ขอบคุณมากๆ นะครับ
ผมจะเริ่มเลยนะ ท่าน รมต. ช่วย อารีย์การศึกษา
ได้ตั้งคำถาม ในhttp://gotoknow.org/blog/beutifulmemories/95065
ความอนาถาทางการศึกษา..การศึกษาเชิงพาณิชย์..การที่ไม่เกิดความรู้แบบสังเคราะห์แต่ชอบจำมาเป็นดุ้นๆ..การวิจัยเป็นส่วนๆที่ไม่เคยได้นำมาใช้จริงเท่าไหร่..ความรู้ดีๆสงวนไว้สำหรับผู้ที่จ่ายได้เท่านั้น..ความน่าอนาถทางการศึกษาแบบนี้ เราจะทำอย่างไรดีล่ะคะ..เพื่อให้ไทยไม่ขาดต้นทุนทางการศึกษา ?
ขอต่อไปเรื่อยๆนะครับท่าน รมต.ช่วย
จากที่เดิม http://gotoknow.org/blog/beutifulmemories/95065คุณ
มาตรฐานการศึกษา อันนี้เป็นประเด็นหนึ่งที่น่าเป็นห่วงนะครับคุณเบิร์ด หากเราเทียบมาตรฐานการเรียนของมหาวิทยาลัย(ที่เต็มไปหมดทั่วเมืองไทย) แตกต่างกันมาก แต่ผลผลิตที่ได้คือ ใบปริญญาที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน...อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องพูดตรงไปตรงมา
ที่เก่า
" การขับเคลื่อนความรู้ บางทีก็ไม่ต้องรอนโยบาย ไม่ต้องรอคนของรัฐมาคิด เพราะเขาอาจคิดไม่ทัน "..." โดน " ค่ะ เพราะนโยบายน่ารำคาญมาก..แต่การขับเคลื่อนความรู้ควรเป็นใครล่ะคะที่เป็นผู้ขับเคลื่อน และความรู้ที่ขับเคลื่อนนั้นเป็นความรู้ประเภทไหน ? ( ความรู้ที่แท้จริงหรือท่องจำ )
เต็มที่เลยครับทุกท่าน เรียงอย่างไรก็ได้ ขอให้ครบประเด็นนะครับ
จาก สภาการศึกษา G2K : ไวรัสร้ายที่ทุกคนต้องระวัง "ภูมิคุ้มกันชุมชนบกพร่อง"
คนไทยชอบตามจริงๆค่ะ ขนาดการพัฒนาก็มักทำกันแบบ ขอดู โมเดล หน่อย ชอบทำตาม "โมเดล" ซึ่งเป็นทักษะที่คนไทยเก่งมากนะคะ เลียนแบบ ทำตามกันเนี่ยะ จริงๆมันไม่ได้เป็นข้อเสียซะทีเดียว เพียงแต่เราต้องเข้าใจที่มาที่ไปเท่านั้นเอง [ไม่มีโมเดล คิดไม่ออก?]
การตามค่านิยมก็เช่นกัน จริงๆไม่ได้ขาดของอะไรเลย แต่ก็ไปเอาของมาเกิน ทำให้เป็นหนี้เป็นสิน ติดจานดาวเทียม มือถือหลายๆเครื่อง เด็กทานนมกระป๋องสูตรพิเศษจากแม่ค้าขายตรง ต้องมีรถกระบะทุกบ้าน ต้องปลูกบ้านหลังใหญ่ๆแต่อยู่กันไม่กี่คน ฯลฯ
พี่แป๋วครับ
จาก สภาการศึกษา G2K : ไวรัสร้ายที่ทุกคนต้องระวัง "ภูมิคุ้มกันชุมชนบกพร่อง"
สิ่งที่สำคัญคือ ยอมรับให้ได้ว่า ไม่มีใครทำให้คนทุกคนมีทักษะโยนิโสมนสิการได้ แต่คนที่มีก็ต้องช่วยพยายามลปรร.เท่าที่จะทำได้ แล้วก็ให้คนดีเป็นผู้นำ (ตั้งแต่ระดับองค์กรย่อยไปเลยค่ะ) คนที่เก่งทำตามจะได้ตามถูก ให้ผู้นำย้ำเตือนใจคนไทยให้เห็นค่าว่าบ้านเรามีดีอยู่แล้ว ทีนี้จะเอาโมเดลใครมาใช้ก็จะได้ใช้ได้อย่างเข้าใจตัวเอง ว่าต้องปรับอะไรยังไงให้เข้ากับบริบทเรา จะพัฒนาต่อไปได้อย่างไร
เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ ---------> http://www.somporn.net ---------> http://www.schuai.net เมื่อ พ. 09 พฤษภาคม 2550 @ 08:03 [254168] |
จาก รวมพลัง G2K เพื่อ...การศึกษา....ปัญหาและแนวทางแก้ไข (ยกแรกร่วมระบาย ลปรร.)
หลายสถานศึกษา หลายหน่วยงาน สอนแต่วิชาการ แล้ววิชาชีวิต ไปเรียนกันที่ไหนหรือ คงต้องเรียนในทุกที่
กล่าวมา ยังไปไม่ถึงดินเลยครับ ขอให้มาต่อให้ลงดิน(ชีวิตจริงของคนเรา)กันต่อนะครับ
"อย่าโทษระบบ เพราะเราก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบ ถ้าอยากให้ระบบเปลี่ยน เราก็ต้องเริ่มด้วย"
เบิร์ดเห็นด้วยค่ะกับพลังใน G2K และพลังของความหวังที่เรามี..เห็นแล้วนึกถึง " ยุทธการผีเสื้อกระพือปีก " ของ อ.ประเวศ วะสีจังเลยค่ะ..ผีเสื้อตัวนิดเดียว กระพือปีกตัวเดียวก็บางเบา แต่ถ้าผีเสื้ออยู่เป็นกลุ่มใหญ่ แล้วกระพือปีกพร้อมๆกันก็เกิดคลื่นพายุได้นะคะ
เพราะเรายังมีทุนทรัพยากร ทุนทางปัญญา ทุนทางสังคม..เหลืออยู่เพียงแต่เราต้องมีกระบวนการผลิตที่เหมาะสมกับทุนเหล่านี้เพื่อเพิ่มมูลค่าในสิ่งที่เรามีให้สู้กับการบริโภคนิยมหรือวัฒนธรรมต่างๆที่ไหลบ่ามาทำให้เราสำลักกระอักกระไออยู่ในขณะนี้
วันนี้ได้ วาทะ เบิร์ต มากจริงๆ
http://gotoknow.org/blog/beutifulmemories/95065#..ถ้าเราช่วยกัน..เพราะถ้าเราจะเดิน.. " เราไม่ควรเอาสิ่งที่เราขาดไปเทียบกับสิ่งที่คนอื่นมี "...แต่ควรเดินอย่างรู้ว่าเรามีอะไรและเราจะใช้อย่างไรน่าจะดีกว่า..
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
ส่วนอันนี้เอามาป่วนเล่นๆ ^ ^
ถ้าไหวทั้งกาย ทั้งใจ ทั้งสมอง เรียกว่ายังไหว ถ้าไหวแต่กาย เรียกว่า สั่นไหว ถ้าไหวแต่ใจ เรียกว่า หวั่นไหว ถ้าทุกอย่างไม่ขยับขเยื้อน เรียกว่า ไม่ไหว ..
จาก http://gotoknow.org/blog/dol3377/96630 ของใครก็ไม่รู้ อิ อิ
สนุก สนุก ของท่านแอมป์
ผมโดนแซวเสียแล้ว นักจิตฯ
http://gotoknow.org/blog/mrschuai/97689
ลืมที่มาครับ ขอโทษครับ ด้านบนวาทะท่านแอมป์
วาทะ คุณ อัมพร อรุณศรี
น่าคิด
มีแง่คิดดีๆ
การศึกษาที่สมบูรณ์ ที่ทำความเป็นมนุษย์ให้ถูกต้องและสมบูรณ์ 3 ขั้นตอน http://gotoknow.org/blog/mrschuai/97689
|
มาจาก รมต. ช่วย อารีย์การศึกษา
เจ้าของบ้านมาเอง
เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ ---------> http://www.somporn.net ---------> http://www.schuai.net เมื่อ อ. 22 พฤษภาคม 2550 @ 12:24 [267748] |
คุณ เอก ให้แง่คิดสำคัญ สำคัญ
วาทะเด็ด ยอดคุณหมอ
There is no such a thing like students who fail, there is only school or teacher who fail students
ไม่มีอีกแล้วสำหรับนักเรียนที่ล้มเหลว มีแต่โรงเรียนหรือครูที่ทำให้เด็กล้มเหลว
สุดยอดครับท่าน
การทำให้สังคมมองหา อัจฉริยภาพของลูก ของเด็ก เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ก่อนจะไป ตีตรา เด็กว่าโง่ ว่าไม่เก่ง จาก test อะไรที่มีอายุนับร้อยปี มองไปรอบตัว คนเราทุกคน มีอะไรดีๆของคนๆนั้นเสมอ ว่าแต่สังคมเปิดพื้นที่ให้เขาได้ภาคภูมิใจในตัวเขาสักกี่มากน้อย หรือว่ากดขี่ว่าเป็น skill ที่ไม่เชิดหน้าชูตา?
สามเหลี่ยมอะไรครับที่ทรงพลัง ท่าน รมต.ช่วย
เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ ---------> http://www.somporn.net ---------> http://www.schuai.net เมื่อ อ. 22 พฤษภาคม 2550 @ 15:36 [268020] |
ความคิดเห็นที่มีค่า ครูในถิ่นแดนไกล ไกล ไกล
เหนื่อยสุดๆ แต่สำหรับครูท่านอื่นอาจสบายก็ได้ เพราะคิดว่า อย่าอะไรมากเลยกับเด็กพวกนี้...สอนไปมันก็ไม่รับแล้ว...ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่จริงเสมอไปเพราะต้าพิสูจน็มาแล้วว่าเด็กตัวแสบพวกนี้มีศักยภาพด้านอื่น ๆ อีกเยอะ
เราพูดกันมากว่า... “ มากู้ชาติด้วยการปฏิรูปการศึกษา “...แต่ก่อนที่จะกู้ชาติเราต้องย้อนมาดูว่า “ ต้นทุนคนไทย “......ผู้ที่จะกู้ชาตินั้นมีประสิทธิภาพ มีความสามารถแค่ไหน ? และเพราะอะไร ?...ก่อนจะเข้าสู่ทำอย่างไร ? ที่จะให้การศึกษาไทยสามารถทำให้เด็กที่จะเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้ามา “ กู้ชาติ “ ..ในสิ่งที่เป็นผลพวงจากการกระทำของผู้ใหญ่รุ่นแล้วๆมา...
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
" วิชาครอบครัวศึกษานี้ สามารถสอน และสอดแทรกในการเรียนการสอนได้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาเอกโดยไม่ต้องรอครูต้นแบบ การสืบทอดความเป็นครอบครัวที่เหนียวแน่นภูมิปัญญาของไทยมานานแล้ว ..
โปรดอย่ารีรอที่จะสอนชุดความรู้นี้โดยไม่ต้องรอให้กระทรวง ทบวง กรม ประกาศใช้เป็นหลักสูตร....
เพราะ "หลักสูตร" มักจะเกิดตามหลังชุดความรู้ที่เป็น "ภูมิปัญญา" เสมอ
http://gotoknow.org/blog/communicationliteracy/97906
..............................................................................................
เบื้องหลังของวิกฤตทั้งสามเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะอยู่ที่ วิธีคิด ที่ว่า ใครมีอำนาจและเป็นตัวแทนของการใช้อำนาจคนนั้นก็มีสิทธิ์ตัดสินใจ และกำหนดคำตอบให้ทุกคน
และส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดวิธีคิดเช่นนี้เป็นผลมาจากระบบการศึกษา เพราะถูกสอนกันมาให้เชื่อและอยู่ในอำนาจ ด้วยระบบการศึกษาแบบที่แยกมนุษย์ออกเป็นพวกตามชุดความรู้ แยกความรู้ที่ควรจะเชื่อมโยงสัมพันธ์กันได้ออกเป็นชุดย่อยๆ จัดความรู้นั้นใส่กรอบของศาสตร์ สอนให้รู้ในกรอบของศาสตร์ที่คิดว่าต้องรู้เพียงเท่านั้น โดยมิพักตั้งคำถามว่าเบื้องหลังของศาสตร์นั้นมีที่มาอย่างไร ควรจะนำไปใช้หรือไม่ และควรจะนำไปใช้อย่างไร
http://gotoknow.org/blog/communicationliteracy/97904
.............................................................................................
ดิฉันจึงตั้งใจฝึกเด็กๆสุดชีวิต ด้วยความรักสุดหัวใจ โตขึ้นเขาจะได้ไม่ฉลาดน้อยเหมือนดิฉัน ( ฉลาดน้อยเหมือนดิฉัน.. ไม่จริง ! แย้งโดยตัวเบิร์ดเอง ^ ^ )
ดิฉันจะบอกพวกเขาทุกครั้งว่า "จงเป็นตัวของตัวเอง.. เพราะครูก็จะเป็นตัวของครูเองเหมือนกัน"
แล้วดิฉันก็จะ "คุย" กับพวกเขา แบบคนธรรมดาหนึ่งคน กำลังคุยกับคนธรรมดาอีกหนึ่งคน...
ดิฉันจะยิ้มให้เขา.....คุยกับเขา หรือปล่อยให้เขาเล่า..อย่างเป็นตัวของเอง และเรียนรู้ที่จะ ..."ฟัง".... ด้วยความรัก ....
... อย่างตั้งใจ ...
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
1. การมองเห็น
2. การได้ยิน
3. การสัมผัส
4. การรู้รส
5. การรู้สึก
6. การหัวเราะ
7. และ..... รัก!
สิ่งมหัศจรรย์ที่สุด ที่เรามองข้ามไปนั้น
คือสิ่งที่เรียบง่ายและธรรมดามาก
และเพื่อเป็นการเตือนความทรงจำแบบสุภาพ จึงอาจกล่าวได้ว่า “ สิ่งสำคัญที่สุด ในชีวิตของคนเรานั้น ไม่สามารถสร้างขึ้นด้วยมือ และซื้อได้โดยมนุษย์ ”
มนุษย์ก็จะมองเห็นด้วยหัวใจตนว่า
" สิ่งมหัศจรรย์ที่สุด ที่เรามองข้ามไปนั้น... ค ว า ม รั ก ...
“สิ่งสำคัญที่สุด ในชีวิตของคนเรานั้น
ไม่สามารถสร้างขึ้นด้วยมือ และซื้อได้โดยมนุษย์”
การฟัง ..บางครั้ง ไม่ได้ฟังในสิ่งที่ได้ยิน
แต่หลายๆครั้งที่ ฟัง เกินสิ่งที่ได้ยิน
และบ่อยๆครั้งที่ ฟังเฉพาะสิ่งที่อยากได้ยิน
จาก http://gotoknow.org/blog/littlething/97845
.................................................................................
และของใครบางคน ^ ^
อย่างน้อยในเฉพาะหน้ายังไม่มีผลสะเทือนมากนักแต่แนวทางยังเป็นวิทยาทานให้คนต่อๆไปได้นำไปต่อยอดได้
จงดำเนินต่อไป ผมจะคอยให้กำลังใจอยู่อย่างสม่ำเสมอ
http://gotoknow.org/blog/littlething/97845
คุ้นๆบ้างมั้ยคะ..ว่าของใคร ? ฮี่ ฮี่....
สวัสดีค่ะ น้องเม้ง..และทุกท่าน
เดี๋ยวมาค่ะ
ความทรงจำ ที่มีผลต่อยอดความดี นับถือ นับถือ
http://gotoknow.org/blog/littlething/97845
เมื่อถึงวันดิฉันได้มาเป็นครู และมีโอกาสมายืนหน้ากล่องสี่เหลี่ยม ดิฉันจึงพร้อมที่จะทดแทนทุกอย่างที่ดิฉันเคย "ขาด" ไป บทเรียนจากการ “ฟัง” และ”ไม่ฟัง” ทำให้ไม่เข้าใจ หรือไม่รู้เท่าทัน โดยปริบทต่างกรรมต่างวาระนี้ยังติดอยู่ในใจเสมอ
ดิฉันจึงตั้งใจฝึกเด็กๆสุดชีวิต ด้วยความรักสุดหัวใจ โตขึ้นเขาจะได้ไม่ฉลาดน้อยเหมือนดิฉัน
ดิฉันจะบอกพวกเขาทุกครั้งว่า "จงเป็นตัวของตัวเอง.. เพราะครูก็จะเป็นตัวของครูเองเหมือนกัน"
แล้วดิฉันก็จะ "คุย" กับพวกเขา แบบคนธรรมดาหนึ่งคน กำลังคุยกับคนธรรมดาอีกหนึ่งคน...
พวกเด็กๆดูเหมือนจะเข้าใจ... แล้วเราก็ ผลัดกัน" คุย" ผลัดกัน “ฟัง” อย่างสนุกสนานดี
ครูอ้อยที่น่ารัก เพชรเม็ดงาม ใน G2K
ครูอ้อยเก็บข้อความบางตอนที่ประทับใจ....พลังนี้จะช่วยให้เราสามารถดึงเอาศักยภาพที่ตัวเรามาใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ...ส่งผลให้เราประสบความสำเร็จ มีความสุข และมีควาบสงบในจิตใจ
คือเน้นที่ทำคนให้เป็น"นัก" ลืมฟักคนให้เป็น "คน" ก่อน (ทั้งที่นี่คือหัวใจของการศึกษา ทำคนให้เป็นคน และพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์)
ยอดสตรีแนวหน้าแห่งการต่อสู้
" เด็กตัวแสบพวกนี้มีศักยภาพด้านอื่น ๆ อีกเยอะ "
แปลว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพ (คือความสามารถที่จะพัฒนาได้สูงสุด) และมนุษย์ทุกมีความแตกต่างเฉพาะตัว ไม่มีใครเหมือนใครได้ และมนุษย์ที่เรียกว่า เด็กแสบ ก็มีศักยภาพเฉพาะของเขา
http://gotoknow.org/blog/mrschuai/97689
ยอดสตรีแนวหน้าแห่งการต่อสู้
ระบบคิด วิธีคิด
เรา(ระบบ ซึ่งมีครูเป็นส่วนหนึ่งของระบบ)พรากเด็กมาจากครอบครัว เอาเขามาขังไว้ในรั้วโรงเรียน สอน "วิชาความรู้" ให้แก่เขา แต่พอเขาออกไปอยู่โลกข้างนอกนั่น สิ่งที่เขาต้องใช้จริงๆ คือวิชาชีวิต และวิชาชีวิตก็ไม่ใช่ "วิชาสำเร็จรูป" และไม่มีวันจะเป็นวิชาสำเร็จรูปไปได้เลย
ยอดสตรีแนวหน้าแห่งการต่อสู้
ระบบคิด วิธีคิด
คนที่มีจิตใจดีงามนั้น จะใช้ทักษะการรู้เท่าทันการสื่อสาร ให้เกิดคุณทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นด้วย
งานของครู คือ การทำงานส่งไม้ต่อมือกันไปเพื่อฝึก เพื่อสร้างคน ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นในตัวศิษย์ มิได้เกิดจากใครคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว
ดอกไม้งามในทะเลลึก
แต่เป็นผลสืบเนื่องจากการส่งไม้ต่อมือกันของครู
และเมื่อคนหนึ่งคน...สามารถเป็นคนดีโดยเนื้อแท้ได้นั้น .....ครูทุกคน ก็จะเป็นเพียงคนๆหนึ่งในเส้นทางของการสร้างคนดี..........
แม้ครูจะมิใช่ ”ผู้เป็นที่หนึ่ง” เหนือผู้ที่เป็นคนดีเหล่านั้น
....แต่ความน่าชื่นใจก็อยู่ที่ว่า ”ครู” ได้ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างคนดี ด้วยเช่นกัน.....
ดอกไม้งามในทะเลลึก
ครู คือมนุษย์ชุดที่สอง ที่คงต้องทำงานหนักกว่ามนุษย์ชุดแรก เพราะเป็นอาชีพ(คือรับเงินเขามาและสัญญาว่าจะทำงานนี้) และเป็นวิชาชีพ (คือเชี่ยวชาญเฉพาะ เป็นคุณสมบัติภาคบังคับ) ถ้าคนที่ เชี่ยวชาญ ไม่ทำ แล้วใครจะทำ จะทิ้งภาระให้คนไม่เชี่ยวชาญมะงุมมะงาหราทำไปหรือ ?
ถ้าคนที่ เชี่ยวชาญ ไม่ทำ แล้วใครจะทำ จะทิ้งภาระให้คนไม่เชี่ยวชาญมะงุมมะงาหราทำไปหรือ ?
ดอกไม้งามในทะเลลึก
เรื่องสำคัญคือ ต้องให้ความสำคัญมากกว่าที่เป็นอยู่ และต้องลงมือทำอย่างจริงจัง และครูจะสิ้นหวังกับระบบการศึกษาไทยไม่ได้เป็นอันขาด
สวัสดีครับทุกๆท่าน
ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจว่า บล๊อกนี้เป็นของใคร เจ้าของบ้านอยู่ไหน แสดงตัวด่วน ไม่งั้นจะก่อ "MOB"
น้ำชาก็ไม่มีให้กิน แล้วมาให้ทำงานหนักอีก
สวัสดีครับพี่เหลียง
อาจารย์จิตวิทยากำลังสกัดจิต
สิ่งสำคัญสำหรับการเรียนการสอน ( ทุกระดับตั้งแต่ครอบครัวขึ้นมา ) คือการสอนวิธีการแสวงหาความรู้ที่สนใจ และสอนให้คิดเป็น ( Learning how best to learn and how to think )
ร่วมด้วยช่วยกันครับ "การศึกษา" จำเป็นต้องกลั่นวิธีคิด เพื่อวางยุทธศาสตร์การพัฒนา ...ถึงวันนี้ เราก็ได้คำตอบ ได้บทเรียนที่ดี
แนวโน้มการเรียนรู้จากนี้ต่อไป ผมคิดว่าความรู้นอกระบบมาแรงมากขึ้น เพราะสอดคล้องกับวิถี เป็นธรรมชาติ และตอบสนองปัญหาได้จริง ต้องยอมรับความรู้ในระบบที่เกิดจากExplicit K ต่างต้องทบทวนวิธีคิด วิธีการเรียนรู้ โจทย์ใหญ่ที่ต้องตีให้แตก คือ ความรู้ที่ให้กันมาโดยตลอด ตอบสนองการพัฒนาคน พัฒนาประเทศได้จริงหรือไม่
ขอมีส่วนร่วมครับ
ถือโอกาสนำ"วาทะ"เด็ดๆ มาเพิ่มเติม
- - - - - - - - - -- - - - -
นักศึกษาปริญญาโท และเอกที่ผมเห็น ก็ยังทำตัวไม่ต่างจากนักศึกษาปริญญาตรี
และ นักศึกษาปริญญาตรีก็ทำตัวไม่ต่างกับนักเรียนชั้นมัธยม กล่าวคือ เน้นการท่องไปสอบ
ไม่อ่านหนังสือเพิ่มเติม การสืบค้นหาข้อมูล ก็ยังไม่ค่อยใช้เป็นข้อมูล กลับใช้เป็นตัวหนังสือเฉยๆ
โดยใช้ copy และ paste มาเรียงๆกันไปเรื่อยๆ แทบไม่มีการใช้เป็นข้อมูลที่ต้องสะท้อนจากการวิเคราะห์และสังเคราะห์
หรือนี่เป็นปัญหาของความสะดวกสบาย ไม่ต้อง “เรียน” ก็จบได้ปริญญา ตรี โท เอก ก็แค่ท่องไปสอบ copy &paste เป็นเอกสาร ก็ถือเป็นวิทยานิพนธ์แล้ว
- - - - - - - - - -
การเรียนรู้ที่แท้จริงในมุมมองหนึ่งของผมคือ การเรียนรู้แล้วทำ ทำแล้วเรียนรู้ เรียนรู้แล้วทำ วนเวียนไป โดยมีที่มาที่ไปบทหลักเหตุผลและวิวัฒนาการไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อความสงบสุขในสังคมครับ
http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/82538
- - - - - - - - -
http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/82538
- - - - - - - - - - -
จินตนาการ ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่มาก เขาคิดกันไม่ออก แต่มักจะว่าตามที่เห็นเท่านั้น เลยไม่ค่อยได้เรียนรู้
http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/82538
- - - - - - - - - -
ประเทศไทยขาดอะไร??
- - - - - - - - -
จากบันทึก http://gotoknow.org/blog/sawaengkku/80363
- - - - - - - - -
นำมาแลกเปลี่ยน เพิ่มเติมเท่านี้ก่อนครับ
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
สวัสดีค่ะน้องเม้ง และคุณสิทธิรักษ์
ปล.คุณสิทธิรักษ์คะ ดิฉันเล็งความเห็นของคุณ kati ในบันทึกน้องเบิร์ด ไว้ บรรทัดเดียวกับที่คุณสิทธิรักษ์ยกมาเลยอะค่ะ ...ผู้น้อยนับถือนัก.. : )
การศึกษาเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน...ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งเพียงลำพัง..และอะไรหลายๆอย่างในชีวิตของเรา.. ถ้าเราอยากได้ เราก็ต้อง " ลงมือทำ " ......ไม่ใช่เหรอคะ ? ^ ^
จอมยุทธสาว ผู้ไม่กลัวฟ้าดิน
แม้แต่หมู่เมฆอันมืดมิด..ยังปิดได้เพียงรอยยิ้มของตะวัน..เท่านั้นเอง
จอมยุทธสาว ผู้ไม่กลัวฟ้าดิน
" ผู้ใดหว่านเมล็ดพันธุ์ของความรัก..ผู้นั้นย่อมได้รับความสุข ".
.ศีลธรรมของเยาวชนคือสันติภาพของโลก..สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญคือ " ความดี "..และ " ปัญญา " ..มากกว่า " ความรู้ " นะคะ
สติปัญญาอาจเป็นมูลฐานของความสำเร็จ...และอาจมีบางคนถือเป็นเงื่อนไขอันจำเป็น..แต่ " จิตใจ " ต่างหากคือตัวชี้ขาดว่าเขาผู้นั้นสมควรแก่ความสำเร็จระดับใด...
http://gotoknow.org/blog/beautifulmemories/97293
จะมีสักกี่คน ที่กล้าจะคิด กล้าทวนกระแส ฉุกคิด ฝืนบริโภคนิยม มาสู่ "ธรรมชาติ"
คนที่ไม่เคย ค้นพบ สุขทางใจ ก็ยากที่จะเข้าใจ
คนที่หลุดไปตามกระแส เสพนิยม วัตถุนิยม ก็ยาก ที่จะหยุดตนเอง มาดูตนเอง มาค้นหาตนเอง มารู้จักใจ ควบคุมใจ จนเจอความสุขที่ใจ ..... ไม่สนใจศาสนา ติดสุข
คนเรียนมามากๆ ในระบบเสพ จะเป็น นักคิดที่ "มือ กอด อก" สั่งๆๆๆ ลูกน้อง ..... รอ วิจารณ์ๆๆๆ รอตำหนิ ..... วิตกๆๆๆๆ ฯลฯ
ชอบคิดเอง เออเอง สั่ง วิพากษ์ คิดในสมอง ... แต่ ไม่ลงมือทำ มักทึกทักเอาเองว่า ตนเองเข้าใจ
นี่แหละ ..... "ไม่รู้ ว่า ตนเองไม่รู้" แต่ คิดว่าตนเองรู้ นี่แหละ หลง
หลง แก้ยากกว่าโลภ โลภแก้ยากกว่าโกรธ
แวะมาฝาก
อยากให้พิจารณาถึงผู้พิการ ด้วยความเข้าใจในศักยภาพที่เขามีเพื่อการพัฒนา มิใช่ทำแบบขอไปทีหรือเพื่อเอาบุญอ่ะค่ะ
การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการไม่ใช่งานสังคมสงเคราะห์อย่างเดียวนะคะ และไม่ใช่โบ้ยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์เท่านั้น
การพัฒนาคุณภาพชีวิต
จะเห็นได้ว่า คนพิการก็ไม่ต่างกับคนทั่วไปนะคะ ถ้าเขาได้รับการศึกษาที่ดีมีความเข้าใจในความแตกต่างของเขา ส่งเสริมและสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพ
เขาก็จะมีโอกาสได้งานทำที่มีรายได้เลี้ยงตัวได้ ไม่เป็นภาระใครค่ะ
แต่ในปัจจุบัน คนพิการคือผู้ด้อยโอกาสโดยแท้ ไม่มีแม้แต่โอกาสในการมีอวัยวะครบเหมือนคนทั่วไป ไม่มีโอกาสจะได้เห็น ไม่มีโอกาสได้ยิน หรืออื่นๆ
เขาผิดด้วยหรือที่เกิดมาพิการ ด้อยโอกาสโดยไม่มีสิทธิเลือก
ขอโอกาสให้เขาได้พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยเถอะค่ะ
สาวไม่เคยสร่าง
ลองปลดเกียร์ว่างหัวใจ แล้วเข้าเกียร์เดินหน้าสู่การคิดดี ทำดี พูดดี ตั้งแต่วันนี้กันเถอะค่ะ
เรามาสร้างกระแสการทำความดี ลองมาปลดเกียร์ว่างแล้ว เริ่มเข้าเกียร์ใหม่ตั้งแต่รู้จักมองกันในแง่ดียกย่องกันวันละครั้ง มองแต่สิ่งดี ๆ ของกันและกัน
สาวไม่เคยสร่าง
จิตใจงามไม่เคยลด
นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่
เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อกับแม่...
เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อ และแม่ และกลับมาหาท่าน
เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา
ไม่ว่าอย่างไร...พ่อ และแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่านทำได้
หวังเพียงเรามีความสุข
แต่ถ้าคนเรามีความรู้มาก มีทรัพย์สมบัติมาก แต่ไม่รู้จักทำตัวให้ "อยู่ให้ต่ำ" คืออยู่อย่างฟุ้งเฟ้อ ไม่รู้จักประมาณตน ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร คำนี้ทำให้ราณี คิดถึงคำว่า เศรษฐกิจพอเพียง คนเราถ้ารู้จักคำว่า พอเพียงดีพอ ชีวิตจะมีความสุขอย่างแท้จริง
สวัสดีครับทุกท่านนะครับ
แวะมาให้กำลังใจ ทุกท่านที่เข้ามาช่วยร่วมรวมตะกอน ผลึกทางการศึกษา จากบทความดีๆ ที่มีใน G2K นะครับ
มีภาพสวยๆ ที่ถ่ายไว้จากหน้าบ้านที่นครศรีฯ เมื่อสองปีก่อนครับ
สู้ต่อไปนะครับ ผีเสื้อตัวน้อยๆ ช่วยกันกระพือปีกเพื่อให้การศึกษาของไทยก้าวหน้า เหนื่อยก็พักดูดน้ำหวาน ดมดอกไม้โมก บ้างตามเวลา ครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
http://gotoknow.org/blog/Kulkanit3/95101
จงทำตัวให้เป็นเช่นสายน้ำที่ซึมซับได้ในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นของแข็ง ของเหลว ล้วนมีน้ำเป็นองค์ประกอบทั้งสิ้น
จงทำตัวให้อ่อนโยนเช่นสายน้ำที่ไม่เคยแข็งกับใคร ไม่ว่าจะไหลผ่านหิน ดิน ทราย กรวด ที่มีความแข็งต่างๆกัน สายน้ำก็ไม่เคยทิ้งความอ่อนโยน
จงทำใจให้แข็งเช่นหิน ที่แม้ถูกน้ำกัดเซาะเท่าไหร่ หินก็ยังคงความแข็งแกร่งเช่นเดิม ใจเราก็เช่นกันขอให้เข้มแข็งอยู่เสมอ ไม่ว่าจะถูกกิเลส สิ่งยั่วยวนต่างๆ มา หลอกล่อ ก็ขออย่าได้ตามกิเลส อย่าให้กิเลสกัดกร่อนจนผุหรือรั่วได้ ”
ว้าว..มหัศจรรย์...ทำอะไรกันนี่...น่ารักกันทุกท่านเลย
ครูอ้อย สอนสอนสอน ไม่ได้มาอ่านเลยค่ะ
เยี่ยมจริงๆค่ะ พี่เหลียง...นำข้อความมาโพสต์อีก...นับถือ
แล้วจะมาอ่านใหม่นะคะ...น้องเม้ง
http://gotoknow.org/blog/Kulkanit3/93536
ขอบคุณ gotoknow รัก gotoknow จังเลย
" ถ้าเรามีการหยั่งรากแห่งความดีงาม ก็จะมีการแตกกิ่งก้านแห่งปัญญาที่จะต้านทานต่ออุปสรรค ปัญหาต่างๆ ปิดกั้นประตูแห่งความเสื่อม และเปิดรับความเจริญงอกงาม "
Education … has produced a vast population able to read but unable to distinguish what is worth reading.
G. M. Trevelyan (1876-1962) British historian
หนุ่มไฟแรง ชื่อ เม้ง
ประธานาธินดี รูธเวลล์ แห่ง อเมริกา กล่าวอย่างขำๆ เกี่ยวกับการศึกษาไว้ว่า " ชายคนนั้นเขาไม่เคยไปโรงเรียนเลยสามารถขโมยรถบรรทุกได้ ถ้าเขาจบปริญญาเขาคงจะขโมยรางรถไฟไปแล้ว "
ปีศาจเดียวดาย |
สวัสดีครับ ดีมากๆ เลยครับ
หากบทความ ข้อความที่เกี่ยวกับการศึกษามาใส่แบบนี้ ดีมากๆ เลยครับ ทำให้ตกผลึกมากขึ้นครับ
ขอบคุณมากนะครับ โพสต์ไว้อีกนะครับ
http://gotoknow.org/blog/Kulkanit3/93536
การปลูกต้นกล้าแห่งความดี คงต้องใช้การใส่ใจและทุ่มเท เพราะต้นกล้าแห่งความดีมักอ่อนแอ...
กิเลสจากภายนอกพร้อมที่จะทำลายต้นกล้าต้นนี้อยู่เสมอ คงต้องใช้ "สติ" ในการเพาะเลี้ยง...
เพื่อที่ต้นกล้าแห่งความดีนี้จะได้เติบโตเป็นต้นไม้แห่ง "ปัญญา"
ขอคิดเองดูบ้างนะครับคราวนี้ อิๆๆ
....... ความดีงาม ได้ถูกฝังไว้อยู่ในการศึกษาแล้ว อยู่ที่ว่าคนที่ได้รับการศึกษา จะหยิบเอาความดีงามนั้นมา ใส่ไว้ให้อยู่ร่วมกันหรือเปล่า.....
ขอบคุณมากครับ
คนสวยสองคนแซวกัน แอบฟังมา
งามทั้งตัว งามทั้งใจ ยังงามทั้งสายตา
ข้อคิดในวันพระอาทิตย์นี้นึกถึงคำพูดของท่านพุทธทาส ภิกขุที่ว่า....
"ถ้าเรารู้จักธรรมชาติของจิต คือ ใส ผ่องใสอยู่ตามธรรมชาติ แล้วก็เศร้าหมองเมื่ออุปกิเลสจรเข้ามา
เปรียบกับเพชรนี้มันมีน้ำที่ใส น้ำเพชรที่สวยงามอยู่ในเพชร ถ้ามีอะไรมาปิดบังเสียมันก็ไม่ปรากฏ มันก็ไม่งาม แม้ว่าธรรมชาติเดิมของมันจะงาม แต่ถ้ามันเปื้อนโคลน เปื้อนสี ของสกปรก มันก็ไม่งามเหมือนกัน
ฉะนั้นเมื่อจิตแจ่มใส สะอาด สว่าง สงบเย็น ไม่มีกิเลสจึงเป็นความงามอยู่โดยธรรมชาติ "
เรามารักษาจิตอย่าให้มันเกิดสกปรก มืดมัว เร่าร้อนขึ้นมา ให้จิตคงสภาพปกติ ประภัสสร สะอาด สว่าง สงบ อยู่ตามธรรมชาติเดิมกันดีกว่าค่ะ
ครูอ้อยมีความคิดเห็นคล้อยตามค่ะ ที่มองว่า..น้องลูกหว้า...น่ารัก สวย มีเสน่ห์ มากๆๆค่ะ
บอกเลยค่ะ...เหมือนครูอ้อย...อิอิ....อยากชมตัวเอง...
งามทั้งตัว งามทั้งใจ ยังงามทั้งสายตา
" ขอให้เรามีเจตนาที่ดีในขณะนี้และเร่งลงมือทำความดี เชื่อได้
ว่าโชควาสนาที่สดใสจะเป็นข้าทาสที่ซื่อสัตย์ของเรานั่นเอง"
หญิงดอกไม้เหล็ก ไม่เคยละทิ้งความงาม
ทุกครั้งที่เกิดความทุกข์ ความสับสน ความเหนื่อยหน่ายขึ้นในใจ เชื่อได้ว่าคนเราทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้นในใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเกิดปัญญาจากการเรียนรู้ธรรมะ จะพบว่า "การได้ให้ผู้อื่น เปิดโอกาสให้เราได้ให้ตัวเอง"
หญิงเปรี้ยวที่มีรสหวาน
มะปรางได้ข้อคิดของชีวิตอย่างหนึ่งค่ะ ความสุขอยู่ที่เราเลือกเอง
ปรมาจารย์ g2k
สร้างความดีให้เกิดขึ้นในหัวใจของทุกคนที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วเมื่อนั้นเราก็จะได้ความสุขใจเป็นของขวัญในที่สุด......
หญิงเปรี้ยวที่มีรสหวาน
ทำมาเกิน จัดการไม่้ดี กลายเป็นปัญหา ทำให้พอดี แล้วจะได้จัดการได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นค่ะ ปัญหาก็จะเกิดน้อยลงค่ะ
ธรรมะขีดเส้นใต้ ๖: นายเหตุผลถาม....พุทธทาสตอบ
เหตุยังมีอยู่ ผลก็คงมีอยู่; เหตุสิ้นไป ผลก็ดับไป; ผลจะดับไป เพราะเหตุดับไป. เพราะฉะนั้นเมื่อเราจะดับผล ต้องสาวหาเหตุ แล้วไปดับที่เหตุ. อุปมาอย่างเสือหรือสิงห์ เมื่อถูกยิงด้วยลูกปืน หรือลูกศร แทนที่จะมัวกัดลูกปืน หรือลูกศรอยู่ กลับกระโดดไปยังทางที่ลูกศรหรือลูกปืนถูกปล่อยมา, เพื่อกัดคนซึ่งใช้ปืนหรือลูกศรประหารมัน, ต่างกับสุนัขซึ่งถ้าใครเอาไม้ไปแหย่มัน แทนที่จะตรงไปกัดปรปักษ์ของมัน กลับไปกัดไม้นั่นเอง.
เราจะตีราคาเพชรพลอยให้ถูกต้องอย่างไรได้, ในเมื่อเรายังไม่รู้จักเพชรพลอยที่แท้, และที่ไม่แท้.พระพุทธศาสนา หรือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่อะไร นอกจากคำสั่งสอนอันประหนึ่งแผนที่บอกทาง ซึ่งนำตรงไปสู่จุดหมายที่สุด คือ ความดับทุกข์
พุทธศาสนาสอนให้ค้นหาทุกข์ เพื่อกำจัดมันเสีย ไม่ได้สอนให้งมงายในเรื่องทุกข์และให้จมอยู่ในกองทุกข์เลย
พุทธศาสนาก็เหมือนกัน แม้จะมีหลักการสอนที่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไรก็ตาม แต่ก็คงไม่มีอำนาจทำให้คนที่ไม่รู้เหตุผลเห็นได้ง่ายๆ.
พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนเราทุกข์แล้วให้แบกทุกข์ไว้ แต่ให้ปล่อยวางเสีย โดยถอนรากเง่าของเหตุที่ปรุงแต่งมันขึ้น
เพราะโลกทุกข์นั่นซิ เราจึงต้องนอนตีพุงอยู่ไม่ได้; เพราะโลกทุกข์น่ะซี ต้องทำให้เราลุกขึ้นทำงานตั้งแต่เช้าจนค่ำ เพื่อชนะทุกข์ของชีวิต; แลก็เพราะโลกทุกข์นะซี ที่ทำให้เราต้องใช้กำลังใจของเรา ต่อสู้อุปสรรคต่างๆ ที่เป็นก้างขวางทางแห่งความสุขของเราอยู่เรื่อยไป.
จอมยุทธสาว ผู้ไม่กลัวฟ้าดิน
ธรรมะสวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
มาร่วมเบิกบานใจด้วยธรรมะดีๆตั้งแต่เช้าค่ะ ..
" ทุกข์มีไว้เห็น..ไม่ได้มีไว้เป็น " ..ขอบคุณนะคะที่ทำให้รู้สึกเบิกบานในเช้าวันใหม่..
คุณบางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
เรื่องเล่าจากดงหลวง 78 ทฤษฎีงานพัฒนาที่มาจากสงคราม"ความดีของวิชาการก็คือ ทำให้เราเข้าใจปรากฏการณ์ชัดเจนมากขึ้น มีแนวทางในการคิดต่อ และตัดสินใจ นี่คือคุณูปการของวิชาการ
แต่หากเมากับวิชาการมากเกินไปก็หลุดจากข้อเท็จจริงพื้นฐาน ในกรณีที่แก่กล้าเกินไปที่เห็นปุ๊บก็ตัดสินใจปั๊บ ก็พลาดได้ทันทีเช่นกัน"
หลังจากที่ดิฉันมีโอกาสอ่านงานเขียนของคุณบางทราย ซึ่งเป็นนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูง มีประสบการณ์ตรง และมีประสบการณ์จริงในงานพัฒนา มาหลายบันทึก ก็ได้เห็นว่าคนที่รู้จริงในความจริงนั้น จะมีวิธีเลือกทฤษฎีมาปรับใช้ มิใช่แค่เพียรหาว่าทฤษฎีไหนจะเหมาะกับความจริงชุดนั้น แต่พร้อมจะยกทฤษฏีออก ทันทีที่รู้ว่าไปกันไม่ได้กับความจริงที่ปรากฏอยู่
บางที งานวิชาการ กับงานพัฒนาสังคม อาจจะต่างกันตรงนี้ งานวิชาการจะพิสูจน์ไปตามทฤษฎี งานพัฒนาสังคมจะพิสูจน์กลับว่าทฤษฎีนั้น ควรทำ "ตาม" หรือไม่
"ผลึก"ทางการศึกษา(ในพื้นที่จริง)ของคุณบางทรายมีมากมายนัก และแทรกเนียนๆอยู่ในเนื้อบันทึก และดิฉันตั้งใจเลือกเนื้อความข้างต้นนี้มา เพราะเห็นความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง แม้จะฟังดูเป็นเรื่องสามัญ แต่หากผู้ใช้ขาดความตระหนัก อิทธิฤทธิ์ของ"วิชาการ"ก็อาจบันดาลให้เกิดความเสียหายทางสังคมตามมาอีกมากมายนัก
ปล. ขออภัยน้องเม้งนะคะ ที่พรรณนาเกินเงื่อนไข เพราะรู้สึกว่ามีคุณค่าแฝงอยู่ในถ้อยคำ เลยขออนุญาตนำเสนอความรู้สึกที่มีต่อ "ผลึก"นั้น เพิ่มไปอีกเล็กน้อย ...เล็กน้อยไปเกือบสิบบรรทัดอะค่ะ... : )
อาจเป็นเพราะเรารับรู้ว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาหรือสรรพสิ่ง และพวกเขาหรือสรรพสิ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา ....เรา...ทั้งหลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
" ..วิธีการสอนแบบ.. "สอนน้อย เรียนมาก" และเรียนโดย ไม่เอาวิชาเป็นตัวตั้ง แต่เอา "ชีวิต" เป็นตัวตั้ง (ตามชื่อและปรัชญามหาวิทยาลัยชีวิต) นี้ จะทำให้เกิดปัญญามากกว่าระบบการศึกษากระแสหลัก ที่เน้นที่ตัววิชาความรู้ เน้นการท่องจำความรู้ แค่ไหน...."
