คนไข้คนที่ 2 ที่ผมอยากเล่า เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 50 +เล็กน้อยครับ มีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันสูง แต่มาเป็นเส้นเลือดสมองตีบ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีแขน ขา ลำตัวอ่อนแรงซีกขวาที่ถนัด พอเดินเองได้ครับ ใช้ไม้เท้า มารับยาสม่ำเสมอครับ
ส่วนใหญ่ผมมีเวลาให้คนไข้ประมาณ 4-5นาที เพราะคนไข้นอกค่อนข้างเยอะ คล้ายกับโรงพยาบาลอื่นๆ รถกลับเข้าหมู่บ้านมักจะหมดตอนเที่ยง หากค้างเที่ยงจะมีปัญหาเวลากลับ เพราะต้องจ้างรถรับจ้าง ซึ่งเสียค่าใช่จ่ายมาก
ส่วนใหญ่ที่ผมเจอแก ก็จะถามแค่ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ใช้เวลาหน่อยนะ (ปกติผมเป็นคนใจร้อน... รีบพูดมาก ทั้งๆที่รู้ว่าคนไข้ไม่น่าจะฟังทัน..) ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากมาย
สัปดาห์ก่อนผมมีโอกาสได้พูดคุยกับแกมากขึ้น เพราะมารับยาตอนบ่าย จึงได้รู้ว่า สามีเสียไปนานแล้ว ต้องทำงานทุกอย่างคนเดียว และส่งลูกๆเรียน 3 คน กลัวและเสียใจมากๆที่เป็นแบบนี้ กลัวลูกลำบาก กลัวทำงานไม่ได้ ไม่มีเงิน.... ร้องให้...
คนไข้คงอยากพูดแบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส ถามผมใหญ่เลยว่าจะเป็นแบบนี้นานไหม จะหายไหม จะทำงานได้ไหม ผมจึงพูดให้กำลังใจ การทำกายภาพบำบัด
ผมนานั่งนึกย้อนดูตัวเอง ที่ผ่านมาเราไม่เคยรักษาอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากกายของเค้า ใจอาจจะแย่กว่าอีก
บ่อยครั้งที่ใจผมมักจะอ้างว่า ไม่มีเวลานี่หว่า ก็ต้องใช้ความรู้สึกแล้วครับว่าคนไหนที่ต้องให้เวลานานกว่าเดิม คนไหนไวได้
คนไข้รายนี้ไม่ใช่รายแรกที่ผมให้ความสนใจกับใจคนไข้นะครับ แต่รู้สึกว่าที่ผ่านมาเราให้น้อยไป