คือที่ทำงานอยู่ เวลาพนักงานทำไม่ถูกระเบียบ เราก็จะชี้แจงอธิบาย และหลายครั้งที่พนักงานไม่พอใจกลับมา เจ้านายก็จะโทษว่าเป็นเพราะ HR บริหารงานไมถูก ต้อง treat พนักงานให้เป็นลูกค้า ( ทั้งที่บางครั้งตอนแรก เจ้านายก็เห็นด้วยให้เราชี้แจงไปตามระเบียบ )
จึงขอปรึกษาอาจารย์ ที่ถูกต้องHRควรวางตัวกับพนักงานอย่างไร treat พนักงานแบบไหน เนื่องจาก HR ดูระเบียบวินัย และประสานงานในการพัฒนาพนักงานตามเป้าหมายองค์กร เจออย่างนี้ คนทำงาน HR ก็อึดอัดคะ
ไม่มีความเห็น
ผมจับประเด็นปัญหา ได้ว่า หนึ่งพนักงานทำไม่ถูกระเบียบวินัย สองคือ ปัญหาการภาวะผู้นำ ศิลปะการเป็นผู้นำของผู้บังคับบัญชาในองค์การ เพราะถ้าไม่มีปัญหานี้ พนักงานก็คงอยู่ในวินัย และฝ่าย HR ก็จะไม่เป็นแพะ รับเละทุกเรื่อง สามคือปัญหาด้านกลยุทธ์การจัดการทรัพยากรมนุษย์ ไม่ชัดเจน ขาดการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานอื่น ๆ และ สี่คือปัญหาระหว่างกลยุทธ์องค์การ สภาพแวดล้อมองค์การ ลักษณะจำเพาะขององค์การ และกลยุทธ์ HR อาจจะไม่สัมพันธ์กัน
จึงทำให้เกิดปัญหาและคำถาม ที่ถามมา คือ HRควรวางตัวกับพนักงานอย่างไร? จะ treat พนักงานแบบไหนดี?ครับ คำถามที่ถามมา เป็นประเด็นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การบริหาร HR คือ จะจัดการอย่างไร ให้บรรลุเป้าหมาย และขจัดปัญหาต่างๆ ไปด้วยดี แต่ข้อมูลที่ให้มา ไม่ได้บอกว่า เป็นธุรกิจอะไร ธุรกิจของบริษัทนี้ ผลิตอะไร ใครคือลูกค้า ยุทธศาสตร์ของบริษัท ใช้ยุทธศาสตร์ธุรกิจอะไรถ้ามีข้อมูลไม่ละเอียด ผมไม่สามารถให้คำแนะนำ แบบเจาะลึกได้
อย่างไรก็ตาม HR ยุคใหม่ ควรรู้ด้วยว่า ธุรกิจที่บริษัทที่ตนเองทำงานอยู่ ใช้กลยุทธ์ธุรกิจแบบใด เพราะกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจ ลักษณะเฉพาะขององค์การและ สภาพแวดล้อมของธุรกิจด้วย ดังนี้
Michael E. Porter ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกลยุทธ์การสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในการบริหารธุรกิจ ไว้ว่า องค์การที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีกลยุทธ์การจัดการที่ชัดเจน และจากการศึกษาวิจัย องค์การต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จ พบว่า กลยุทธ์ในการบริหารที่แต่ละองค์การนำมาใช้ มีต่อไป ดังนี้
1. กลยุทธ์ การเป็นผู้นำในเรื่องต้นทุน(Cost Leadership) โดยปกติกำไรของธุรกิจจะเท่ากับราคาขายลบต้นทุน(กำไร= ขาย-ต้นทุน) ดังนั้นเมื่อต้องการให้มีกำไรสูงขึ้นมี 2 วีคือ 1) การเพิ่มราคาขาย หรือ 2) การลดต้นทุน ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่เลือกที่จะลดต้นทุน ซึ่งเป็นวิธีที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับแนวคิดทางการจัดการคือ การเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) การเพิ่มประสิทธิผล(Effectiveness) และผลิตภาพ(Productivity) กลยุทธ์การลดต้นทุนจึงเป็นกลยุทธ์แรก ในการดำเนินธุรกิจ ที่หลายองค์การทำกัน
2. กลยุทธ์ สร้างความแตกต่าง (Differentiation) เป็นการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในตัวสินค้า ซึ่งนำมาซึ่งความแตกต่างจากคู่แข่งขันรายอื่น ๆ เป็นกลยุทธ์ที่มักจะมีการส่งเสริมให้มีการพัฒนาการทำงาน พัฒนาบุคลากร กระบวนการผลิต รูปแบบสินค้าและบริการอยู่ตลอดเวลา เพราะคุณค่าที่เคยมีในอดีตและปัจจุบัน อาจจะไม่เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ความสำเร็จในอดีต จึงไม่สามารถรับรองความสำเร็จในอนาคตได้ กลยุทธ์ที่จึงถูกนำมาใช้เพื่อสร้างคุณค่าของผลิตภัณฑ์ ให้องค์การ
3. กลยุทธ์ การมุ่งจุดสนใจ (Focus Strategy) ในกลยุทธ์นี้อาจจะแยกออกเป็น
