เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่บีบคั้นหัวอกของผู้เป็นพ่อแม่หลายท่านพอสมควร เมื่อพบว่าลูกของท่านกำลังมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น... ดิฉันได้รับ e-mail ฉบับหนึ่งที่ส่งมาขอรับคำปรึกษา ... ดิฉันอ่านไปรับทราบถึงความปวดร้าวที่ทุกข์อยู่ในอกหัวใจ...ของผู้เป็นพ่อแม่ได้ดี... อาจเหมือนฟ้าฟาดลงมากลางใจก็อาจเป็นได้... เมื่ออยู่ๆ วันหนึ่งลูกของเราเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
อย่างใน case นี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตค่ะ... การก้าวสู่จากวัยเด็กไปสู่วัยรุ่น ...การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแน่นอนโดยเฉพาะทางด้านร่างกาย และฮอร์โมนต่างๆ... ซึ่งถือเป็นเรื่องสาหัสสากรรณ์พอสมควรสำหรับเด็กในการปรับตัวปรับใจเรื่องนี้ ยิ่งหากพ่อแม่ทำตัวเสมือน...ห่างไกลทางจิตใจเขามาก เด็กจะรู้สึกเคว้งมากเลยค่ะ และเขาก็จะพยายามหาเกาะมายึดเพื่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ...
สังเกตไหมคะว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่คุยกับลูกด้วยเรื่องหลักๆ ไม่กี่เรื่อง... เป็นต้นว่า เรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมเสริมที่พ่อแม่พยายามยัดเยียดให้ลูกเพราะพิจารณาด้วยประสบการณ์และมุมมองที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อแม่แล้วว่า... “ดี”...สำหรับลูก แต่สำหรับ “หัวใจ” ลูกแล้วอาจจะไม่ดีก็ได้...
สำหรับ case นี้คุณพ่อตั้งข้อสงเกตว่า... “แม่ชอบกอดลูก” .... ลูกก็คงชอบให้แม่กอดนะคะ ไม่มีลูกคนไหมไม่ชอบให้พ่อแม่กอด... แต่การกอดนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นเบี่ยงเบนนะคะ...
พ่อแม่อย่าเพิ่งไปทำอะไรกับลูกค่ะ... ทำกับตัวเองก่อน.. ทำภายในจิตใจตัวเองก่อน... มองเข้าไปข้างในจิตใจของเราก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไร...ให้รู้ที่มากกว่ารู้ว่า “ทุกข์-กังวล”... ถามว่า เรารักลูกแค่ไหน... รักมากเพียงใด... รักอย่างไร้เงื่อนไขหรือเปล่า... หรือรักอย่างคาดหวัง รักอย่างบงการ รักอย่างเป็นเจ้าของชีวิตเขา รักอย่างที่เราอยากให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้...
ที่สำคัญ...เรากำลังมองว่า ลูกเรากำลังทำความชั่วหรือเปล่า
หาคำตอบให้ได้ให้เจอ เพราะหากเรายังไม่กระจ่าง ... เราก็จะไม่สามารถคุยอะไรกับลูกได้อย่างเข้าใจ และจะไม่มีวันเข้าใจด้วย เพราะเราคุยกับเขาแบบที่เรา...คิดไว้แล้ว “คิดแบบคนที่เป็นพ่อแม่คิดไว้อย่างเสร็จสรรพ”แต่เราไม่ได้คุยกับเขาด้วย “หัวใจ” หัวใจของคนที่อยากคุยจริงๆ...
หัวใจของคนที่อยากคุยจริงๆ นี้เป็นอย่างไร...
ก็เป็น...การคุยที่ไม่มีคำตอบไว้ล่วงหน้า ไม่มีความคาดหวัง.. แต่คุยแบบพยายามเข้าไปในจิตใจของเขา ไม่ใช่ให้เขาเข้ามาในจิตใจของเรา (หากเราอยากช่วยเขาจริงๆ นะคะ)... ไอ้ทุกวันนี้ที่เรามีปัญหาในการสื่อสารเพราะเรามักพยายามให้คนอื่นมาฟังเรา... แต่เราต่างไม่ฟังกันและกัน ไม่พยายามทำความเข้าใจในอีกฝ่ายว่าพยายามสื่อสารอะไร...
ในเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน... หากคุณพ่อคุณแม่มีความกระจ่างใจ หมายถึง... สบายใจ ...คุยด้วยความรู้สึกที่อยากจะเข้าใจในตัวลูก... ว่าลึกๆ แล้วลูกต้องการอะไร ไม่ใช่เข้าไปถามนะคะว่า “ลูกต้องการอะไร” เพราะบางครั้งคนถูกถามก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาต้องการอะไร แต่พ่อกับแม่นี่แหละอาศัย...ประสบการณ์ที่สั่งสมมามาใช้ในตอนนี้เลยค่ะ...พยายามค้นหาเข้าไปว่าลูกต้องการอะไร บางครั้งตัวเด็กเองอาจยังไม่รู้จักตัวเองหรอกค่ะ แต่ผู้เป็นพ่อแม่นี่แหละค่ะใช้ความรัก ความเข้าใจแบบมากมาก (ขอเน้นเลยค่ะ) จูงเขาไปสู่ความเข้าใจในตนเอง
ขอเลยนะคะ...ว่าไม่ควรตำหนิ ติเตียน หรือเกรี้ยวกราดต่อพฤติกรรมของเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตามก็ให้ยอมรับให้ได้ในสิ่งที่เขาเป็นและอยากเป็น... และให้เขาเป็นอย่างมีความสุข อย่าให้เขาได้เป็นด้วยความทุกข์ทรมาน “ในใจ” เลยนะคะ... หากผู้เป็นพ่อแม่ยอมรับได้... พ่อกับแม่เองนี่แหละค่ะจะเป็นต้นแบบแห่ง..ความสุขความสบายใจในการใช้ชีวิต...
อย่างในกรณี... หากคุณพ่อพร้อมจะคุยกับลูก พร้อมทางใจนะคะคุยได้เหมือนคุยเรื่องทั่วไป (หมายถึงจิตใจคุณพ่อพร้อมคุย) ... ก็คุยในสิ่งที่เราพบเจอหรือสงสัย พร้อมอาจให้ข้อมูลลูกไปด้วยก็ได้ อย่างหากลูกแอบเข้าไปในอินเตอร์เนตที่เป็นเวพไซต์แปลกๆ... ที่เราไปพบโดยบังเอิญ ก็ต้องขอโทษลูกด้วยนะคะที่เราแอบก้าวล่วงส่วนตัวของเขา แล้วเราจึงค่อยคุยต่อในประเด็น.. ที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะ และลูกควรทำอย่างไร เราสอนเรื่องเพศ เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย รวมถึงทางด้านจิตใจด้วย... คุยเหมือนเรื่องไปเที่ยว ดูหนัง ... อย่าเคร่งเครียดนะคะ คุยด้วยความเข้าใจ เคล็ดลับ... “เวลาคุยมองเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย” นะคะ... อย่าใช้อารมณ์เด็ดขาด ทั้งอารมณ์เศร้า เสียใจ โกรธ เกรี้ยวกราด อันเป็นอารมณ์ทางลบทุกอย่าง... ยิ่งหากคุณพ่อเป็นคนมีอารมณ์ขันด้วยแล้ว..จะช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลาย ได้บ้าง...
ความเบี่ยงเบนทางเพศ... ไม่ใช่การทำ “ความชั่ว” นะคะ... อย่าคิดว่าลูกเรากำลังทำชั่ว...
หากเราคิดปุ๊บ..ผิดปั๊บเลยค่ะ...ทำร้ายกันและกันทันที “รักและเมตตา” ด้วยใจที่ไร้เงื่อนไขนะคะ จะเป็นการช่วยเหลือให้เขาได้ค้นพบตัวเอง....ได้...และสามารถปรับไปสู่พฤติกรรมที่เหมาะสมต่อไปได้...
* ขอบคุณครับคุณKa-Poom สำหรับประเด็นการกอดนั้น ผมไม่ได้ตั้งประเด็นเช่นนั้นหรอกเพียงแต่อยากจะบอกว่า เราจะแสดงรัดต่อกันด้วยการกอดบ่อยๆ เท่านั้นเอง คุณพ่อก็กอดเค้าบ่อยๆเหมือนกัน
* ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้พูดกับลูกในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะเราไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะเพียงแค่เปรยๆ เค้าก็ปฏิเสธเสียแล้ว ก็เลยเผลอไผลไปพูดเรื่องอื่นเสีย
* ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ จะพยายามครับผม.
.....................
ขอบคุณนะคะที่ช่วยเป็น "ครู" ให้ได้เรียนรู้ชีวิตค่ะ...
กะปุ๋มมองว่าเรื่อง..ที่น่าเราสามารถคุยได้ก็คือ...เรื่อง Web และการใช้ Internet ที่ไม่เหมาะสม... และหากเป็นไปได้คุณพ่ออย่าลืมคุยเรื่องเพศศึกษากับลูกนะคะ... เพราะเขากำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงค่ะ...
อยากให้คุณสีเหลือง...แบ่งปันประสบการณ์ในเรื่องนี้ด้วยนะคะ...น่าจะมีประโยชน์ต่อพ่อแม่ท่านอื่นที่อาจร่วมอยู่ในประสบการณ์เดียวกัน...
