พอดีได้ความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับบันทึกนี้นะครับ
ตอนเด็กๆเคยโดนคุณครูตี และเจอครูที่อารมณ์ร้ายชอบระบายอารมณ์กับเด็ก ซึ่งปัจจุบันก็ยังพบเห็นอยู่ และคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นในการศึกษาของบ้านเราอีก
ผมคิดว่าธรรมชาติของเด็กเขามีความพิเศษและเสนห์อยู่ในตัวครับ จึงอยากจะให้อาจารย์ช่วยกันแชร์ประสบการณ์ ในมุมมองที่อาจารย์ได้เรียนรู้อะไรจากลูกศิษย์ บ้างครับ
ในความจริงแล้วเด็กอาจเป็นครูที่สอนคุณครู ให้คุณครูได้เรียนรู้จากธรรมชาติของเด็กอีกทีหนึ่ง
ไม่มีความเห็น
สวัสดีค่ะคุณDayvil
อิ อิ มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับตัวเองเลยค่ะ ตอนเด็ก ๆ ราณีเป็นคนที่อ้วนมาก ๆ ค่ะ เรียนก็พอไปวัดไปวาได้ ค่ะ ตอนเรียนช่วงม.1-2 มีอาจารย์ประจำชั้นเป็นผู้ชายค่ะ เขาไม่ชอบคนอ้วนมาก ๆ ตอนแรกเราก็ไม่รู้ ชอบว่า และด่ากระทบ อายุขนาดนั้นเราไม่โง่นะที่จะไม่รู้ว่าเขาว่ากระแทก ความรู้สึกตอนนั้นแอนตี้ครูคนนั้นมากๆ ทำให้เราไม่ทำการบ้านและเขาก็จะลงโทษหนัก ๆ โดยการเอาไม้หวายหวดค่ะ แต่เราก็ไม่สน เป็นวิชาเดียวตั้งแต่เกิดมาที่ราณีไม่ชอบ และไม่ทำการบ้านเลย เป็นคนดื้อเงียบมาก ๆๆๆๆ แต่แฟนครูคนนั้นชอบราณีมากๆ ค่ะ ชอบมานั่งคุย หรือเรียกไปนั้งคุยในห้องพักครู แฟนเขาคงชอบเพราะเราหน้าตาคมค่ะ (เขาบอกค่ะ ) ช่วงที่ลูกเขาจะคลอด ราณีโดนตีทุกอาทิตย์เลยค่ะ หลังจากแฟนครูคนนั้นคลอดลูกเป็นผู้หญิง อ้วนจ้ำม่ำมาก ๆ ค่ะ ช่วงระยะหลังเขาไม่ค่อยตี ราณีก็เลยทำการบ้านค่ะ อิ อิ ร้ายไม่เบาเลยค่ะ หลังจากเรียนจบราณีก็ย้ายโรงเรียน เพราะไม่ชอบที่นี่ค่ะ เวลาผ่านมา 10 กว่าปี เจอครูคนนั้นพร้อมครอบครัว ราณีเดินไปยกมือไหว้ เชื่อไหมค่ะ ว่าลูกเขาอ้วนกว่าเราตอนนั้นตั้งเยอะ (อย่างนี้เขาเรียกว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น เล่ามายังงั้นแหละค่ะ อยากระบายเรื่องตอนเด็ก ๆ และเห็นว่าการตีไม่ใช่การแก้ปัญหา และอาจทำให้เลวร้ายลงไปได้ แต่ราณีก็มีแม่คอยสอนการบ้านค่ะ สอนทุกวิชาเลยค่ะ เพราะมีแม่เก่งค่ะอิ อิ
เรื่องที่จะเล่าให้ฟังอีกเรื่องคือเรื่องสมัยตอนเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ราณีสอนวิชาหลักการบัญชี 1 ซึ่งเป็นวิชาที่คนเกลียดเลขไม่ชอบมากที่สุด (แอบบอกนะค่ะว่าตัวเองก็เกลียดวิชาคณิตศาสตร์ที่สุดเหมือนกัน สงสัยเหมือนเรื่องที่แล้วค่ะ เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น อิ อิ)มีลูกศิษญ์หลายโปรแกรม แต่มีลูกศิษย์โปรแกรมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวค่ะ มาเรียนช่วงซัมเมอร์ นักศึกษาคนนี้ ตกวิชานี้มา 4 รอบแล้วค่ะ ท่าทางเหมือนคนติดยา แต่พ่อแม่เขารวยมาก ๆ (มารู้ตอนหลังนะค่ะ) ไม่ค่อยมีอาจารย์ชอบซักเท่าไร เวลาเขาไปถามอาจารย์ราณีสังเกตุว่าไม่มีใครอยากคุยกับเขา ทำให้เขาชอบโดดเรียน เขามาลงวิชาบัญชีกับราณี ตอนเรียนก็สอนแบบเดินไปหาเขาถึงตัวและสอนทำแบบฝึกหัด เขาพูดมาอยู่คำหนึ่งว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาถามแล้วอาจารย์เดินมาสอนถึงโต๊ะ ตั้งแต่นั้นเขาก็ตั้งใจเรียนดีขึ้น วิชาเราเขาไม่ค่อยโดดเรียน แต่วิชาอื่นก็ยังเป็นเหมือนเดิม (ลืมบอกว่าเขาอยู่ปี 4 อายุเยอะกว่าคนรุ่นเดียวกันค่ะ) เราก็อาศัยความที่เขาไว้ใจเราค่อย ๆ สอนให้เขาตั้งใจเรียน และบอกว่าครูก็รอดูความสำเร็จของเธอ อยู่ ตั้งแต่นั้นมาเขาดูตั้งใจเรียนดีขึ้น ซี่งอาจารย์ที่ปรึกษาเขาเดินมาขอบคุณราณีเลย เพราะเกือบโดนรีไทร์แล้ว
บางครั้งราณีว่าเราควรให้โอกาสเขาในเรื่องของการเรียน ถ้าเราใส่อารมณ์ เขาก็ใส่อารมณ์กลับ มันได้ Negative Thinkingค่ะ เพียงแต่เรารู้จักชืนชมเขา จะทำให้เขามีกำลังใจขึ้นและเกิดPositive thinking ค่ะ
ดีใจนะค่ะที่คิดถึงค่ะ แต่เด็ก ๆ ชอบกลัวราณีค่ะ เพราะดูดุ แต่ก็ใจดีค่ะเลือกเกิดไม่ได้นะค่ะ ถึงหน้าดุแต่ใจดีค่ะ อิ อิ แต่เวลาเด็กมีปัญหา กลับโทรหาเราคนแรกทุกที เฮ้อ ทำตัวไม่ถูกค่ะ
บางทีเด็กๆก็สอนให้เราใจเย็น และคอยสังเกตุพฤติกรรมของเขา ถ้าไม่รู้เด็กก็ตอบว่าไม่รู้ คิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น เป็นคำพูดตรงๆซื่อๆ แต่ทำให้เราสะอึก
แต่ก่อนพอใครถามอะไรที่เราไม่รู้ หรือรู้ไม่ชัด เราก็จะตอบแบบเลี่ยงๆ แต่หลังจากที่ได้สังเกตุพฤติกรรมของเด็กดู เด็กก็เลยกลายเป็นครูของผมครับ
จากนั้นมาผมเอาอย่างเด็กบ้าง คือพูดอะไรที่ตรงกับใจและตรงกับความจริง ถ้าใครถามอะไรเราในสิ่งที่เราไม่รู้ เราก็ตอบว่าไม่รู้ไม่ทราบบ้าง จนผู้ที่สนทนาด้วยอึ้งกันเลยครับ
เด็กทำผิดก็ยังน่ารักแบบเด็กครับ แต่ผู้ใหญ่ทำผิดนะซิ...... น่าคิดครับ
'(^-------^)'
รู้สึกว่าคุณครูจะมีประสบการณ์ ที่ไม่ดีตอนเป็นเด็ก(แต่ดีตอนมาเป็นครู) เลยเป็นครูที่เข้าใจเด็ก ^^
เมื่อไม่มีกระจกแล้ว ท่านก็ไม่สามารถมองเห็นตัวท่านเองหรือ
ดูซิครับ !!!! ตัวอักษรเป็นสีดำ กระดาษเป็นสีขาว
ธรรมชาติที่ใสบริสุทธิ์ของเด็ก เหมือนจิตที่บริสุทธิ์ คิดอะไรก็พูดเช่นนั้น ผู้ใหญ่จึงจำเป็นต้องเรียนรู้จากเด็ก เพราะเราโดนกิเลสบดบังเสียส่วนใหญ่
อาจารย์ราณีคมจริงๆนะครับ ตอนที่เห็นรูปคิดว่าอาจารย์น่าจะเป็นคนใต้ หรือไม่ก็มีเชื้อแขกครับ แต่สอนเด็กโตนี่ท่าทางจะสอนยากกว่าเด็กเล็กนะครับ
อ.ลูกหว้าก็สอนเด็กโตเหมือนกันหรือครับ เด็กเล็กอาจจะ"ไร้เดียงสา" แต่เด็กโตนี่ "ร้ายเดียงสา" ครับ
แต่เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่ครับ แค่อาจจะดัดยากครับ ตอนนี้ผมก็กลับไปเป็นเด็กครับ ทำตัวเหมือนเด็กและมีอายุสมองเท่าเด็ก '(^--------------^)'
อาจารย์ทั้งสองคนกำลังกลับไปเป็นเด็กเหมือนผมแล้วครับ คิกคิก
สงสัยต้องเขียนบันทึก สุดยอดเคล็ดลับวิชา ย้อนเวลาไปเป็นเด็ก เพิ่มอีกบันทึกหนึ่งครับ '(^--------^)'
ไว้ว่างๆจะเขียนบันทึก สุดยอดเคล็ดลับวิชา ย้อนเวลาไปเป็นเด็ก ตามคำแนะนำอาจารย์ครับ
ย้อนได้จริงๆครับ สามารถทดลองและพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ครับ
บันทึกนี้เข้าไปดูแล้วค่ะ ชอบนะค่ะเขียนสไตล์นี้ เขียนอีกนะค่ะชอบจริง ๆ และอย่าลืมเขียนสุดยอดเคล็ดลับวิชา ย้อนเวลาไปเป็นเด็กนะค่ะ จะตามไปอ่าน ขอบคุณค่ะ จะรออ่าน
การกระทำของเด็กกระทำด้วยไร้สิ่งเสแสร้เป็นการสื่อออกมาโดยธรรมชาติที่ใสบริสุทธิ์ย่อมได้รับความรักความเอ็นดู ยามเมื่อเติบโตขึ้นมาได้รับการสอนสิ่งต่างเข้าก็ทำให้ความซื่อใสบริสุทธิ์ลดลง แม้นำมาขัดเกลาใหม่ก็ไม่เท่าเดิม จิตของคนเราก็เช่นกันถ้าไม่หมั่นขัดเกลาก็ย่อมหมองมัวไปเรื่อยๆ โลหะเมื่อเก่าเข้าก็นำมาหล่อหลอมใหม่ได้แต่คนเราทำไม่ได้แต่ละภพแต่ละชาติเท่านั้นที่จะได้หลอมใหม่ ต้นไม้หยั่งรากลงดินเพื่อหาอาหารมาเลี้ยงลำต้นและสะสมเมล็ดเพื่อเกิดต้นใหม่แต่คนต้องเสาะหาธรรมมาหล่อเลี้ยงจิตใจในภพหน้าเช่นกัน