· การมุ่งจุดสนใจไปที่ลูกค้า ซึ่งอาจจะเป็น กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ หรือ ต่างประเทศ เด็ก ผู้หญิง กลุ่มพ่อบ้าน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มฐานะปานกลาง กลุ่มคนสูงอายุ ฯลฯ โดยจะทำการศึกษาและให้ความสำคัญแก่ความต้องการ ความพึงพอใจของลูกค้าในแต่ละกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มที่ธุรกิจให้ความสนใจ
· การมุ่งจุดสนใจไปผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนาตัวเองสู่ความเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมนั้น โดยมุ่งความสนใจไปผลิตในสิ่งที่ตนเองถนัดและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง จะสร้างให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน
· การมุ่งจุดสนใจไปที่ตลาด อาจจะเป็นตลาดใหม่หรือตลาดเฉพาะ องค์การจึงจำเป็นต้องเลือกใช้กลยุทธ์ที่มีลักษณะเฉพาะพิเศษให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดนั้น ที่มีความแตกต่างในเรื่องความต้องการสินค้ากลยุทธ์การมุ่งจุดสนใจนี้อาจมีการพิจารณาทั้ง ลูกค้า ผลิตภัณฑ์ และตลาดไปพร้อม ๆ กันก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่สิ่งแวดล้อมขององค์การ
ตาราง 1เปรียบเทียบกลยุทธ์ธุรกิจ ลักษณะจำเพาะขององค์การ และกลยุทธ์ด้าน HRกลยุทธ์ธุรกิจ |
ลักษณะจำเพาะขององค์การ | กลยุทธ์ด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ |
กลยุทธ์ด้านราคา( cost leadership) |
|
|
กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างจากผู้อื่น(Differentia-tion) |
|
|
กลยุทธ์เน้นมุ่งจุดสนใจ (Focus Strategy)Customer Focus
|
|
|
กลยุทธ์ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ต้องสอดคล้องและเหมาะกับสภาพแวดล้อมของบริษัทฯ (Fit with the environment) การจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ต้องช่วยให้องค์การธุรกิจมีความสามารถในการแสวงหาโอกาสของการดำเนินธุรกิจจากสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิผล หรืออยู่รอดในสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี การพิจารณาสิ่งแวดล้อมขององค์การ อาจแยกพิจารณาได้ 4 มิติ โดยย่อ ดังนี้1. สิ่งแวดล้อมที่มีระดับความไม่แน่นอน (Degree of uncertainty) ซึ่งสะท้องถึงปริมาณข้อมูลข่าวสารที่มีความถูกต้องและสามารถจะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจได้2. ความถี่ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น (Volatility) 3. ขนาดของอการเปลี่ยนแปลง(Magnitude of change) และ 4. ขนาดของความสลับซับซ้อนของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อบริษัท(Complexity) สิ่งแวดล้อมดังกล่าวมีระดับความเข้มของมิติย่อยทั้ง 4 ด้านต่างกันซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้กลยุทธ์การจัดกรทรัพยากรมนุษย์แตกต่างกัน ดังสรุปได้ในตารางดังนี้
ตาราง 2 เปรียบเทียบกลยุทธ์การจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมธุรกิจ(องค์การ)
มิติของสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ |
ระดับต่ำ(Low) | ระดับสูง(High) |
สิ่งแวดล้อมมีระดับของความไม่แน่นอนทางธุรกิจ (Degree of uncertainty) |
|
|
ความถี่ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น(Volatility) |
|
|
ขนาดของการเปลี่ยนแปลง (Magnitude of change) |
|
|
ขนาดของความสลับซับซ้อนของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อองค์การธุรกิจ(Complexity) |
|
|
(มีต่อในบลีอคความคิดเห็น)