø ฉีดพ่น คาร์เบนคาซิมหรือแมนโคเซ็บ เพื่อป้องกันการเกิดโรครา
Ø ฉีดพอสซ์, แอสเซ็นท์, ไดคาร์โซลหรือแจคเก็ต กำจัดหนอนและเพลี้ยไฟ
Ø ฉีดพ่น แคลเซียม-โบรอน, ซอร์บาสเปรย์หรือบีพลัส บำรุงต้น ป้องกันโคนแตก
Ø ฉีดพ่น ดีซ, ก๊อตหรือไบโพลาน เพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์ ป้องกันการขาดธาตุอาหาร
Ø ฉีดพ่น เกอร์มาร์หรือไซโตเจน เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต ช่วยเพิ่มการแตกแขนง เร่งการเจริญเติบโต
2. ระยะแตงโมเริ่มทอดยอด
Ø ฉีดพ่น แอนทราโคล, แมนโคเซ็บ, ซูมิเล็กซ์, เคอร์เซทเอ็ม-8 หรือริโดมิล MZป้องกันและกำจัดโรคใบจุด, ใบกรอบ,ราน้ำค้าง และโรคแอนแทรกโนส
Ø ฉีดพ่น พอสซ์, แอสเซนท์, ไดคาร์โซลหรือแจคเก็ต กำจัดหนอนและเพลี้ยต่างๆ
Ø ฉีดพ่น ดีซ, ก๊อต หรือไบโพลาน เพื่อทำให้ต้นแข็งแรงทำให้ยอดแตงโมเดินเร็วขึ้น
Ø ฉีดพ่น เกอร์มาร์หรือไซโตเจนผสมจิ๊บ เพื่อสร้างแขนง และเร่งการยืดยอดแตงโม
3. ระยะก่อนออกดอก
Ø ฉีดพ่น แอนทราโคล, แมนโคเซ็บ, ซูมิเล็กซ์, เคอร์เซทเอ็ม-8 หรือริโดมิล M ป้องกันและกำจัดโรคใบจุด,ใบกรอบ,ราน้ำค้าง และโรคแอนแทรกโนส
Ø ฉีดพ่น พอสซ์, แอสเซนท์,ไดคาร์โซล หรือแจคเก็ต กำจัดหนอนและเพลี้ยต่างๆ
Ø ฉีดพ่น ก๊อตหรือดีซ เพื่อสร้างความสมดุลย์ให้กับต้นแตงโมเพื่อการออกดอก
Ø ฉีดพ่น เกอร์มาร์ หรือไซโตเจน เพื่อบำรุงต้นสะสมอาหารก่อนการออกดอก
Ø ฉีดพ่น ปุ๋ยทางใบสูตร 15-30-15 หรือสูตรใกล้เคียง เพื่อการสะสมอาหาร
4. ระยะดอกบาน
Ø ฉีดพ่น แอนทราโคล,ซูมิเล็กซ์ หรือเคอร์เซทเอ็ม-8 เพื่อป้องกันกำจัดโรครา
Ø ฉีดพ่น ไบโอแอ็คทีฟ หรือเกอร์มาร์ เพื่อเสริมสร้างและบำรุงดอก
Ø ฉีดพ่น ดีซ หรือก๊อต เพื่อบำรุงดอกทำให้ดอกแตงโมสมบูรณ์ติดผลง่าย
Ø ฉีดพ่น แคลเซียม-โบรอน, ซอร์บาสเปรย์ หรือบีพลัส ทำให้ติดผลง่ายดอกแข็งแรง
5. ระยะติดผลเล็ก-ระยะขยายขนาดผล
Ø ฉีดพ่น แอนทราโคล,ซูมิเล็กซ์ หรือริโดมิล MZ เพื่อป้องกันกำจัดโรคทางใบ
Ø ฉีดพ่น พอสซ์, แลนเบท หรือแจคเก็ต เพื่อกำจัดหนอนเจาะผลและหนอนชอนใบ
Ø ฉีดพ่น แคลเซียม-โบรอน เพื่อสร้างเนื้อทำให้เนื้อแน่น มีน้ำหนัก
Ø ฉีดพ่น ดีซ หรืออาหารเสริม เพื่อสร้างเนื้อทำให้ผลแตงโมมีคุณภาพดี
Ø ฉีดพ่น เกอร์มาร์หรือสาหร่ายทะเล เพื่อขยายเนื้อทำให้เนื้อแน่น น้ำหนักเพิ่ม
6. ระยะก่อนเก็บผลประมาณ 2-3 อาทิตย์
Ø ฉีดพ่น แอนทราโคล, ซูมิเล็กซ์ หรือเคอร์เซทเอ็ม-8 เพื่อรักษาโรคทางใบ
Ø ฉีดพ่น พอสซ์หรือแลนเนท กำจัดหนอนชอนใบและหนอนไถเปลือกแตงโม
Ø ฉีดแคลเซียม-โบรอน เพื่อสร้างเนื้อทำให้เนื้อแน่นสีแดงเข้ม
Ø ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบสูตร 7-12-40 หรือสูตรใกล้เคียง เพื่อเพิ่มความหวานและทำให้เนื้อแน่นกรอบ น้ำหนักดี
Ø ฉีด ดีซหรืออาหารเสริม เพื่อทำให้ต้นแตงโมสมบูรณ์ ส่งเสริมการสร้างเนื้อทำให้เนื้นแน่น มีคุณภาพ
* หมายเหตุ การป้องกันแตงโมไส้แตกให้ได้ผลดีที่สุด ต้องใช้ธาตุอาหารพวกแคลเซียมโบรอน อย่างสม่ำเสมอ ( ประมาณ 5 ครั้ง/ 1 การปลูก )
ความต้องการของตลาด ติดผลดก ผลทรงกลมรี ผิวสีเขียวเข้ม สลับลายเส้นสีดำ
เปลือกบางแต่แข็ง เนื้อสีแดงจัดรสหวาน เนื้อแน่น กรอบ
ไส้ไม่ล้มง่ายแม้จะเก็บผลผลิตไว้นาน ทนทานการขนส่ง ต้านทานโรคได้ดี น้ำหนักผลเฉลี่ย 4-5 กก.อายุการเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 60-65 วันหลังหยอดเมล็ด
-----------END---------------
ทั้งฉีดและพ่นทุกขั้นตอนเลยเนอะ จะรอดมั้ยเนี่ยเรา...???
ชอบทานแตงโมกันทั้งบ้านเลย
เห็นสารที่ใช้หล่อเลี้ยงบำรุงแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ
แตงโมที่อร่อยมากๆคงจะมาจากสารต่างๆที่มันดูดซับเข้าไปนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ชอบกินแแตงโมเหหมือนกันค่ะ ร้อนๆๆแบบนี้เห็นทีต้องหยุดคิดนิดหนึ่งแล้วค่ะ ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลที่ดีของแตงโมด้วยนนะคะ
จะเลิกกินแตงโมแล้วครับ...อิอิๆๆ ขอบคุณมากครับ
ชีวิตคนเราจะมีอะไรมากไปกว่า
ในช่วงแรก....ก็ใช้ชีวิต
ในช่วงหลัง..ก็นั่งรำลึกนึกถึงมัน นะคะ
เวลาบางช่วง เกิดขึ้นไม่กี่นาที
แต่ความทรงจำ คงอยู่ชั่วกาล นะคะ
ดังนั้นขอให้ทุกนาที จงเป็นนาที
แห่งความทรงจำที่แสนดีนะคะ
ในช่วงหลังของชีวิต...
ก็จะได้นั่งรำลึกถึงมันอย่ามีความสุข นะคะ
ขอบคุณค่ะ...มณีเทวา
http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/869/733/default_%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%871_015.JPG?1358415310">
ความสุขของดอกหญ้า....
ไม่มีความเห็น
ความทรงจำ...
มีลิ้นชักหลายใบในความทรงจำ
บางลิ้นชักเราเปิดออกดูบ่อยๆ
ในขณะที่บางลิ้นชัก มันก็เปิดออกมาเอง
เพื่อให้เราได้รู้ว่า...
บางเรื่องราวนััั้นยังไม่ถูกลืม
และยังคงหลงเหลืออยู่
ในความทรงจำของเราตลอดไปเช่นกันนะคะ..
คนเราล้วนมีลิ้นชัก แห่งความทรงจำมากมาย
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกดึงลิ้นชักใดออกมา
แล้วหยิบของใบนั้นขึ้นมาพิจารณาทีละชิ้น
เราเลือกได้ว่า..เราจะนึกถึงวันวานในด้านใดที่จะทำให้เรายิ้มได้
หรือทำให้เราเศร้าใจนนะคะ...
แต่ไม่ว่าอย่างไร
เมื่อเราดึงลิ้นชักแห่งความทรงจำออกมาดูได้
ก็ต้องรู้จักที่จะปิดมันไว้ดังเดิมด้วยเช่นกันนะคะ
ป.ล..ขอบคุณนะค่ะ..มณีเทวา
เมื่อคิดหลายเรื่อง จบไม่ได้ ก็เหมือนข้าวของที่วางกระจัดกระจาย
การค่อยๆ คิด อาจตั้งสมาธิไปด้วย บางอย่างก็อาจต้องวางอุเบกขา
กลไกของจิตและร่างกายจะถูกปลดปล่อย เหมือนการได้จัดของเข้าที่เข้าทาง
ขอบคุณลิ้นชักนะคะ
ขอบคุณนะคะจะใช้ลิ้นชักเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆต่อไปค่ะ
+++ขอเรียนเชิญทุกท่านคลิ้กที่ปุ่ม Like หรือ ถูกใจ เพื่อติดตามข่าวสารของสมาคมผู้รับทุนไจก้าค่ะ+++
เป็นเกียรติกับสมาคมอย่างมากที่ภาพถ่ายของท่านเอกอักรราชทูตญี่ปุ่นและกรรมการสมาคมที่เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 79 พรรษา สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2555 มีอยู่บนเว็บไซต์ของสถานทูตด้วยค่ะ
ป.ล. ขอแสดงความยินดีกับท่านนายกสมาคม นาย นคร ศิลปอาชา ด้วยนะคะ เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นะคะ
ไม่มีความเห็น
The Mekong Youth
Friendship...ตอนที่ตาไปสัมภาษณ์ทุนมิตรภาพเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขงนะคะ ปี 2546
นะคะ...คณะกรรมการถามตาว่า..ถ้าคุณได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้
คุณจะทำอะไรให้กับประเทศไทยบ้าง?...ตอนนั้นตาตอบว่า...Do you know?Why
not?I'd be interesting in your project.Because I come from the Satun
province I d'not know the problem of The Meakong River.But I think that
water is important to life and living.So that ,the most important to
solve the problem.Is to prevent the occurrence that problem.
จำได้ว่าฉันตอบง่ายๆๆแค่นี้เองนะคะ แล้วคณะกรรมการก็ไม่ถามอะไรอีกเลยนะคะ
คำถามเดียวในขณะที่คนอื่นจะต้องออกไปแสดงความสามารถนะคะ เช่น
แสดงวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขง นะคะ มีการฟ้อนรำ
มีการเซิ้งกัน...ผลการสอบสัมภาษณ์ ฉันได้ที่ 2 นะคะ....
The Maekong Youth Friendship..
ไม่มีความเห็น