กองทุนเปิด (Opened - End Fund)
คือ กองทุนรวมชนิดที่อาจมีการกำหนดอายุโครงการหรือไม่ก็ได้ แต่ที่สำคัญก็คือ บลจ. สามารถที่จะขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมและต่อเนื่องได้ หลังจากที่มีการเสนอขายหน่วยลงทุนในครั้งแรกไปแล้ว รวมถึงสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากผู้ลงทุนเมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา โดยในทางปฏิบัติ บลจ. มักจะมีการกำหนดระยะเวลาในการขาย ตลอดจนการรับซื้อคืนไว้ก่อนล่วงหน้า โดยอาจเปิดให้ทำการซื้อขายได้ทุกวันทำการ สัปดาห์ละครั้ง เดือนละครั้ง หรืออาจจะเป็นปีละ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ได้กำหนดขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรที่จะอ่านเงื่อนไขเกี่ยวกับการเสนอขาย ตลอดจนการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากหนังสือชี้ชวน (Prospectus) อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนจะยังไม่ทราบว่าราคาซื้อขายหน่วยลงทุนจะเป็นเท่าไรในทันที ณ เวลาที่
ทำรายการสั่งซื้อขายนั้น เนื่องจากต้องคอยจนกว่าจะมีการคำนวณ NAV ต่อหน่วยของกองทุน ณ สิ้นวันทำการเสียก่อน นอกจากนี้ ขนาดของกองทุนยังสามารถขยายหรือลดลงได้ เนื่องจาก บลจ. สามารถขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมได้ และ
ผู้ลงทุนเองก็สามารถนำหน่วยลงทุนมาขายคืนให้กับ บลจ. หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย กองทุนประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ไม่มีความเห็น
มาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงิน (QE) สามารถใช้ในการช่วยเหลือในการควบคุมระดับอัตราเงินเฟ้อไม่ให้เกินค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายอย่างที่รวมถึงการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากกว่าที่จะมีความมุ่งหมายในการปฎิบัติการต่อต้านภาวะเงินฝืด หรืออาจเป็นการดำเนินการที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอถ้าหากธนาคารต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะปล่อยการกู้ยืมจากเงินสำรองออกไปได้
เป้าหมายของการนำมาตรการนี้มาใช้เป็นการเพิ่มปริมาณเงิน (money supply) มากกว่าที่จะใช้มาตรการในการลดอัตราดอกเบี่ยที่ไม่สามารถจะดำเนินการให้ต่ำกว่านี้ได้อีกแล้ว เพื่อลดปัญหากับดักของสภาพคล่องที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ และสร้างการเติบโตให่กับระบบเศรษฐกิจได้ ซึ่งมาตรการนี้มีความสามารถเพียงแค่ดำเนินการโดยการที่ธนาคารกลางเข้าไปควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเท่านั้น
มาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงินนั้น ถูกใช้ครั้งแรกโดยธนาคารกลางประเทศญึ่ปุ่นในเดือนมีนาคม 2544 เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินฝืดและรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้คงอยู่ในระดับต่ำ เป็นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และเข้าสู่ธนาคารภาคเอกชนในการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่การปล่อยกู้ของธนาคารเอกชนที่มีต่อผู้ประกอบการธุรกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นจึงได้ดำเนินมาตรการนี้โดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลมากกว่าที่จะคงระดับอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับศูนย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเข้าไปดำเนินการซื้อคืนหลักทรัพย์และทรัพย์สินต่าง ๆ
ไม่มีความเห็น
ปัจจัยที่สำคัญต่อความสำเร็จในการบริหารความเสี่ยง
ปัจจัยที่สำคัญต่อความสำเร็จในการบริหารความเสี่ยงเพื่อให้องค์กรได้รับประโยชน์จากการบริหารความเสี่ยง ผู้บริหารจะต้องสร้างกระบวนการเพื่อสนับสนุนให้เกิดการบ่งชี้ การประเมิน การจัดการ และการรายงานความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานปกติ
ปัจจัยสำคัญ 8 ประการเพื่อช่วยให้การปฏิบัติตามกรอบการบริหารความเสี่ยงขององค์กรประสบความสำเร็จ มีดังนี้
ปัจจัยที่ 1: การสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง
ปัจจัยที่ 2:การใช้คำให้เกิดความเข้าใจแบบเดียวกัน
ปัจจัยที่ 3:การปฏิบัติตามกระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ 4:กระบวนการในการบริหารการเปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่ 5:การสื่อสารอย่างมีประสิทธิผล
ปัจจัยที่ 6:การวัดผลการบริหารความเสี่ยง
ปัจจัยที่ 7:การฝึกอบรมและกลไกลด้านทรัพยากรบุคคล
ปัจจัยที่ 8:การติดตามกระบวนการบริหารความเสี่ยง
แหล่งที่มา : www.pwc.com/thailand
ไม่มีความเห็น
คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจ SMEs
มาดูกันว่าการที่เราจะตัดสินใจเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ SME เราควรมีคุณสมบัติอะไรบ้างและธุรกิจ SME ใช่ตัวเราไหม โดยดูจากคุณสมบัติต่อไปนี้
1.มีความกล้าในการตัดสินใจ
2.รู้จักที่จะเป็น " แม่งาน " หรือ " พ่องาน " ( รู้จักวางรูปงาน )
3.พร้อมที่จะทำงานหนัก
4.เป็นคนก่อร่างสร้างตัว
5.มีความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนเองกำลังทำ
6.มีอัธยาศัยดี
7.พูดจาสื่อความเข้าใจกับคนอื่นได้ดี
8.รู้จักสร้างและรักษามิตรภาพ
9.ยินดีที่จะแบกภาระรับผิดชอบ
แหล่งที่มา : http://www.snr.ac.th/elearning/suriya/sme-5.htm
ไม่มีความเห็น
เกณฑ์ที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาสินเชื่อ
ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับนโยบายและหลักเกณฑ์ของผู้ให้สินเชื่อแต่ละราย โดยทั่วไปแล้วมีปัจจัยหลักๆที่ใช้ประกอบการพิจารณา คือ
ดังนั้น ถ้าหากผู้ขอสินเชื่อเป็นผู้มีอาชีพการงานและรายได้มั่นคง ไม่เคยมีหนี้สินล้นพ้นตัว มีความสามารถในการชำระหนี้ การขอสินเชื่อก็คงไม่ติดปัญหาอะไร แต่หากไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ไม่มีเอกสารใบรับรองเงินเดือน โอกาสการได้เงินกู้ยังคงมีอยู่ เพราะอาจใช้หลักฐานทางการเงินอื่น ๆ ทดแทนได้ เช่น ใบแจ้งยอดบัญชี หรือสเตทเมนต์ (Statement) ของบัญชีเงินฝาก
แหล่งที่มา :
ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ,บริษัท เครดิตแห่งชาติ จำกัด
ไม่มีความเห็น
กิจการร่วมค้า (Joint Venture)
กิจการร่วมค้า (Joint Venture) คือ การร่วมธุรกิจของธุรกิจหรือบุคคล ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ทำสัญญาที่จะร่วมทุนในการผลิตสินค้าหรือบริการร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน ทรัพย์สิน ที่ดิน อาคาร การผลิต เทคโนโลยี บุคลากร หรืออื่นๆภายใต้ข้อตกลงหรือสัญญาร่วมค้า โดยมีการกำหนดวัตุประสงค์และเป้าหมายในการดำเนินงานไว้อย่างชัดเจน เช่น การผลิตหรือจำหน่ายสินค้า หรือดำเนินโครงการอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน โดยมีการกำหนดสัดส่วนผู้ถือหุ้น สิทธิความเป็นเจ้าของ หน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆ รวมถึงการแบ่งผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินงาน ทั้งนี้หากเกิดความเสียหายก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน หรือหากเกิดผลกำไรก็จะจัดสรรผลโยชน์ตามสัดส่วนของการลงทุน โดยในการร่วมค้านั้นจะต้องมีผู้ร่วมค้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทกับบริษัท หรือบริษัทกับบุคคลธรรมดา
สาเหตุ ที่ทำให้เกิดการร่วมค้านั้น มักจะเกิดจากความต้องการเงินลงทุนหรือทรัพยากรในการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจ โดยอาจเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น ธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ หรือเป็นธุรกิจที่แสวงหาเทคโนโลยีวิทยาการใหม่ๆที่ทันสมัย ทั้งนี้เพื่อยกระดับหรือเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานหรือมีความต้องการใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเต็มที่โดยการไปร่วมทุน
โดย ทั่วไปธุรกิจที่จะเข้ามาร่วมค้านั้นจะเป็นธุรกิจที่มีสถานะแตกต่าง เพราะหากอยู่ในสถานะเดียวกันหรือเท่าเทียมกันมักจะเป็นคู่แข่งกันมากกว่า โดยธุรกิจที่จะทำการร่วมค้าอาจจะอยู่ในประเทศเดียวกันหรือต่างประเทศก็ได้
ไม่มีความเห็น