เทคโนโลยีหรือที่โลกต้องการ???


ช่วงเวลาสงกรานต์เป็นเวลาที่ทุกคนสนุกสนานกัน แต่สำหรับผมเวลากว่าครึ่งหนึ่งของวันผมนั่งสารคดีอย่างเดียวเกือบสิบชัวโมงต่อวัน(มันส์จริง ๆ ) แต่ไม่ได้ออนไลน์(ไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ ผมคงเป็นคนเดียวที่เขียนบันทึกในช่วงสงกรานต์ก็เป็นได้

เทคโนโลยีหรือที่โลกต้องการ???

          ในขณะที่ชีวิตเรากำลังขวานขวายหาสิ่งอำนวยความสะดวกตาง ๆ มาเพื่อจะทำให้ชีวิตมีความสุขสบายขึ้น ชีวิตมีความสมบรูณ์และเพียบพร้อม บ้าน รถยนต์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สิ่งเหล่านั้นทำให้เราทำงานอย่างไม่ย่อท้อ และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

          ในขณะที่อีกซีกโลกหนึ่งของเรา ซีกโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างพร้อมสรรพ เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ความพร้อมทุกอย่างที่เรากำลังสร้างมันอยู่ แต่คนที่นั้นรู้สึกเหมือนว่า ชีวิตพวกเขารู้สึกเหมือนขาดอะไรไปซักอย่างไป และเหล่านั้นคิดว่าโลกตะวันออกมีวธีการแก้ปัญหาให้กับพวกเขา

          มันเป็นเรื่องที่แปลกที่เราได้เดินทางสวนกัน มีข้อมูลจากวารสาร โยคะทูเดย์ ในสหรัฐ ที่รายงานว่า มีผู้ฝึกโยคะเพิ่มขึ้นกว่า 43 % หรือกว่า 16.5 ล้านคน เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชาวตะวันตกเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกิดจากความสำเร็จของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ประกอบกับความเชื่อว่าต้องมีอะไรซักอย่างในศาสนาที่พวกเขานับถือ ผลที่ตามมาคือ พวกเขาต้องการที่จะเปลี่ยนโลกตะวันออกให้เป็นเหมือนกัน แต่นับวันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หาได้ทำให้ใจเขาสงบไม่ จิตใจที่ไล่ตามความต้องการของตัวเอง นานวันก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้ สิ่งที่เขาต้องการคือ ต้องการหยุดตัวเอง และอยู่กับธรรมชาติ

          แนวความคิดของโลกตะวันออกก็เลยเข้ามามีส่วนในการทำให้ใจของคนตะวันตกได้สงบ โดยผู้ที่จะจุดประการแนวความคิดของโลกตะวันออกให้กับชาวตะวันตกได้สงบ คือ องค์ดาไลลามะ แห่งทิเบต และดีดี ซูซูกิ ที่จุดประกายความคิดเกี่ยวกับพุทธนิกายเซน องค์ดาไลลามะค่อนข้างจะสัมฤทธิ์ผลเนื่องจากท่านสามารถที่จะพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว องค์ทะไลลามะกล่าวว่า พุทธศาสนา เป็นวิทยาศาสตร์แห่งจิตใจ(Science of the mind) และยังได้บอกอีกว่า พุทธศาสนาสามารถพิสูจน์ได้ และ ไม่อ้างอิงอะไรที่เกินกว่ามนุษย์จะสัมผัสได้

          

          แต่แนวคิดของตะวันตกก็คือว่า ความผิดปกติทางจิต เกิดจากความผิดปกติของสมอง นั่นต่างหากเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ และเข้าใจได้ และพยายามแก้ไขที่สมอง ในขณะที่ต้องทึ่งเป็นอย่างยิ่งเมื่อพบว่าคนตะวันออกใช้เพียงแค่การนั่งสมาธิ

          แต่กระนั้นก็เถอะ ในระยะแรก ชาวตะวันตกก็ปฏิบัติเพียงเพราะเป็นแฟชั่น(เหมือนบ้านเราแหละ) แต่ก็ไม่ว่าไรผล สิ่งที่ได้ก็คือ ทำให้ชาวตะวันตกได้รู้จักและได้สัมผัสความคิดความเชื่อของชาวตะวันออก

          มาดูกันในทางวิทยาศาสตร์กันบ้างที่องค์ทะไลลามะได้บอกไว้ เพื่อที่จะพิสูจน์นักวิทยาศาสตร์ทางด้านสมองได้นิมนต์ลามะจากทิเบตที่ปฏิบัติสมาธิมาเป็นเวลานาน เพื่อทำการตรวจวัดคลื่นสมอง พบว่า  สมองซีกซ้ายที่เป็นส่วนควบคุมความคิดเชิงบวก(Positive thinking) นั้นเมื่อเข้าสู่สมาธิแล้วทำงานได้ดีกว่าสมองซีกขวาที่ควบคุมความคิดเชิงลบ (negative thinking)

          นอกจากนี้จากคลื่นสมองยังพบว่า คลื่นสมองของคนโดยทั่วไปแล้วจะมีคลื่นสมองอยู่ในช่วง 30 – 50 Hz(ครั้งต่อวินาที) หรือช่วงบีต้า สำหรับคลื่นสมองของคนที่ฝึกสมาธิแล้วจะมีความถี่ที่น้อยลงโดยจะอยู่ที่ประมาณ 10 -12 Hz หรืออยู่ในช่วงแอลฟา ผู้ที่ฝึกสมาธิถึงขั้นสูงหรือฝึกเป็นเวลานานอาจจะอยู่ที่ 4 Hz เลยก็ได้

  

          สถานที่ที่ชาวตะวันตกมาเพื่อปฏิบัติตามและแบบแผนโลกตะวันออกกว่าปีละเกือบ 1000 คน พูดถึงแล้วเชื่อว่าเป็นที่รู้จักดี นก็คือ วัดป่าสวนโมกข์ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฏร์ธานี โดยมีอยู่ 2 ส่วนคือ สำหรับคนไทย และสำหรับชาวต่างชาติซึ่งเรียกกันว่า สวนโมกข์นานาชาติ

          ครั้งแรกที่มาที่นี่ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย ผมมาที่นี่เพียงเพราะต้องการเลิกบุหรี่ และมันก็ได้ผล ผมไม่สูบบุหรี่เลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ การทำสมาธิได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผม มันทำให้ผมสงบขึ้น

          ในตอนแรกที่มาที่นี่ มีความคิดมากมายวิ่งผ่านมาภายในจิตใจ เหมือนที่อาจารย์โพธ์เคยเปรียบว่า จิตใจวอกแวกเหมือนลิง กระโดดจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง และเมื่อคุณมีประสบการณ์มากขึ้น คุณก็เริ่มแน่วแน่ และมีสมาธิกับมันมากขึ้น คุณก็มีความสงบ และผ่อนคลาย

เป็นคำกล่าวของเวอร์เนอร์ ไฮซ์ ชาวเยอรมันที่มาฝึกที่สวนโมกข์นานาชาติ

          ไรน์ฮาร์ด โฮล์เชอร์ ผู้ประสานงานสวนโมกข์นานาชาติ ก็ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า

ผมมาที่นี่ 50 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ปี 2538 ผมมีความสุขที่ได้มาอยู่ที่นี่ ผมไม่คิดว่ามีที่อื่นที่อยากจะอยู่มากกว่าที่นี่ และผมก็ไม่มีความอยากที่จะไปที่อื่นอีก ผมคิดว่าผมอยู่ที่นี่เป็นโลกแห่งความจริงมากกว่าโลกภายนอกเสียอีก เพราะว่าที่นี่เราได้สือสารโดยตรงกับตัวเอง ผิดกับโลกภายนอกที่จะทำให้เราไขว้เขวไปกับสิงต่าง ๆ อย่างโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ไล่ตามความต้องการของตัวเอง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมเคยทำอย่างนั้นมาหลายปี และในที่สุด คุณก็จะไม่สามารถที่จะหยุดตัวเองได้ แต่ที่นี่ เรสามารถหยุดความคิดที่จะไล่ตามความต้องการของตัวเอง เราเรียนรู้ที่จะยอมรับและอยู่กับธรรมชาติที่นี่ สำหรับผมที่นี่เป็นที่ที่ดีที่สุด ในการทำจิตใจให้สงบและสมดุล 

          อ่านมาถึงตอนนี้แล้วก็เกิดความคิดว่า แล้วคนบ้านเราไม่มีใครคิดที่จะใช้ประโยชน์จากสิงที่เรามีหรือ แน่นอนต้องมาดูที่นี่ โรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี ภายใต้การดูแลของบุคคลที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่าครั้งหนึ่งเคยทำงานกับหน่วยงานระดับโลกอย่างองค์การนาซ่า ถูกแล้วครับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา โดยมีแนวความคิดว่า การสอนให้เด็กรู้จักความรัก ความเมตตาและการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่คนอื่นแล้ว คุณธรรมเหล่านี้จะทำให้เด็ก ๆ เป็นคนดี และคนดีก็จะนำไปสู่การเป็นคนเก่ง และ ดร.อาจองยังได้กล่าวอีกว่า

      

      

เมื่อฝึกสมาธิ พบว่าความจำดีขึ้น เมื่อความจำดีขึ้น การเรียนก็ดีขึ้น และการฝึกสมาธิทำให้จิตใจสงบ เด็กที่สมาธิส้นก็จะเรียนได้ดี และมีการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ปัญญาจะเกิด ทำให้เด็กรู้อะไรต่ออะไรด้วยตัวเอง โดยที่เราไม่ต้องสอน เด็กจะฉลาดและเก่ง และยังเสริมอีกนิดหนึ่งว่า ประเทศของเราประสบปัญหาเนื่องจากคนเก่งมามากแล้ว ที่นี่เราสอนให้เด็กเป็นคนดีก่อน

          หลายท่านคงเกิดคำถามขึ้นว่า เราเป็นคนตะวันออก เรานับถือพุทธศาสนาที่เราพยายามอย่างยิ่งให้เป็นศาสนาประจำชาติ เป็นสิ่งดีสิ่งหนึ่งที่เรามี ทำไมเราไม่ได้รับประโยชน์จากแก่นแท้ของสิ่งนี้

          คงจะหน้าอายไม่น้อยหากเป็นศาสนาประจำชาติ แต่มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าจริง ๆ การนับถือพุทธศาสนาจริง ๆ ต้องทำอย่างไร??????

 

จุดประกายความคิดโดย

รายการ ชีพจรโลก  Look East ออกอากาศเมื่อ 19 มิ.ย.49
(เพิ่งจะเขียนอะไรมีสาระสุด ๆ ก็คราวนี้แหละ)

หมายเลขบันทึก: 91040เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2007 21:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 16:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ผมว่า สาระสุดๆ คงไม่ได้มีแค่บันทึกเดียวแน่เลย

.

รอคอยสิ่งดีๆครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท