อนุทินล่าสุด


อัฟนาน สาอิ
เขียนเมื่อ

“สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้ลูกเผชิญสิ่งใหม่ๆ ได้ดีขึ้น”.ถ้าเด็กๆ รู้สึกกังวล และไม่มั่นใจในสิ่งที่เขากำลังเผชิญ พ่อแม่สามารถเข้าไปเป็นเพื่อนเขา เพื่อเคียงข้าง และทำไปกับเขา….(1) “การทำด้วยกัน” ไม่เท่ากับ “การทำให้”.ให้ความมั่นใจกับลูกด้วยการทำไปด้วยกันและการสนับสนุน แต่ไม่ใช่การทำให้ เช่น เมื่อลูกไม่กล้าเข้าไปขอของเล่นจากเพื่อน พ่อแม่ไปเป็นเพื่อนเขา และสอนเขาว่า ควรเริ่มต้นพูดอย่างไรดี แต่ไม่ใช่การไปขอของเล่นนั้นมาจากเพื่อนของลูกมาให้เขาเลยทันที.ไม่ใช่แค่เพียงเด็กเล็กๆ สำหรับเด็กโต บางครั้งการทำงานที่ยาก โดยมีพ่อแม่ทำไปกับเขา จะช่วยให้เด็กๆ มีความมั่นใจที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นมากขึ้น.*.(2) เมื่อเด็กๆ ทำได้ในครั้งแรกกับเรา ค่อยๆ ลดการช่วยเหลือ และค่อยๆ ถอยออกมาในครั้งที่สอง และครั้งต่อๆ มา.ในครั้งแรกเราอาจจะอยู่ทำกิจกรรมนั้นกับลูกตั้งแต่ขั้นแรกจนขั้นสุดท้ายในครั้งที่สองเราอาจจะถอยออกมา ให้ลูกได้ลองทำเองครึ่งหนึ่งในครั้งที่สามเราอาจจะเคียงข้างและสังเกตการณ์ ให้ลูกทำตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตนเอง.***.(3) สีหน้าและท่าทางของพ่อแม่ ส่งผลต่อการรับรู้และการตัดสินใจของลูก.ถ้าพ่อแม่มั่นใจว่า “ลูกสามารถทำสิ่งนี้ได้” เราควรแสดงสีหน้าท่าทางที่ผ่อนคลาย และให้การสนับสนุนกับลูกผ่านการพูดให้กำลังใจ และการอยู่ตรงนั้นเพื่อเคียงข้าง .****.สุดท้าย “พ่อแม่” จึงเป็นเหมือนครูคนแรกของลูก ที่จะพาเขาไปรู้จักโลก .เด็กจะรับรู้และตีความสถานการณ์สภาพแวดล้อมนั้นอย่างไร พ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยกำหนดวิธีการการรับรู้และมองโลกของเขา.“ลงมือทำไปด้วยกัน เติบโตไปด้วยกัน 🌱”.ด้วยรักจากใจ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อัฟนาน สาอิ
เขียนเมื่อ

Benchmarking เส้นทางลัดสุ่ความเป็นเลิศอย่างก้าวกระโดด

Benchmarking คือกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) กับองค์กรอื่น

Benchmarking จึงเป็นเส้นทางลัดสู่ความเป็นเลิศอย่างก้าวกระโดด ผลที่ได้รับจากการทำ Benchmarking คือทำให้รู้ว่าใครหรือองค์กรใดเป็นผู้ปฏิบัติได้ดีที่สุดและมีวิธีปฏิบัติอย่างไร เพื่อองค์กรอื่นจะนำมาปรับปรุงผลการดำเนินงานของตนโดยเลือกสรรและนำวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงานของตนเองซึ่งไม่ใช่การลอกเลียนแบบแต่เป็นการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆอันเกิดจากการเรียนรู้

ขั้นตอนการทำ Benchmarking1. คัดเลือกหน่วยงานภายในหรือภายนอกที่มีผลงานดีที่สุด 2. คัดเลือกตัวแปรหรือกระบวนการภายในที่ต้องการเปรียบเทียบ3. เปรียบเทียบหรือวิเคราะห์การดำเนินงานขององค์กรตนกับแม่แบบ4. นำผลที่ได้จากการศึกษามาพัฒนาให้เหมาะสมกับองค์กรของตน

ความสำเร็จของการทำ Benchmarking1. การวางระบบของหน่วยงานให้มี Feedback2. การวางแผนปฎิบัติงานอย่างเป็นระบบ3. การติดต่อสื่อสารภายในหน่วยงานอย่างทั่วถึงและชัดเจน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อัฟนาน สาอิ
เขียนเมื่อ

“Empathy” มองเห็นหัวใจของผู้อื่นอย่างเข้าใจเพราะทุกคนต่างต้องการความเห็นอกเห็นใจ

“Empathy” หรือ “ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นแบบเคียงข้าง” เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนๆ หนึ่งสามารถมองอีกฝ่ายผ่านสายตาของเขาที่มองสถานการณ์และตัวเขาเอง ไม่ใช่มองผ่านมุมมองตัวเอง เพราะเราพยายามเข้าใจเขาอย่างแท้จริง ซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า ตนเองมีใครสักคนที่อยู่เคียงข้าง

“เราจะมี Empathy ได้อย่างไร?”เราสามารถฝึกฝนเพื่อทำให้ตัวเองมี Empathy จากขั้นง่ายๆ ไปสู่ขั้นที่ยาก ได้ดังนี้…

(1) ทำความรู้จักกับตัวเองก่อนถ้าเราไม่รู้ว่าตนเองเป็นคนยังไง เราจะไม่ตระหนักว่า เรามีอคติกับเรื่องแบบไหน การพัฒนาไปสู่ Empathy ก็จะทำได้ยาก เพราะมนุษย์มักคุ้นเคยกับการตัดสิน (Judging) บุคคล สถานการณ์ และสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ(2) มีใจที่อยากช่วยเหลือถ้าเราอยากช่วยใครสักคน ต้องเริ่มต้นที่ใจที่เปิดรับ และอยากที่จะช่วย(3) ฝึกรับฟังด้วยใจที่เป็นกลางและเคียงข้างไม่ตัดสิน ไม่ชี้นำ และไม่สอนสั่ง เพราะเราคือผู้ที่อยู่เคียงข้าง ไม่ใช่ผู้ที่อยู่เหนือกว่า(4) ฝึกสังเกต และจับสิ่งสำคัญที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อสารออกมาไม่ใช่แค่เพียงคำพูด แต่หมายรวมถือภาษากายที่ส่งออกมาด้วย(5) สะท้อนกลับไปเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงสิ่งสำคัญนั้นเมื่อเขารับรู้ว่า อะไรสำคัญกับเขา และปัญหาคืออะไร เขาจะค่อยๆ คิดหาแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเขาเอง(6) ให้ความช่วยเหลือตามที่อีกฝ่ายขอ (ตามกำลังและความสามารถของเรา)วิธีการแก้ปัญหาต้องมาจากการตัดสินของอีกฝ่าย เราจะเป็นผู้ช่วยสนับสนุน โดยอาจจะหาตัวช่วยตามที่เขาขอ หรือ อยู่เคียงข้างจนเขาสามารถทำได้สำเร็จ

สุดท้าย เราทุกคนต่างต้องการความเห็นอกเห็นใจ สิ่งธรรมดาเล็กๆ น้อยๆ อย่าง “การรับฟัง” และ “การเคียงข้าง” กลับเป็นสิ่งที่แสนพิเศษในเวลาที่เราต้องการใครสักคน…



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
อัฟนาน สาอิ
เขียนเมื่อ

ความสำเร็จของธุรกิจนั้นสิ่งที่สำคัญนั้นคือความรู้และทักษะ ซึ่งในวงการธุรกิจนั้นย่อมมีคู่แข่งจำนวนมากที่ทำธุรกิจแบบเดียวกับคุณ ซึ่งกุญแจที่สำคัญในการแข่งขันและให้ประสบความสำเร็จนั่นคือความตั้งใจ และความมุ่งมั่นพร้อมด้วยทัศนคติที่ดีแอดจึงนำเคล็ดลับดีๆในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ให้คุณได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจตัวเอง1. มีความรักในธุรกิจของตัวเองการทำงานควรจะทำด้วยความสนุก ความรักในงานของคุณจะทำให้คุณผ่านจุดที่ยากลำบากไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งความชื่นชอบนั้นสอนกันไม่ได้2. อย่ากลัวล้มเหลวความล้มเหลวนั้นเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ ทุกๆอย่างย่อมเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้นเคยล้มเหลวมาแล้วทั้งนั้น3. ตัดสินใจให้เร็วเพื่อโอกาสที่ดีใช้สัญชาติญาณของคุณตัดสินใจและวางแผนธุรกิจและเลี่ยงการผลัดวันประกันพรุ่งเพื่อนำไปสู่การได้รับโอกาสที่ดี4. มีความเชื่อมั่นคุณต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองและตัวบริษัทของคุณถึงจะประสบความสำเร็จได้ ซึ่งความเชื่อมั่นนั้นจะส่งผลไปถึงผู้ร่วมงานได้5. ยอมรับคำวิจารณ์และยอมรับความผิดพลาดคุณต้องทำงานเพื่อให้ได้การยอมรับของเพื่อนร่วมงานแม้ว่าเขาอาจจะเคยติความคิดของคุณไปบ้าง แต่ในทางที่ดีใช้แรงกดดันนั้นเป็นแรงผลักตัวเองให้ทำงานต่อไปให้ได้ดีขึ้น6. ฟื้นตัวให้เร็วหลังจากผิดพลาดคุณอาจล้มเหลวในบางธุรกิจ แต่อย่ามัวเอาแต่เสียใจ ควรที่จะคิดในแง่ที่ดีและนำความผิดพลาดนั้นมาคิดวิเคราะห์และเรียนรู้ เพื่อที่จะพัฒนาบริษัทต่อไป

เชื่อว่าข้อคิดดีๆ เหล่านี้ จะช่วยเหลือคุณให้เป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จได้ในไม่ช้า



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท