ตอบปัญหาเรื่องสิทธิในสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓ วรรค ๑ ของคนถือบัตรเลข 0


[gotoknow.org] You've received a contact mail @ Tue Oct 06 15:59:27 +0700 2009‏ จาก: [email protected] ส่งเมื่อ: 6 ตุลาคม 2552 8:59:39 ถึง: [email protected] สวัสดี Archanwell (archanwell) นี่คืออีเมลติดต่อจากผู้อ่าน กรุณาตอบโดยตรงไปยังผู้อ่านนั้น ------------------------------------------------------------------ ชื่อ: ไตรภพ อีเมล: [email protected] หัวเรื่อง: บัตรเลข 0 ถือเป็นหลักฐานทางทะเบียนราษฎรตาม ม.23 หรือไม่ครับ ข้อความ : บัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน และแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร จากสำนักเบียนกลาง ถือว่าเป็นหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ตาม ม.23 ได้หรือไม่ครับ (หนังสือสั่งการ มท 0309.1/ว1587 ข้อ 3.3.2 กรณีผู้ยืนคำขอไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านฉบับที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก แต่มีหลักฐานทางทะเบียนประวัติราษฎรที่มีเลขประจำตัวประชาชนหรือเอกสารราชการ เช่น หลักฐานการศึกษา หลักฐาน....................ให้สอบสวนพยานบุคคลผู้น่าเชื่อถือรับรองจำนวนไม่น้อยกว่า 4 คน) คือมีนักเรียนอยู่ 1 คนครับที่ผมมีความคิดที่พาไปยืนคำขอฯตาม ม.23 ได้คุยเบื้องต้นกับปลัดอำเภอไว้ตั้งแต่ต้นปี เขาบอกว่าไม่ได้ แต่ผมยังไม่อยากเชื่อ เพราะเคยยืนให้เด็กอีกคนกับอีกอำเภอหนึ่ง เขารับและอนุมัติไปแล้ว ตั้งแต่ ปี2551 ข้อมูลเด็ก **ชื่อ วนิดา **เกิด 18 มี.ค. 2534 (ตามบัตรเลข 0 และหลักฐานการศึกษาการเข้าเรียนที่โรงเรียนเก่าในหมู่บ้าน) **สถานที่เกิด ประเทศไทย (จากพยานบุคคลในหมู่บ้าน และครูที่เคยสอนอยู่ในหมุ่บ้าน) **223 ม.2 ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก (เป็นที่อยู่ของโรงเรียนในหมู่บ้านที่เด็กเรียนจบป.6 มา คือตอนนี้ เด็กเรียนอยู่ ม.3 กับโรงเรียนของผม อยู่ อ.เมือง) **พ่อ แม่ มีชีวิตอยู่ แต่ไม่สนใจในการติดต่อกับทางราชการ จึงไม่เคยได้รับการสำรวจอะไรเลย ตอนนี้อยู่ในประเทศไทย แต่บางทีก็ไปทำไร่ฝั่งพม่า ส่วนเด็กอยู่ในประเทศไทยตลอด อยู่กับน้า **ข้อนี้ผมเดาเอาเองนะว่าหมู่บ้านนี้มีการเรียกรับผลประโยชน์จากเด็ก (เด็กที่มาขอให้ผมช่วยยังไม่ได้รับการอนุมัติเลย ส่วนเด็กที่ไปติดต่อเองกับญาติและผู้ใหญ่บ้านได้อนุมัติเร็วมาก จนเด็กคิดว่าความถูกต้องสำคัญน้อยกว่าเงิน) **ตอนสุดท้ายนี้ ขอให้อาจารย์อ่านหน่อยนะครับจะเป็นพระคุณมาก เพราะรู้สึกว่าผมกำลังเสี่ยงกับหมู่บ้านนี้กับเคสนี้ ผมไม่มีเครือข่ายคอยให้คำแนะนำ และให้การช่วยเหลือเลย บางทีคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเรานี่หว่า **ขอพูดยาวหน่อยนะครับในตอนนี้ปิดเทอมแล้วครับผมก็พอมีเวลาช่วงวันที่ 11-21ตค.