จะจัดระบบการเรียนรู้ได้อย่างไร


นาย นนทวัฒน์ ศรีชัยวรรณ Mr.Nonthawathn Sri.
Dear Teacher AnogSiri. Happy New year 2009. สวัสดีครับ อาจารย์ที่เคารพ ผมนายนนทวัฒน์ ศรีชัยวรรณ นักศึกษา สควค. รุ่นที่ 12 หมู่เรียน ป.บัณฑิต 51.2 จากการได้อ่านบทความเรื่อง "จะจัดระบบการเรียนรู้ได้อย่างไร" และจากประสบการณ์การฝึกวิชาชีพครูที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ระดับชั้น ม.3 นักเรียนในสังกัด 240 คน ผมขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ครับ จากบทความ"จะจัดระบบการเรียนรู้ได้อย่างไร"พบว่าการจัดระบบการศึกษาที่ดีต้องมีความสัมพันธ์กันหลายๆด้าน มีลำดับก่อนหลัง และการจัดการที่ชัดเจน แต่จากการได้ที่ผมได้อยู่ระหว่างการฝึกประสบการณ์ฯนี้ พบว่าโรงเรียนมีความพร้อมที่ดีให้กับนักเรียนทั้งบุคลากรและสถานที่ประกอบกิจกรรม แต่ก็ยังมีส่วนที่บกพร่องบางประการ เช่น การจัดคาบเรียนที่โรงเรียน ได้แบ่งเวลาเรียนเป็น คาบเดี่ยว และคาบคู่ ภายในหนึ่งสัปดาห์ หรือรวมกันได้สามคาบต่อสัปดาห์ ซึ่งตัวที่มีปัญหาคือคาบเดี่ยว เพราะคาบเดี่ยวจะมีเวลาน้อยเพียง 50 นาที นักเรียนจะเรียนได้ไม่มากนัก และไม่ได้เรียนในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ จึงยากต่อการแสดงวิดิทัศน์และ/หรืออุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ จึงได้เพียงแค่การบรรยายเท่านั้นทั้งๆที่เนื้อหาที่สอนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้นักเรียนได้ทำการทดลองทุกเนื้อหา จึงแก้ไขโดยการยกแลปง่ายๆได้แสดง/สาธิตให้นักเรียนแทน โดยระบบเวลาเดิมของโรงเรียนได้จัดการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นสี่คาบต่อสัปดาห์แบ่งเป็นคาบคู่และเรียนในห้องแลป นอกจากนี้แล้วเรื่องวัสดุอุปกรณ์ก็มีปัญหาเช่นกัน คือ ขาดแคลนเครื่องมือในการทดลอง ไม่เพียงพอ เนื่องจากงบประมาณน้อย ไม่เพียงแค่เรื่องเวลาเรียน และเครื่องมือเท่านั้น ปัญหาอีกอย่างที่สำคัญคือ ตัวของผู้เรียนเอง ผู้เรียนส่วนใหญ่ขาดความตั้งใจในการเรียน มีปัญหาทางบ้าน สูบบุหรี่ ติดกิจกรรม โดดเรียน ฯลฯ โดยเด็กส่วนใหญ่ในช่วงชั้นนี้เป็นนักเรียนที่ไม่ได้ผ่านการสอบคัดเลือก ผมจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการปรับสภาพและจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม อาจไม่ดุนักเรียนที่ไม่ตั้งใจเรียนแต่จะให้เค้าทำกิจกรรมและให้คำชมเชยแทนพบว่านักเรียนได้มีการปรับปรุ่งตัวที่ดีขึ้น และยังมีการให้การช่วยเหลือติวกลุ่มนักเรียนที่เรียนอ่อน และเอาใจใส่นักเรียนที่เกเรมากเป็นพิเศษ จนสามารถเอาชนะใจนักเรียนได้ดีขึ้นกว่าเดิม จากเดิมนักเรียนที่ซนและโดดเรียน ตอนนี้นักเรียนกลุ่มนี้ได้กลายเป็นนักเรียนที่ชักชวนเพื่อนมาเรียนและไม่โดดเรียน หรืออาจเรียกง่ายๆว่าการใช้หัวโจกมาเป็นหัวใจในการชวนเพื่อนเรียน ที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนของระบบการเรียนรู้หรือส่วนที่เป็นตัวป้อน(Input) ของระบบในการจัดการเรียนรู้ ส่วนกระบวนการอื่นๆผมได้จักแผนการการเรียนรู้ตามความเหมาะสมและปรับตามสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง ผมเห็นว่าระบบการศึกษาไทยควรได้รับการดูแลอีกเท่าตัว ตามที่ผมคิดไว้คือ อยากให้โรงเรียนขนาดใหญ่ เช่น ยุพราชวิทยาลัย มีครูต่อนักเรียน15-20 คน เพื่อการดูแลอย่างทั่วถึง มีการจัดงบประมาณให้มากและเพียงพอ และจัดอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพไม่โบราณ และคัดนักเรียนที่เข้าเรียนครับ P.S. I'm sorry!!! I'm late. May I answer for this toppic? Love Teacher Anong Si. NS anewclass (Sign)


ความเห็น (1)

ไม่มีความเห็น


คำตอบ (1)

อนงค์ศิริ
เขียนเมื่อ
not yet answered


ความเห็น (1)

ยึดหลักผู้เรียนเป็นสำคัญ ภายใต้สภาพแวดล้อมของแต่ละสถานการณ์ โดยมีการปรับแปลี่ยนยึดหยุ่น และไม่เหนือการควบคุมของตัวผู้สอน

มัวแต่ไปอ่านบทความอืน แกมเล่นเกมส์ครับอาจารย์ มาช้าดีกว่าไม่มาครับอาจารย์

อากาสร้อนดื่มนำเยอะ ๆ นะครับอาจารย์ร่างกายจะได้ปรับสภาพได้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท