ไหนมาเรียงลำดับ "เด็กหรือครอบครัวที่ประสบปัญหาความไร้รัฐหรือความไร้สัญชาติ" ที่ต้องจัดการในลำดับเร่งด่วนกันหน่อย
ว่ามา รอให้ความเห็นอยู่
ไม่มีความเห็น
เห็นด้วยค่ะที่จะทำกรณีของเด็กก่อน และกรณีของเด็กที่ไม่มีเลข ๑๓ หลักก่อน
ซึ่งการทำคลีนิคนั้น เราคงต้องมาวิเคราะห์หาสาเหตุที่บุคคลไม่มีเลข ๑๓ หลัก
ขอถามชลต่อว่า ในแต่ละ "กรณีจริง" ที่จะเลือกขึ้นมา ชลรู้ถึงสาเหตุของการที่เด็กไม่มีเลข ๑๓ แล้วยังคะ
มีเวลา ลองสาธยายให้ทราบหน่อย ก็ดี
ว่ามาหน่อยซิคะ
สำหรับกรณี "น้องวิษณุ" เกิดจาก
1. พ่อและแม่ไม่มีเอกสารอะไรเลย
2. พ่อและแม่ไม่มีความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของการจดทะเบียนการเกิด
3. พ่อและแม่กลัวที่จะไปแจ้งเกิดให้ลูกเพราะกลัวจะถูกจับ เนื่องจากไม่มีบัตร
4. วิษณุเกิดที่โรงพยาบาลและมี ทร.1/1 แต่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล พ่อและแม่น้องไม่ได้กลับไปเอาเพราะกลัวถูกจับ
5. แม้แต่การเข้าโรงเรียน ก็ต้องแสร้งทำเป็นว่า น้องวิษณุ เป็นลูกของเพื่อนบ้าน ยืมนามสกุลเพื่อนบ้าน, ทะเบียนบ้าน ของเพื่อนบ้านมาใช้ เพื่อให้ได้เข้าเรียนหนังสือ
อันนี้ คือ จากที่เตือนได้พูดคุยกับครอบครัวน้องวิษณุเองค่ะ
สรุปแล้วเกิดจาก "ความกลัวและความไม่รู้" ค่ะ
กรณีของศุภกรณ์
พ่อและแม่มีสัญชาติไทยค่ะ
มีบัตรประชาชนและมีชื่อในทะเบียนบ้านชัดเจน
แต่เนื่องจากตัวแม่จากบ้านมาทำงานที่พัทยา และวันที่แม่ไปคลอดไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล (รพ.เอกชน) เลยยังไม่ได้ใบรับรองการเกิด ภายหลังไปใช้หนี้ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ไม่ทราบปัญหาที่แน่ชัดว่าทำไมจึงยังไม่ได้สูติบัตร
ซึ่งต่อมานำลูกมาฝากเลี้ยงกับตา ยาย ที่อีสานก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีก ตายายก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาสูติบัตรให้หลานยังไง เพราะศุภกรณ์ยังไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านที่ครอบครัวอาศัยอยู่(บุคคลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของตายายนั้น มีตา-ยาย แม่ของน้องศุภกรณ์ พี่ชาย2 คน และ น้องสาวอีกคนของศุภกรณ์)
เนื่องจากข้อเท็จจริงยังไม่ชัดว่าได้แจ้งเกิดแล้วหรือยัง ถ้ายังแล้วทำไมถึงไม่ได้ไปแจ้งเกิด
ดังนั้นปัญหาของการไม่มีสูติบัตรของศุภกรณ์ที่อาจเป็นไปได้ คือ
1.การไม่มีสูติบัตรในทางข้อเท็จจริง แต่มีสูติบัตรและมีการแจ้งเกิดแล้วตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรแล้ว คือ มีการแจ้งเกิดแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานของใบสูติบัตร และ ยังไม่มีการย้ายชื่อมาเข้าทะเบียนบ้านของตาและยาย ตาและยายจึงเชื่อว่าหลานยังไม่มีใบสูติบัตร
หรือ
2. พ่อและแม่มีอุปสรรคปัญหาและไม่ประสบความสำเร็จในทางปฏิบัติที่จะ
(1)ได้ใบรับรองการเกิดจากโรงพยาบาล
(2)นำใบรับรองการเกิดไปแจ้งเกิดให้ศุภกรณ์ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
(3)ย้ายชื่อศุภกรณ์ไปอยู่ในทะเบียนบ้านของตาและยาย
และ
3.ความไม่สนใจหรือตระหนักของพ่อและแม่ ในการแจ้งเกิดให้ศุภกรณ์
แล้วจะบอกอะไรแก่ "เหล่าผู้ร้อง" ในวันเสาร์นี้ล่ะ
สรุปวิธีการทำงานร่วมกันได้ไหม
ศุภกรณ์ก็เป็นกรณีเร่งด่วนค่ะ เพราะเป็นเด็กที่ยังไม่มีสถานะทางบุคคลเลย
จำเป็นต้องมีจดทะเบียนการเกิด และ การบันทึกตัวบุคคล
กรณีของเด็กหรือครอบครัวที่เป็นกรณีเร่งด่วน และจำเป็นต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือ มีข้อที่จะพิจารณา คือ
1.มีสถานการณ์ของผลกระทบของปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติต่อการเข้าถึงสิทธิต่างๆ ที่มีเงื่อนเวลากระชั้นชิดและจะส่งผลร้าย หรือ ส่งผลกระทบความร้ายแรงต่อชีวิตและร่างกาย ทำให้จะต้องเข้าไปจัดการปัญหาหรือเยียวยาปัญหาเป็นกรณีเร่งด่วน ทันที เช่น กรณีของคนที่ยังไม่มีสถานะทางบุคคล-ไม่มีเลข 13 หลักไม่สามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆ ที่จำเป็นต่อชีวิตในขณะนั้นได้
2.กรณีของปัญหานั้นเป็นปัญหาที่สำคัญ จำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากที่เจ้าของปัญหาไม่สามารถทำเองได้ หรือ ควรต้องเข้าไปดูแลการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด
3.กรณีของคนที่มีปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติ หรือ ได้รับผลกระทบจากปัญหานั้น ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลแก้ไขปัญหานั้นได้เอง ซึ่งจำเป็นต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
กรณีของเด็กหรือครอบครัวที่ประสบปัญหาความไร้รัฐหรือความไร้สัญชาติที่ต้องจัดการในลำดับเร่งด่วนและ ให้ความสำคัญ ที่ลองจัดอยู่ในขณะนี้ ตามลักษณะของการให้การช่วยเหลือ คือ
1.กรณีบุคคลที่ไม่มีเลข 13 หลัก และต้องทำการจดทะเบียนรับรองการเกิด หรือ การส่งชื่อให้กระทรวงศึกษาดูแล
(1).เด็กชายวิษณุ
(2).เด็กชายศุภกรณ์
(3)นส.โอ๋
(4)เด็กชายสมชาย- กอล์ฟ (ม.ท่าเรือ-อ.สบเมย)
2.กรณีของบุคคลที่ไม่เลข 13 หลัก และต้องทำการบันทึกทะเบียนบุคคล ตามระเบียบ 48 หรือ การขอพิสูจน์สัญชาติ / เอาชื่อกลับเข้าสู่ทะเบียนราษฎร
(1)ครอบครัวศิลปวงศ์เจริญ(สัญชาติต่างชาติ)
(2)นางเซาะเล้ง แซ่เต้(สัญชาติต่างชาติ)
(3)ครอบครัวแซ่ลี
3.กรณีของการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย / การขอสัญชาติโดยการสมรส
(1) อาจารย์อายุ
(2)นางแสงเดือน ทานะสมบัติ
(3)วิวัฒน์ - ชบา
4.กรณีของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ หรือ ตกอยู่ในภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติในเชิงข้อเท็จจริง ที่กำลังอยู่ในภาวะอันตรายต่อชีวิต
(1)กลุ่มเด็กชาวม้ง เขตน้อยที่จ.เพชรบูรณ์
(2)กลุ่มผู้ถือบัตรประจำตัวชนกลุ่มน้อยในต่างประเทศ เช่น ญวณอพยพในประเทศญี่ปุ่น และ น้องแพรผู้ถือบัตรสีในสิงคโปร์
(ส่วนนี้ตอนหลังจึงมาคิดและเข้าใจว่าน่าจะเป็นงานของสำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย )
5.กรณีของคนไร้รัฐไร้สัญชาติที่ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย หรือ ขอมติครม.เพื่อการดำเนินการแก้ไข หรือต้องมีความเคลื่อนไหวทางสังคม
(1)ขอสัญชาติไทยให้บุตรบุญธรรมไร้รัฐไร้สัญชาติของครอบครัวสัญชาติไทย เช่น น้องขวัญ วรรัตน์ น้องฮงผิง เด็กหญิงณภัทร แซ่เฉิน เด็กหญิงโต๊ะเล้ง
(2)การขอสัญชาติไทยให้กับเด็ก เยาวชน ต่างชาติที่กลมกลืนกับสังคมไทย ได้รับการศึกษาตามระบบการศึษาไทย และ สัญชาติที่มีไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต
(3)กรณีของผู้ถือบัตรลาวอพยพ
(4) การขอประกาศกระทรวงแรงงานเรื่องการทำงานของคนต่างด้าว