จริงๆ...แล้วน้องเขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ แต่สิ่งที่เราไปพบหรือเจอนั้น อาจเป็นเรื่องความสนใจในช่วงวัย...(อิอิ...กะปุ๋มยังเคยแอบเข้าไปดูเลยค่ะ...อยากรู้น่ะค่ะว่าเป็นยังงัย...ไม่งั้นเรียน Counseling ไม่เข้าใจค่ะ...มีเรื่อง sex counselign และ Gay and Lesbian conseling ที่ต้องเรีนด้วยค่ะ..)
.........
ขอบคุณค่ะ
(^____^)
กะปุ๋ม
คุณกะปุ๋มครับ..
บางทีคุณพ่อคุณแม่อาจจะคิดมากไปอย่างที่ว่า แม้ว่าทุกคนจะผ่านวัยเด็ก วัยรุ่น หรือวัยต่างๆมามากแล้วก็ตาม(ยกเว้นวัยชรา เพราะคิดว่าตนเองเพิ่งกำลังจะย่างเข้าไปหาอยู่ทุกทีทุกที) สมัยนี้โลกมันหมุนไวมากกว่าที่เราคิด ก็เลยทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นไวไปด้วย ก็เลยยากที่จะทำใจ
มันยากตรงที่จะเริ่มต้นอย่างไร ตั้งใจเอาว่าเป็นเย็นนี้ฤกษ์สะดวกเหมาะเจาะเพราะไม่อย่างนั้นเวลาคงยืดยาวไป
ขอบคุณกะปุ๋มอีกครั้งครับ....สีเหลือง
เห็นด้วยกับ
ความเบี่ยงเบนทางเพศ... ไม่ใช่การทำ “ความชั่ว” นะคะ... อย่าคิดว่าลูกเรากำลังทำชั่ว...
ไม่แน่ว่าบางครั้งการคิดแบบนั้นอาจจะเป็นแรงผลักอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางเพศ หรือมีทัศนะในเรื่องเพศที่ไม่ถูกต้องตามประสบการณ์ที่ได้รับมา
ดังนั้น ความเข้าใจ เป็นหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาทั้งที่การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดการความผิดปกติของฮอร์โมน หรือเกิดจากพฤติกรรม โดยเฉพาะในประเด็นหลังที่บางครั้งผู้ปกครองอาจจะไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่อาจจะเกิดจากพฤติกรรมของคนในครอบครัวเอง อย่างไรก็ตามผมเองไม่มีความรู้ในด้านนี้ แต่ขอให้กำลังใจครับ และเชื่อว่า ความดี และคนดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำมากกว่า หากการเบี่ยงเบนจะเกิดขึ้น ภายใต้ความเข้าใจและการปรับตัว ก็จงพร้อมที่จะยอมรับน่าจะดีกว่าครับ
ด้วยรัก
หวัดดีค่ะ พี่กะปุ๋ม
ขอร่วมshare ค่ะ
แต่ก็ไม่ได้สนับสุนให้คนเบี่ยงเบนทางเพศกันหรอกนะคะ
อย่าลืมพูดประโยคนี้ให้ลูกฟังบ่อยๆนะคะ เอาใจช่วยค่ะ
สวัสดีจ้ากะปุ๋ม
เรื่องราวในมุมมองของแม่มองลูกที่เหมือนจะมีปัญหาการเบี่ยงเบนทางเพศ คงเป็นการยากที่จะเข้าใจความรู้สึก เพราะยังไม่เคยเป็นแม่
แต่เคยเป็นเพื่อนของคนที่เป็น...แบบนี้ เราไม่ไปก้าวกายความสนใจ ความชอบของเพื่อน เพียงแต่ถ้าไม่เบี่ยงเบนได้ เราก็จะดีใจด้วย
แต่เนื่องจากตัวเอง มีเพื่อนที่สนิทหลายคน มีลักษณะเป็นเช่นนี้ และดูจะทุกคนที่ไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับผู้ปกครอง จนอายุมากแล้วก็ไม่กล้าบอก
คุณพ่อคุณแม่ก็ได้แต่ถามว่า เมื่อไหร่ลูกจะพาแฟนมาให้พ่อกับแม่ดูตัว เพราะลูกดูจะไม่มีวี่แววมีครอบครัวซะที พ่อแม่อยากอุ้มหลานแล้ว เหมือนเป็นการถามกลายๆ เพราะอยากรู้ว่าลูกเป็น...รึเปล่าด้วย (มั้ย)
ช่องว่างตรงนี้ คือ
คุณลูก กลัวพ่อแม่เสียใจ
คุณพ่อคุณแม่ กลัวลูกเป็น แล้วจะทำยังไง ตัวเองจะรับได้มั้ย จะอายชาวบ้านมั้ย จะ...มั้ย อีกหลายๆ คำถาม
นั่นหมายถึง มันคือความผิดหรือเปล่า ก็ไม่ผิด เหมือนที่กะปุ๋มว่า มันไม่ใช่ความชั่ว
ถึงเค้าจะชอบ จะเป็นอะไร ยังไงคุณก็เป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูกกันอยู่ดี
ความรัก และความเข้าใจ จะทำให้อะไรๆ ผ่อนคลายลง ปัญหา อาจจะไม่เป็นปัญหา ก็ได้นะคะ
^_____^
สวัสดีค่ะ
เป็นประเด็นที่น่าสนใจค่ะ
ดิฉันกำลังมีหลานตัวเล็กๆอยู่ค่ะ
ลูกชายตั้งแต่ป.7-ม.ศ.3อยู่เซ็นต์คาเบรียล โรงเรียนชายล้วนมีเด็กเบี่ยงเบนเยอะเหมือนกันค่ะ ลูกเป็นเด้กชายแท้ๆ แต่ไม่ชอบให้มีเพื่อนแบบนี้หลายๆคน
เห็นแล้วไม่ค่อยสบายใจ เลยย้ายไปอยู่เตรียมอุดมศึกษา ก็ไม่มีปัญหาค่ะ
คุณกะปุ๋มว่า โรงเรียนสหศึกษาดีกว่าไหม พวกสาธิตค่ะ
ตอนนี้เครียดมากเลยค่ะ ไปเปิดดูเห็นว่าน้องชายเข้าไปดูเว็บเกย์ กลุ้มใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ตอนนี้เค้าอายุ13ปี เรียนชั้นมัธยมต้น แต่ที่รู้ๆจากครูและตัวเค้าเองบอกว่ากำลังคบหากับเด็กผู้หญิงเพื่อนเรียนร่วมชั้นเดียวกันอยู่ เลยไม่แน่ใจว่าเค้าใช่อย่างที่เราคิดมั้ย
ตั้งแต่สมัยเด็กเค้าก็ชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง และมักโดนเด็กผู้ชายรังแกอยู่เสมอๆ รวมทั้งเพื่อนที่โรงเรียนล้อเค้าว่า "ตุ๊ดๆ" อีกด้วย (ช่วงสมัยเค้าเรียนอยู่ชั้นอนุบาล) แต่ทางครอบครัวของเราคิดว่าเค้าอาจจะใกล้ชิดกับ(พี่สาว)ลูกพี่ลูกน้องของเขา
และวัยไม่ต่างกันมากจึงทำให้ลักษณะท่าทางออกมาในลักษณะคล้ายกัน ทางเราจึงไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งเค้าขึ้นมาเรียนชั้นมัธยมต้น และมีแฟนเป็นเพื่อนต่างเพศ จึงทำให้ทางครอบครัวสบายใจขึ้น แต่แล้วก็ถึงกับช็อคเมื่อตัวเราเองนั้นเกิดอยากรู้ว่าน้องชายเข้าไปดูเว็บอะไร และหลังจากนั้นจึงได้รู้ว่าเค้าเข้าไปในเว็บของชาวเกย์ ซึ่งตัวเองก้อได้สอบถามน้องชายถึงความรู้สึกว่าเค้าเป็นในลักษณะไหน แต่เค้าก็ไม่สามารถตอบได้ และได้แต่บอกว่า"ไม่รู้ว่าชอบผู้ชายด้วยกันมั้ย"
ไม่ทราบว่าจะแก้ไขทันมั้ยคะ และต้องทำอย่างไรบ้าง?
ได้โปรดอนุเคราะห์ทีค่ะ
ลูกสาวมีนิสัยเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่แรกประกวดธิดาน้อยได้ตำแหน่งมาเยอะตอนนี้อายุ13ลูกชอบคลั่งดารานักร้องเกาหลีมาก
เดี๋ยวนี้มีนิสัยเป็นผู้ชายมีแฟนเป็นผู้หญิงพูดครับผมเพิ่งเปลี่ยนแปลงมาได้ประมาณปีกว่าคุณแม่เครียดมากแกเป็นเด็กเรียนเก่งมากระดับต้นๆของประเทศจะดุก็ไม่กล้า ใครมีวิธิช่วยหน่อยค่ะ
มีหลานอายุ สิบสามปี เบียงเบนแต่เป็นจากการพูดคุย แล้วก็ชอบใช้คำพูดคล้ายๆผูหญิง เช่นชั้น
แต่ท่าทางก็ไม่เบี่ยงเบนเท่าไหร่ส่วนใหญ่ออกทางคำพูด แต่เวลาคุยกับหลานอีกคนที่เป็นวันคราวเดียวกันก็พูดปกติ มีคำหยาบคานบ้างตามที่วัยรุ่นคุยกัน อยากขอคำแนะนำหน่อยครัยว่าควรจะทำไงดี จะปรับพฤติกรรมได้หรือเปล่า แล้วมีที่ไหนให้คำปรึกษาเรื่องนี้ด้บ้างครับ