--------------------------------------------------------------------
คนธรรมดาที่เดินดิน
ถิ่นเมืองระยอง
เมืองที่....ผลไม้เลิศล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า
น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก
ข้อคิด 1) จงคิดว่าทุกวันที่ไปทำงานคือวันแรกของการทำงานเสมอ 2) จงคิดว่าเราเพิ่งรู้จักคนทุกคนในวันนี้เอง 3) จงคิดว่างานที่ยากในวันนี้จะง่ายมากสำหรับวันพรุ่งนี้ 4) จงหาเหตุผลดีๆให้ตัวเองทุกวันว่าทำไมเราต้องทำงานที่นี่ต่อไป 5) จงหาเหตุผลดีๆให้ตัวเองว่าทำไมเราต้องออกไปทำงานที่อื่น 6) จงมองไปข้างหน้ามากกว่าติดกับปัญหาเมื่อวานหรือวันนี้ 7) จงคิดว่างานที่ทำทุกวันคือขั้นบันไดสู่ความสำเร็จ 8) จงคิดว่าเราจะคิดลบกับงานที่ทำต่อเมื่อเราลาออกจากงานไปแล้วเท่านั้น 9) จงคิดว่าทุกคนในที่ทำงานคือญาติพี่น้องของเรา 10) จงคิดถึงตัวเองให้มากเท่ากับการคิดถึงจิตใจคนอื่น 11) จงลด ละ เลิก การเก็บสะสมสิ่งที่เป็นลบใส่ตัวเองทุกวัน 12) จงมองหาข้อดีของเพื่อนร่วมงานอย่างน้อยคนละ 1 ข้อ 13) จงคิดสิ่งใหม่ทุกวัน ถึงแม้จะไม่ได้ทำสิ่งใหม่ทุกวันก็ตาม 14) จงลืมสิ่งที่ไม่ดีของคนอื่นทุกวัน และจดจำแต่สิ่งที่ดีของเขาไว้ 15) จงเลือกที่จะทำงาน แต่อย่าเลือกงานที่จะทำ 16) จงอย่าจำในสิ่งที่ควรลืม แต่อย่าลืมในสิ่งที่ควรจำ 17) จงเตือนตัวเองทุกวันว่า…เราคือ…………………..
คนธรรมดาที่เดินดิน ถิ่นเมืองระยองเมืองที่....ผลไม้เลิศล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก
http://gotoknow.org/blog/6950/95607
ความรัก ไม่ต้องการ แค่วันเดียว
ความรัก ไม่ต้องเกี่ยว กับวันไหน
ความรัก ไม่ต้องมี เวลาใด
ความรัก ไม่ต้องใช้ ให้ใครชี้
ความรัก ไม่ต้องมี ข้อวิจารณ์
ความรัก ไม่ต้องการ การกดขี่
ความรัก ไม่ต้องให้ ใครตราตี
ความรัก ไม่ต้องมี เส้นพรมแดน
ความรัก ไม่ต้องรอ ข้อพิสูจน์
ความรัก ไม่ต้องพูด ตามแบบแผน
ความรัก ไม่ต้องการ การตอบแทน
ความรัก ไม่ต้องการแค่ หัวใจคน
ความรัก ไม่ต้องการ การเป็นต่อ
ความรัก ไม่ต้องรอ ขอเหตุผล
ความรัก ไม่ต้องย้ำ ความมีจน
ความรัก ไม่ต้องทน ที่จะรัก
คนธรรมดาที่เดินดิน ถิ่นเมืองระยองเมืองที่....ผลไม้เลิศล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก
จิตใจของเราเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ไม่มีการหยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัว ข้อมูลหรืออิทธิพลบางอย่างที่เรายอมรับให้ผ่านเข้ามาในจิตใจในแต่ละวันมีผลกระทบอย่างมากต่อพัฒนาการของความคิดและแนวทางในการคิด....
สวัสดีครับ
สบายดีกันนะครับ จากที่เปิดบทความนี้ มีหลายคนขยันช่วยกันทำมาหากินมากๆ เลยครับ เลยจะมานำเสนอ กิจกรรมกันต่อไปดังต่อไปนี้นะครับ
ด้วยรักและผูกพัน มิตรภาพนั้น มิเสื่อมคลาย
เม้ง
เป็นคนกาฬสินธ์โดยกำเนิด แต่เสมือนราวกับว่าชีวิตและลมหายใจได้ก่อเกิดและเติบโตสืบมาจนถึงทุกวันนี้เพราะการได้เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาสารคามโดยการเป็นนิสิตเมื่อปี 2534 ทุกวันนี้ยังมีความสุขกับการเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย และมีความสุขกับการไล่ล่าความฝัน
http://gotoknow.org/blog/pandin/98699
ผมเชื่อและเข้าใจอยู่ตลอดเวลาว่า เด็ก ๆ ในหมู่บ้านเป็นเสมือนเป็นสิ่งที่มีชีวิตทางสังคม (social being) ที่มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับชุมชนอยู่ไม่น้อยและการเรียนรู้ชุมชนนั้น ๆ ก็สามารถ (ร่วม) เรียนรู้ผ่านปากคำและวิถีชีวิตของเด็ก ๆ ได้เช่นกัน เพราะเด็กในหมู่บ้านก็เป็นเสมือนผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (key informant) ของหมู่บ้านนั้น ๆ อยู่แล้ว
การร่วมเรียนรู้ผ่านวิถีของเด็ก ๆ ผู้ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งอันสำคัญของโลกใบเล็ก (ในโลกใบใหญ่ที่ชื่อ “ประเทศไทย” อันเป็นที่รักของเรา !)
เป็นคนกาฬสินธ์โดยกำเนิด แต่เสมือนราวกับว่าชีวิตและลมหายใจได้ก่อเกิดและเติบโตสืบมาจนถึงทุกวันนี้เพราะการได้เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหาสารคามโดยการเป็นนิสิตเมื่อปี 2534 ทุกวันนี้ยังมีความสุขกับการเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย และมีความสุขกับการไล่ล่าความฝัน
http://gotoknow.org/blog/pandin/98328
แต่ก็ยืนยันครับ โลก G2K ทุก ๆ บันทึก คือสาระแห่งการเติมเต็มโลกการทำงานและโลกของการใช้ชีวิตอย่างดีเยี่ยม
กระบวนการเดินทางไปสู่การเรียนรู้โลกภายนอก เป็นการเรียนรู้เพื่อให้เราได้ "เข้าใจ" ใน "ตัวตน" ของเราเอง ซึ่งหมายถึงการเรียนรู้และเข้าใจในความเป็นสถาบันของตนเอง ...
กระบวนคิด ของ ยอดยุทธจักร นับถือ นับถือ
ทุกกระบวนความผมถือว่าเป็นทัศนะวิพากษ์ที่อุดมไปด้วยการเข้าใจโลกและชีวิตอย่างมากมาย รวมถึงการแจ่มชัดในวิถีการดำเนินไปในโลก G2K แห่งนี้อย่างลึกซึ้ง
เคยมีคนกล่าวไว้ในทำนองว่า G2K เป็นตลาดแห่งปัญญาที่สามารถแลกเปลี่ยน - แลกเสพสาระทางความคิดได้อย่างหลากหลาย ทั้งในรูปของบันเทิงเริงรมย์และบันเทิงเริงปัญญา ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่า มีให้เลือกแสวงหาอย่างหลากหลาย สุดแท้แต่ว่า ใครและใครมุ่งมาดปรารถนาที่จะเสพสัมผัสกับบันทึก หรือสารัตถะในแง่มุมใด และติดตามบรรยากาศใดจากบันทึกอันหลากหลายและไม่รู้จบ
หน้าที่ของคนเขียนคือการสื่อสารความคิดของตนเองไปยังผู้รับสาร ส่วนผู้รับสารจะตีความหมายแห่งสารนั้นอย่างไรเป็นอีกประเด็น สิ่งที่ผู้เขียนนำเสนอบางทีผู้รับสารอาจมองคนละมุมคนละอย่างก็เป็นได้... และมุมมองนั้นก็ถือว่าไม่ผิด หากแต่เป็นการมองมุมต่างที่พร้อมไปสู่การ "ต่อยอด" ทางความคิดในเรื่องนั้น ๆ
การได้เขียนและบอกเล่า คือ ความสุขของผม ส่วนการเสพบรรยากาศและสาระแห่งบันทึก หรือแม้แต่สไตล์ของผมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้อ่าน หรือผู้เสพจะเลือกเสพ หรือไม่เสพผมก็ไม่ว่ากัน -
เพราะการได้มีเวทีแห่งการสื่อสารนั้น ถือว่า ยิ่งใหญ่ และผมก็มีความสุขกับเวทีเช่นนี้เสมอ...
ยิ่งมีคนติดตามและพูดคุยอย่างเปิดอก ผมยิ่งถือว่า ดีเยี่ยมและภูมิใจเป็นที่สุด
....
ขอบพระคุณครับ
http://gotoknow.org/blog/pandin/97302
คงไม่ต้องบรรยายเพิ่มเติม ซึ้ง
http://gotoknow.org/blog/pandin/97132
ผมเชื่อว่า .. เราจะยังได้พบกันอีก !
คุ้นเคย - สนิทแน่น
แน่นแฟ้นและแสนรัก
มิตรภาพเอ่ยคำทัก
สบตา ประจักษ์ใจ
เหมือนเพื่อนที่ตามหามาแสนนาน
พบพาน แบ่งปัน ความฝันใฝ่
โลกกว้าง หนทางไกล
เพื่อน คือ ความยิ่งใหญ่ของชีวิต
ผลึกความคิดอันนี้คมนัก..
ธรรมาวุธ เมื่อ อา. 13 พฤษภาคม 2550 @ 15:34 |
DSS "work with disability" ( หนิง ) เมื่อ อา. 13 พฤษภาคม 2550 @ 15:37 |
พี่สาวปลอบใจน้องชาย
http://gotoknow.org/blog/ooydiary/98700
******
คนอกหัก เชิญทางนี้...
คนอกหัก เชิญทางนี้ มียาแก้
ได้บาดแผล มาจากใคร ใช่ปัญหา
ใจร้าวราญ จากไหน เชิญเข้ามา
จะรักษา ใจให้ ไม่คิดตังค์
ก่อนกินยา ฟังทางนี้ ให้ดีก่อน
ไม่ใช่สอน แต่อยากให้ ได้สมหวัง
อยากหายขาด ต้องฉลาด และระวัง
จะลุกนั่ง ยามตื่นอยู่ ให้ดูใจ
ถามตัวเอง หน่อยเถิด เกิดชาตินี้
เกิดมาแล้ว ทั้งที จะไปไหน
ชีวิตตน จะแขวนไว้ กับสิ่งใด
หรือจะให้ เขากระชาก ลากไปตาย
ฉลาดคิด จงถอนจิต อย่างี่เง่า
ชีวิตเรา เริ่มใหม่ได้ ไม่มีสาย
ตัวของเรา ตัวของเขา ตัวของใคร
ต้องก้าวไป ข้างหน้า หาสิ่งดี
ขยายรัก ออกไป ให้กว้างกว้าง
ทั่วทุกทิศ ทุกทาง อย่าหน่ายหนี
จะถูกรัก รุมล้อม ตอมชีวี
ทำอย่างนี้ อกไม่หัก เพราะรักลวง.
ขยายความ "ล้างจานเพื่อล้างจาน" และความสงบจากชิ้นส้ม
แล้วท่านล่ะครับ เวลากินส้ม ท่านกำลังกินโครงการ กินโปรเจ็กต์ กินสัมมนา ในอนาคต หรือกินส้มอยู่ครับ?
เมื่อ อ. 08 พฤษภาคม 2550 @ 23:10 [253848]
สวัสดีค่ะคุณ dream farm
เบิร์ดชอบจังค่ะ..โลกปัจจุบันหันหน้าไปทางเดียวกันคือมุ่งให้ผลิตขึ้นมาเพื่อขาย ไม่ได้มุ่งผลิตเพื่อดำรงชีพ ..เราถูกครอบด้วยระบบทุนนิยมอย่างเต็มที่เลยใช่มั้ยคะ ?..
หวังที่ " รวย " มากกว่า " รอด "..แถมเรายังสอนให้ชาวบ้านรอแต่สูตรสำเร็จแบบ " พรุ่งนี้รวย "..โดยสอนให้รู้วิธีทำ แต่ไม่ได้สนใจจะสอนให้รู้วิธีคิด..ทำให้ชาวบ้านชินกับการถามว่า " จะทำอย่างไร ? "..และไม่ค่อยจะเคยมีคำถามว่า " ทำไปทำไม ? "..
แล้วเราจะทำอย่างไรดีคะกับ " ขยะ " ความคิดอันนี้ ?..และจะจัดการกับเงาของทุนนิยมที่เหลืออยู่อย่างไรดี ? เพื่อให้เรามีต้นทุนที่จะสู้กับสิ่งเหล่านี้ได้