จิตของเด็กๆ จะมีลักษณะคล้ายกับ จิตเดิมแท้ บริสุทธิ์ เป็นจิตประภัสสร จึงสมควรอย่างยิ่งที่ผู้ใหญ่ที่เป็นครูผู้ไกล้ชิดกับเด็กๆ จำเป็นต้องคอยสังเกตุพฤติกรรมของเด็ก ให้เด็กเป็นครูสอนเราอีกทีหนึ่ง
(ขอบคุณข้อมูลจากเว็บของเสถียรธรรมสถาน)
แด่ผู้ที่(เคย)เป็นพ่อ-แม่ และผู้ที่มีเด็กๆอยู่รอบๆข้าง
ในชีวิตประจำวัน เด็กๆ สอนอะไรเรา ธรรมชาติเด็ก ธรรมชาติโลก
ณ ธรรมศาลา กับกิจกรรมจิตประภัสสรฯ โดยมีคุณยายจ๋าทำให้ดูว่า การเลี้ยงลูกอย่างเฝ้าสังเกตลูกและเฝ้าสังเกตใจของเรานั้นเป็นอย่างไร และการทำให้ดูมีความสุขให้เห็นนั้นทำอย่างไร
ด.ช.ปันปัน อายุ ๑ ปี ๙ เดือน
เหตุการณ์ ขณะที่ผู้ใหญ่เดินเล่นอย่างมีสติมาถึงเรือนอริยมรรคและลงนั่งล้อมวงเพื่อคุยกัน เบาะนั่งถูกลำเลียงมา ต่างคนต่างหยิบเบาะไปนั่ง รวมทั้งเด็กชายปันปัน ปันปันหยิบเบาะนั่งไปให้พ่อแม่ได้แค่อัน ๒ อัน เบาะก็หมด แต่ปันปันยังอยากหยิบอีก จึงเดินไปเดินมาตัดหน้าคุณยายจ๋า ขณะนั้นทุกคนได้ที่นั่งและวงสนทนากำลังจะเริ่ม พ่อแม่ของปันปันคงรู้สึกว่าการเดินของลูกรบกวนกลุ่ม จึงพยายามจะจับให้ลูกนั่งลง คุณยายจ๋าจึงใช้เหตุการณ์นี้ทำให้ดูว่า เด็กมีมีพลังงานมาก เขาจึงต้องเคลื่อนไหว ถ้าอยากลดพลังงานของเด็กลงต้องทำให้เขาเห็นตัวอย่าง และขณะที่ผู้ใหญ่ทำงาน เช่น คุยกัน ก็ต้องเหลืองานให้เด็กทำด้วย งานของเด็กก็คือการเล่น
การหยิบเบาะไปๆ มาๆ ของปันปันก็คืองานของเขา แต่เขาจะทำอย่างไม่เบียดเบียนคนอื่นได้โดยการสอนให้เขาทำอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบาขณะเดียวกันจังหวะนี้ที่เขากำลังสนใจงานนี้ เรายังสามารถสอนให้เขาทำอย่างขอบคุณคนที่ให้โอกาสเราทำอะไรให้ด้วย โดยไม่ใช่สอนด้วยคำพูด แต่ทำให้ดูมีความสุขให้เห็น ทำให้ดูว่าไม่มีการส่งการรับโดยไม่มีการขอบคุณ
คุณยายจ๋า : ปันปัน ขอเบาะให้ยายหน่อยซิจ๊ะ
ปันปัน : (เดินไปหยิบเบาะอย่างดีใจที่มีคนขอ-เล่นด้วย แต่ส่งให้แบบโยน-อาจเพราะโยนแล้วมีเสียงดังดี...แล้วเดินไปหาพ่อแม่ที่นั่งใกล้ๆคุณยาย)
คุณยายจ๋า : (รับอย่างอ่อนโยนและพนมมือขอบคุณปันปัน)
คุณยายจำ : ยายให้ (ส่งเบาะให้ปันปันใหม่อย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา พร้อมพนมมือขอบคุณเมื่อปันปันรับไป)
ปันปัน : (ปันปันรับ แต่คุณยายแสดงท่าทางให้ปันปันรู้ว่าต้องพนมมือขอบคุณก่อน ...ปันปันพนมมือขอบคุณ และรับเบาะไปให้แม่...แม่รับไว้และพนมมือขอบคุณปันปัน)
คุณยาย : ปันปัน ขอเบาะให้ยายหน่อย ปันปัน : (ถือเบาะมาวางให้อย่างแผ่วเบามากๆ ไม่มีเสียงดังเลย...แล้วคุณยายกับปันปันก็ขอบคุณกันและกัน) หลังจากนั้นคุณยายก็ให้พ่อแม่ทำซ้ำอีก ๒-๓ ครั้งจนปันปันรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับการเล่นนี้ แล้วปันปันก็หันไปสนใจเล่นอย่างอื่นต่อไปอย่างมีความสุข (ไปตีขาเล่นริมบ่อน้ำกับพี่ๆ โดยมีน้าจอย อาสาสมัครรับไปดูแลเพื่อให้ผู้ใหญ่ไม่กังวล)
วันนั้น ปันปันกับคุณยายจ๋าแสดงอะไรให้เราดูหลายเรื่องตลอดทั้งวัน เช่น กราบพระ ตอนแรกปันๆ กราบครั้งเดียว แต่เมื่อเห็นผู้ใหญ่กราบ ๓ ครั้ง ปันปันก็ทำตามโดยไม่ต้องบอก
คุณยายจ๋า : วันนี้เราต้องขอบคุณปันปัน ที่ให้โอกาสน้อง (๗ เดือนในท้องแม่) ได้มาที่นี่ ตัวเขาได้โอกาสแล้วเขายังให้โอกาสกับน้อง ถ้าเราเฝ้าสังเกตเด็กเหมือนกับการเฝ้าสังเกตจิตตัวเอง ถ้าเราเห็นธรรมชาติของลูกเราจะเห็นธรรมชาติของเรา รู้จักจิตตัวเองก็รู้จักธรรมชาติของลูก รู้จักธรรมชาติของลูกก็จะรู้จักธรรมชาติของจิต
พ่อแม่ก็ต้องเรียนรู้ว่าเวลาที่เรารู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมของลูก กลัวว่าลูกจะรบกวนคนอื่น พยายามทำให้ลูกเรียบร้อยตามมาตรฐานของผู้ใหญ่นั้น มันเป็นทิฐิมานะอย่างหนึ่งหรือเปล่า เพราะว่าเป็นลูกเราเราจึงรู้สึกว่าต้องจัดการ แล้วก็เผลอจัดการด้วยความอึดอัด เพราะไม่สามารถจัดการให้เป็นไปดั่งใจเรา แล้วผู้ใหญ่คนอื่นก็ต้องเรียนรู้ว่านี่คือธรรมชาติของเด็กธรรมชาติของโลก เราจะอยู่กับเสียงและการเคลื่อนไหวรอบตัวเราอย่างที่ยังมีความสุขอยู่ได้อย่างไร เวลาเป็นลูกคนอื่นเรารู้สึกอย่างไร แล้วเวลาเป็นลูกเราเรารู้สึกอย่างไร
สวัสดีค่ะน้องDayvil
ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องน้อง ปันปัน ชอบมากค่ะ อย่างน้อย การที่เราอยากให้เด็กเป็นอย่างไร เราต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้เด็กดูก่อนค่ะ จะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้นักศึกษาฟังค่ะ Thank you na ka.
นำภาพน่ารักๆมาฝากอาจารย์ครับ (^-------^)
จิตประภัสสรฯ : ทุนชีวิตที่พ่อแม่ให้ลูกได้ตั้งแต่ในครรภ์
http://www.sdsweb.org/th/index.php?topgroupid=1&groupid=6
หรือ ชุมชนจิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์
http://www.sdsweb.org/th/index.php?topgroupid=1&groupid=13
เด็กทำให้เรารู้ว่า เมื่อวานมีจริง และครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นเด็ก
เด็กทำให้เราติดกับดักอารมณ์
เด็กทำให้เรารู้ว่า ผู้ใหญ่บางคนโง่แค่ไหน ทันทีที่เขาบอกว่า "ความคิดเด็ก ๆ"
เด็กทำให้เราเห็นการแสดงออกต่าง ๆ ที่หนังสือศิลธรรม จริยธรรมเขียนไว้ แต่ผู้ใหญ่ทำให้เราเห็นการแสดงออกต่าง ๆ ที่มีในนิยายน้ำเน่า
เด็กทำให้เรารู้ว่า บางครั้งการเป็นเด็กก็ดีกว่า
เด็กทำให้เรารู้ว่า การทำให้แปดเปื้อน ทำได้ง่ายแค่ไหน
แต่ สิ่งที่เด็กไม่ได้ทำก็คือ
เด็กไม่ได้สอนอะไรเราเลย เด็กก็เป็นเด็ก...........................
สวัสดีครับ อ.รานี
เพิ่งจะได้วางมือกะเจ้าตัวเล็ก พอดีแม่เค้าพากลับบ้านผมเลยว่างซะหน่อย คิดถึงลูกเหมือนกันอีกตั้ง 15 วันจะถึงได้เจอกันอีก ให้ญาติแฟนไปชมบ้าง อิอิ
พอมาเลี้ยงลูกทำให้ย้อนกลับไปนึกถึงผมยังเล็กๆ กว่าจะโตได้เหนื่อยเหมือนกันครับ นี้ขนาดแค่ 9 วันเอง
แต่เด็กทารกก็สอนอะไรเราเยอะครับ
1. สำนึกบุญคุณพ่อแม่
2. สอนให้เรามีความภาคภูมิใจ
3. สอนให้เราสู้ ยามท้อแท้ยังมีลูกอยู่ทั้งคน
4. สอนให้หาตังให้มากๆ ข้อนี้ชอบครับ
5. สอนให้รักเด็ก ที่ไม่ใช่แต่ลูกของเราเอง
แล้ว อ.รานีมีลูกยังครับ ถ้ามีคงจะคมแน่ครับเชื้ออินเดียแรงครับ
สวัสดีค่ะคุณ
ตามมาแจมด้วยใช่ไหมค่ะ อิ อิ จริง ๆ เด็กก็คือผ้าขาว อยู่ที่พ่อแม่ หรือสังคมที่จะเป็นตัวชี้นำเด็ก แต่ทุกคนก็อยากจะย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กค่ะ ก็ได้แค่นึกละค่ะ เอาความสุขใจในวัยเด็กเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจเราค่ะ
เหนื่อยหน่อยค่ะยิ่งโตอีกหน่อยจะยิ่งหลงค่ะ ราณีไม่มีลูกค่ะ มีหลาน ๆ 2คน หน้าเหมือนราณีเลยค่ะวันหลังจะเอารูปมาให้ดู เห็นด้วยค่ะมีลูกก็คิดถึงพ่อแม่ว่าเขาเหนื่อยแค่ไหนที่เลี้ยงเรามา ขอบคุณนะค่ะที่แวะมาทักทาย
สวัสดีครับ คุณรานี
วันนี้เข้าพรรษาแล้ว ช่วงนี้งดเนื้อสัตว์ตลอดพรรษาครับ เพิ่งจะว่างครับ ครอบครัวก็มาแตกซะแล้วลูกสาวแฟนก็รับไป ชีวิตคนเรานี่แปลกนะครับ อะไรๆเหมือนจะดีแต่ก็กลับพังสลาย ก็มีแต่ธรรมะแหละครับที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้หลงไปในทางที่ผิด
คุณรานี สบายดีไหมครับ
ผมก็เป็นเหมือนกานคุณครูชอบตีก้นคนอ้วนไม่รู้ทำไมคงเพระว่าก้นใหญ่ยั่วยวนมั้งเพราะผมก็เป็นคนอ้วนเหมือนกานครับและใครมีปรสบการณ์ก็มาช่วยกันแบ่งหน่อยจะครับ