เมื่อเช้า, พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระยาแรกนาเสี่ยงทายผ้านุ่ง 5 คืบ พยากรณ์ว่าน้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี ส่วนพระโคกินข้าว ข้าวโพด พยากรณ์ว่าธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี และหญ้า พยากรณ์ว่าน้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี"
นั่นคือข้อความที่ผมคัดมาจากหนังสือพิมพ์ "คมชัดลึก" (10 พฤษภาคม 2550) .. ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคำพยากรณ์ที่สร้างขวัญและกำลังใจเป็นพิเศษสำหรับชาวไร่ชาวนาที่กำลังเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูกาลแห่งการหว่านไถ ..
สัปดาห์ที่แล้ว, ผมมีโอกาสได้กลับไปบ้านเกิดในช่วงสั้น ๆ พ่อในวัย 72 บอกกล่าวให้ฟังว่า ตอนนี้น้ำเจิ่งจองทั่วผืนนา ซึ่งพี่ชายกำลังไถหว่านอย่างรีบเร่ง เพราะหากฟ้าฝนทิ้งช่วงไป ก็ยิ่งจะลำบากมากขึ้นและอาจจะไม่มีโอกาสได้หว่านข้าวกล้าเลยก็เป็นได้
ช่วงนี้ผมรู้สึกราวกับว่าได้กลิ่นของโคลนตมโชยมาจากที่ไหนสักแห่ง เป็นกลิ่นแห่งความคุ้นเคยที่เต็มไปด้วยชีวิตและความอบอุ่นที่ผมสัมผัสมาอย่างยาวนาน
ฝนแรกของวสันตฤดูชำแรกตัวลงสู่พื้นดินอันแห้งโหย เป็นบ่อเกิดของความชุ่มชื้นที่กรุ่นหอม แต่เบื้องลึกของผมกลับมีความหม่นเศร้าแนบนิ่งอยู่อย่างลึกเร้น ...
ผมคิดถึงท้องนาที่เจิ่งจองด้วยน้ำอันเอ่อล้น แต่ท้องนาเหล่านั้นกลับดูเงียบและเปลี่ยวเศร้าเป็นนักหนา ที่นาหลายแห่งไม่มีคนที่จะลงแรงไถหว่าน หลายที่ถูกทิ้งร้างอย่างน่าเสียดาย
หลายคนไปดิ้นรนรับจ้างอยู่เมืองใหญ่ ครั้นถึงหน้านาก็ส่งเงินมาให้คนทางบ้านว่าจ้างผู้คนให้ปักดำในผืนนาของตนเอง คงมีแต่ส่วนน้อยเท่านั้นที่เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเพื่อเดินทางกลับมาพลิกพื้นผืนนาในหน้าฝน
![]() |
ขอบคุณนะครับที่แวะมาทักเป็นคนแรก (เกินความคาดหมาย) ...
ชาวนา.. (โง่ จน จบ) .... บางทีก็อดคิดขำ ๆ ไม่ได้ว่า ชาวนาจน เพราะ ฝนไม่ตก ...ครับ..
![]() |
สังคมชนบทกำลังต่อสู้กับกระแสทุนนิยมอย่างอ่อนแรง และผมเชื่อว่า ส่วนใหญ่ก็ถูกครอบงำไปจนหมดสิ้นแล้ว
มันเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีจุดยืนอันเข้มแข็งและอยู่อย่างพอเพียงได้มากกว่ากัน..
ขอบคุณนะครับ
![]() |
บ่าววีร์ . |
ขนำน้อยกลางทุ่งนาหลังนี้เสื่อมทรุดเพราะถูกทิ้งร้างไว้กลางทุ่งหน้าแล้ง คาดว่าถ้าถึงหน้านา หากทุ่งนี้จะได้รับการไถหว่าน, ขนำหลังนี้ก็จะถูกซ่อมแซมกลับมามีชีวิตชีวาอีกหน..
ขอบคุณครับ
ที่นาหลายแห่งไม่มีคนที่จะลงแรงไถหว่าน หลายที่ถูกทิ้งร้างอย่างน่าเสียดาย
ไม่ใช่แต่ที่นี่ค่ะ หลายๆจังหวัดก็เป็นแบบนี้ ที่กาญจนบุรีก็มีแบบนี้มาก คงต้องเป็นรัฐบาลที่จะแก้ไขค่ะ
ต้องให้ความรู้ จัดเรื่องอาชีพ หาตลาดให้ ให้เกิดความเจิญขยายทั่วๆไป คนก็จะไม่ทิ้งถิ่นฐานมากนัก
พอการศึกษาน้อย อย่างอื่นก็น้อยตามค่ะ
ตอนทำอุตสากหรรม มีนายหน้ามากว้านคนไปรับจ้างมาก และนำเด็กไปด้วย เด็กไม่ค่อยได้เรียนหนังสือค่ะ
ปัญหา มันเป็นลูกโซ่ไปหมดค่ะ
ชาวนาทุกวันนี้มีแต่วัย 50 ขึ้นจำเป็นต้องจ้างเครื่องทุ่นแรงอยู่แล้ว แต่ที่หมู่บ้านเด็ก ๆ ก็ยังช่วยผู้ปกครองไถนา ดำนาอยู่นะคะ แต่ควายที่เคยใช้ไถนาไม่ค่อยมีแล้ว มีแต่ควายเหล็ก เด็ก ๆ ถึงยอมช่วยทำนาคะ
![]() |
ไม่แสดงตน |
ผมเห็นด้วยกับทัศนะของท่านเป็นอย่างมาก ชะตาชีวิตเหล่านี้กลายเป็นลูกโซ่กันไปหมด ทั้งด้านปากท้อง, เศรษฐกิจ, สังคม, การศึกษา หรือแม้แต่ค่านิยมในท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
ผมได้รับประโยชน์จากทัศนะของท่านเป็นอย่างยิ่ง. ขอบคุณครับ
![]() |
ไม่ใคร่แน่ใจนักกับประเด็นคำถามต่อยอดนั้น.. แต่ก็ตระหนักว่า สภาพปัจจุบันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดแล้วก็เป็นได้
ภาระชีวิตมีหลายอย่างให้ดิ้นรนและรีบเร่งเพื่อการมีชีวิตอยู่ กระบวนการทำนาและเก็บเกี่ยวโดยใช้เครื่องทุ่นแรงที่เป็นเครื่องจักร ก็ล้วนแล้วแต่สามารถย่นระยะทางการทำงานได้เร็วขึ้น ช่วยให้มีเวลาอีกมากโขในการไปทำสิ่งต่างๆ ต่อไป...
ผมเข้าใจไปในทำนองนั้น, นะครับ
![]() |
![]() |
ไม่ว่าหมู่บ้านใดในแถบชนบทผมก็เชื่อว่าตกอยู่ในภาวะการณ์เดียวกันนี้ทั้งนั้น .. แต่ก็ดีใจที่ได้ทราบว่าเด็ก ๆ ในหมู่บ้านยังคงช่วยพ่อและแม่ทำนาอย่างมีความสุข
ผมเองก็คิดถึงภาพชีวิตของตนเองกลางทุ่งนาหน้าฝนอย่างไม่รู้เลือน...ขอบคุณมากครับ
![]() |
อันที่จริงผมลังเลมากและคิดว่าน่าจะใช่...เพราะรูปลักษณ์อักษรและโทนสีมีเพียงอาจารย์ท่านเดียวเท่านั้นที่นิยมใช้เช่นนี้
และการมองสังคมในมุมกว้าง..ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้จากทุกทัศนะที่ฝากไว้ในบันทึกของผม
ผมขอบพระคุณอีกครั้ง ครับ..
![]() |
![]() |
ผมคาดไม่ผิดเลยว่ายังไงพี่สมนึกจะต้องแวะมาในบันทึกนี้... เพราะดูกลิ่นทุ่งนาป่าเขาจากบันทึกของผมจะโชยตัวไปไกลถึงกรุงเทพฯ เป็นแน่..
สถานะชาวนาและเงื่อนไขของพ่อค้านายทุนที่บีบรัดดังที่พี่สมนึกสะท้อนนั้น ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ครอบงำและกดทับชาวนาอย่างไม่เปลี่ยนแปลง จนวันนี้ชาวนาไม่เหลืออะไรแล้ว...
จะเหลือก็แต่เฉพาะที่พี่สมนึกสรุปไว้อย่างโดดเด่นนั่นแหละครับ คือ เหลือผืนดินที่เสื่อมสภาพและว่างเปล่า
ขอบคุณมากครับ
ขอบพระคุณครับ
![]() |
บทกวีที่เขียนขึ้น, เป็นช่วงที่เขียนขึ้นสด ๆ ในอารมณ์ที่พานพบจากทุ่งนาและหมู่บ้าน แต่ลึก ๆ ก็ยอมรับต่อปรากฏการณ์ทางสังคมอย่างไม่กังขา เพียงแต่อดสะท้อนใจไม่ได้ ...
ผมมีความสุขเสมอที่ได้เบิ่งมองทุ่งนาในทุก ๆ ฤดูกาลของชีวิต เพราะนั่นคือ ที่ ๆ ผมเติบโตและว่ายวนอยู่อย่างไม่รู้จบ
นานและนานมากแล้วที่ผมไม่ไก้ปักดำ หรือแม้แต่เกี่ยวข้าว... คิดถึงภาพและบรรยากาศเหล่านั้นเสมอ
ขอบคุณครับ
สัปดาห์ก่อน พ่อผมกลับไปบ้านนอก เพื่อไปหว่านข้าว ในนาที่ไถ่กลบไว้ก่อนแล้ว
พ่อบอกว่า เดี๋ยวนี้ การหว่านข้าว ไม่ต้องรอฝนตกก่อนแล้ว หว่านไปเลย เมื่อฝนมาเดี๋ยวมันจะเกิดเอง
ฟังแล้วก็แปลกดีครับ
![]() |
งั้นต้องขออภัยแหละครับ...ผมก็เข้าไปอีกทางเลย
เคยอ่านวรรณกรรมจีนเกี่ยวกับการขับเคลื่อนของชาวนาและอำนาจของรัฐอย่างเข้มข้น
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ น้องแจ๊ค
![]() |
การทำนาที่น้องแจ๊คกล่าวถึงนั้น, เป็นการทำนาหว่านหรือเปล่า ส่วนที่บ้านของพี่ยังต้องหว่านกล้าเสียก่อน พอกล้าโตขึ้นค่อยถอนมาปักดำ ..
การทำนาด้วยมือแบบดั้งเดิมเป็นนวัตกรรมที่เต็มไปด้วยศิลปะ ..ว่ามั๊ย
สวัสดีครับ
![]() |
ผมประทับใจในบทสรุปแห่งชะตากรรมของประชาชนคนเดินดินของคุณมาก..
แม้ชาติ หรือรัฐ จะเข้มแข็งขึ้นมากมาย แต่ว่าชีวิตราษฎรก็ยังดูลำบากอยู่ดี
ขอบคุณครับ.
ผมตามมาครับ ขอบคุณที่ไปเยี่ยมแลกเปลี่ยนนะครับ
ผมยังคิดถึงบ้านอยู่เสมอhttp://gotoknow.org/blog/chanwit/95815
![]() |
ผมคิดถึงบ้านเหมือนกัน ยิ่งตอนหน้านานี่แหละครับยิ่งคิดถึงเป็นพิเศษ คิดถึงการไถหว่าน, การวางเบ็ด, การก่อไฟปิ้งปลา - อ่อมหอย, การหลบฝนอยู่บนเถียงนา, การถอนกล้า, การปักดำ, การเกี่ยวหญ้าให้วัว ....
ขอบพระคุณครับ..
ชาวนาขายข้าวในราคาถูกแต่ผู้บริโภคจริงๆ ซื้อข้าวในราคาแพง อะไรทำให้เป็นแบบนี้ ?ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