เป็นช่วงปิดเทอม จะได้ไปทำงานเกี่ยวกับเด็กไร้สัญชาติได้บ้าง เพราะที่โรงเรียนไม่มีแผนงานในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง ผมเองก็ทำงานในหน้าที่อื่นในโรงเรียน(ครูสอนวิชาศิลปะ และผลิตสื่อให้โรงเรียน) แต่มีความสนใจเรื่องนี้มานานแล้ว พอ ม.23ออกมา ผมก็ได้พาเด็กไปยืนคำขอหลายคน แล้วก็ได้อนุมัติบ้าง เงียบไปบ้าง บางคนก็จบไปก่อนครับ บางทีก็ท้อแท้และกลัวอันตรายเพราะเจออิทธิพลในพื้นที่ที่เขาหาผลประโยชน์กับเด็กไร้สัญชาติ เขาก็มองผม บางทีเขาขี่มอเตอร์ไซด์มาวนดูเราหลายรอบเวลาพาเด็กไปยืนคำขอ และผมก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเด็กอีก เพื่อนครูก็เตือนสติผมหลายคนว่ามันไม่ใช่หน้าที่เรา เราเป็นครูเรามีหน้าที่ให้โอกาสทางการศึกษากับเขาให้เต็มที่ แล้วการศึกษาของเด้กไร้สัญชาติก็ไม่ได้มีการปิดกั้นอยู่แล้ว เพื่อนครูก็เป็นห่วงว่าเราจะได้รับอันตราย การทำให้เด็กมีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์เป็นเรื่องของมหาดไทยไม่ใช่ของกระทรวงศึกษา เราให้ความรู้เขา และให้เขาไปทำเองให้ได้ก็พอ ประเด็นนี้อาจารย์แหววคิดว่ายังไงครับ ซึ่งอิทธิพลในพื้นที่มีจริงๆครับ (ลูกสาวผมอายุ 5 ขวบอยู่เลยครับ) **แล้วเด็กคนนี้ก็มาถามผมหลายทีแล้วมาเมื่อไหร่ครูจะพาหนูไปอีก เขาไม่รู้ว่า เราพาพวกเขาไปอำเภอนี่เป็นการส่วนตัว ไม่ใช่งานโรงเรียน อาจารย์คิดว่าเขาจะรับคำขอไหมครับ ผมก็ไม่ได้หวังอะไรมาก อยากให้เขารับก่อน เพราะเด็กคนนี้รอผมมานาน และเขาท้อแท้มาก มีอยู่ครั้งหนึ่งผมพาเด็กไปยืนคำขอฯ ม.23 ที่อำเภอที่เขาอยู่ และไม่ได้พาเขาไป บอกเขาว่า ครูไม่แน่ใจให้ครูหาข้อมูลก่อนนะ แค่นั้นนะพอเขากลับไปหอพักครูหอพักก็เล่าให้ผมฟังว่าเขาร้องไห้ทั้งวันเลยตั้งแต่เช้า ไม่ไปเข้าแถว ไม่ยอมไปเรียน ไม่ยอมไปกินข้าว ถามอะไรก็ไม่พูด **นี่ล่ะครับเรื่องราวทั้งหมด ผมคิดว่าคนนี้ผมจะพาไปยืนเป็นคนสุดท้าย แล้วผมจะปรับเปลี่ยนเป็นการให้ความรู้ และกำลังใจกับเด็กแทนการเข้าไปเชิงรุกอย่างนี้ ซึ่ง ม.23 ออกมา ปีกว่าแล้ว บอกตรงๆเลยว่าเคสนี้ผมหวั่นถึงอันตรายบ้างครับ เพราะเมื่อต้นปี เพื่อนครูที่ขับรถไปหาข้อมูลด้วยกัน สังเกตุเห็นคนท่าทางแปลกมาวนดูรถของเราและมาดูหน้าของเรา เพื่อนครูบอกผมว่าอย่าไปอีกเลยเพราะเขามีเพื่อนเป็นครูในพื้นที่เขาบอกว่าไม่มีใครยุ่งเรื่องพวกนี้หรอก **ตอนนี้ปีงบประมาณ 2553 ผมทำโครงการเกี่ยวกับการให้ความรู้และกำลังใจเด็กไร้สัญชาติในโรงเรียน เสนอไปที่แผนงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน เขารับโครงการแล้ว แต่ครูเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เลยบอกให้ผมช่วยประสานงานหาวิทยากรที่จะมาด้วย เดี่ยวเรื่องนี้ผมจะ เมลโครงการมาให้อาจารย์ดูอีกทีครับ แล้วจะขอคำแนะนำและคำปรึกษาอีกครั้งว่าจะเชิญใครเป็นวิทยากรดีครับ **อาจารย์ช่วยตอบคำถามเร็วหน่อยนะครับสั้นๆก็ได้ เพราะผมคิดว่าผมจะเดินทางไปช่วงวันที่ 11-15 ตค.นี้ครับ ขอบคุณมากครับ ----------------------------------------------------------- อีเมลนี้ส่งมาจาก: 61.7.161.26 [email protected]


ความเห็น (1)

ไม่มีความเห็น


คำตอบ (1)

Archanwell
เขียนเมื่อ

           ในประการแรก ขอยืนยันว่า บัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน และแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร จากสำนักเบียนกลาง ถือว่าเป็นหลักฐานทางทะเบียนราษฎร ตาม ม.23 ค่ะ

        ในประการที่สอง หากปลัดอำเภอปฏิเสธ ก็ขอให้เขาปฏิเสธคำร้องลงรายการสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓  แล้วค่อยอุทธรณ์ แล้วไปฟ้องศาลปกครองได้ค่ะ

         ในประการที่สาม หากเด็กเกิดในโรงพยาบาลในประเทศไทย ก็ใช้หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) ซึ่งออกโดยโรงพยาบาลเป็นพยานหลักฐานแสดงการเกิดในประเทศไทย แต่หากเด็กเกิดนอกโรงพยาบาล ก็ต้องร้องขอทำหนังสือรับรองการเกิดก่อนนะคะ ซึ่งในกรณีนี้ ต้องร้องขอทำที่อำเภอค่ะ ต้องนำพยานบุคคลในหมู่บ้านและครูที่เคยสอนอยู่ในหมู่บ้านนั่นแหละค่ะ มาให้ปลัดอำเภอสอบปากคำ หากปลัดปฏิเสธ ก็ต้องอุทธรณ์ แล้วไปฟ้องศาลค่ะ

        ในประการที่สี่ คุณถามว่า คุณต้องช่วยเด็กในการยื่นขอใช้สิทธิในสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓ หรือไม่ ? คำตอบก็คือ ถ้าคุณพร้อมที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อใครสักคน แม้มันนอกหน้าที่โดยตรง ก็ทำได้ เพราะมันเป็นการช่วยให้เด็กนักเรียนของคุณได้มาซึ่งโอกาสในการแก้ไขปัญหาความไร้สัญชาติอย่างถาวร

        ในประการสุดท้าย แนบบทความความที่เขียนเกี่ยวกับมาตรา ๒๓ เพื่อตอบคำถามของเด็กสบเมยมาให้อ่าน แม้มิใช่เป็นเรื่องของคนถือบัตรเลข ๐ แต่ก็ให้หลักกฎหมายมาตรา ๒๓ เหมือนกัน และมาตรา ๒๓ ก็ใช้กับทุกคนที่มีชื่อในทะเบียนราษฎร คนถือบัตรเลข ๐ หรือ ๐๐ หรือ ๖ หรือ ๗ หรือ ๘ ก็เป็นคนที่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรเหมือนกัน อ่านดูนะคะ

“บุคคลผู้ถือบัตรบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยและบุตร จะมีสิทธิขอลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านตามมาตรา ๒๓ หรือไม่ ? เพราะเหตุใด ?,

งานเขียนเพื่อหนังสือแจกในงานวันเด็กไร้สัญชาติ ครั้งที่ ๗ พ.ศ.๒๕๕๒ ของศูนย์พัฒนาเครือข่ายเด็กและชุมชน, เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑

http://gotoknow.org/blog/archanwell-and-stateless-and-nationalityless/228684

 



ความเห็น (1)

สวัสดีคะอาจารย์ อาจารย์จะช่วยหนูได้ไหมคะ เรื่องมันยาวคะ ถ้าได้ไห้เเอ๊ดมาที่[email protected]จะเล่าไห้ฟัง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท