data information knowledge know how สู่ wisdom ในทัศนะของขาพเจ้า


data information knowledge know how wisdom ในทัศนะของขาพเจ้า

หากเราได้ลองพิจารณาความเป็นมาเป็นไปและเรื่องราวในโลก เราจะสามารถแบ่งความเป็นมาเป็นไปในโลกได้เป็น 5 ลักษณะด้วยกัน คือ data information knowledge know how  และ wisdom

data กับ information ถือเป็นข้อมูลในระดับต้น

knowledge know how ถือเป็นการหยั่งรู้ขั้นที่ 2

wisdom ถือเป็นการหยั่งรู้ขั้นที่ 3

โดยปกติ data คือข้อมูลดิบที่ยังไม่ได้ประมวลผล  information ถือเป็นข้อมูลดิบที่ประมวลผลแล้ว อาจกล่าวให้พอมองภาพออกในทางธุรกิจได้ว่า การที่เราไปที่ seven eleven หรือ tesco lotus จริงเหมือนไปซื้อของ แต่จริงๆ แล้วเรากำลังป้อน data อย่างเป็นอัตโนมัติให้กับผู้ประกอบการเหล่านั้น การที่พนักงานสแกน barcode สินค้าว่าเรากำลังซื้ออะไรไปนั้น คือการที่เราส่ง data ให้กับผู้ประกอบการนั่นเอง data ที่เราส่งไปนี้ถ้าส่งไปแค่คนเดียวมันก็ไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่ในวันหนึ่งๆ มีคนส่ง data เหล่านี้ให้กับ seven eleven หรือ tesco lotus เป็นล้านคนต่อวัน data นี้จึงทวีความสำคัญขึ้นมา เนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงด้านการซื้อขายของคนจำนวนมาก และเมื่อนำ data นี้มาวิเคราะห์ซึ่งโดยส่วนใหญ่ต้องใช้ computer เพราะ data มีจำนวนมากคนประมวลผลไม่ทัน computer ทำได้เร็วกว่า พอประมวลจะได้อะไร คือจะได้ information ที่สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อด้วย ความรู้ หรือ knowledge ได้ว่าควรจะจัดการกับ information นั้นอย่างไร  ในกรณีนี้ information ที่พูดถึง คือ การสรุปยอดขายของลูกค้าล้านราย ที่บอกว่าซื้อสินค้าในสาขาใดมาก และซื้อสินค้าประเภทไหนมาก แสดงว่า tesco lotus และ seven eleven จะรู้ทันทีว่าสินค้าไหนขายดีที่สาขาไหน (จริงๆ แล้วมีความนัยที่ซ่อนอยู่ใน information อีกมาก การตีความนั้นก็ขึ้นอยู่กับ knowledge ที่บุคคลนั้นมี และแต่ละคนจะมีการตอบสนองต่อ information ต่างกันออกไป ตามฐานคติ และฐานะที่ดำรงอยู่ของตน) อาจกล่าวให้ลึกลงไปว่าสิ่งที่ผู้ประกอบการได้ไป คือ พฤติกรรมผู้บริโภค เขารู้หมดว่า ลูกค้าโดยส่วนใหญ่ชอบซื้ออะไร ซื้อที่ไหน อย่างไร เราจึงสังเกตได้ว่า การไปที่ seven eleven หรือ tesco lotus มักไม่ค่อยพบประสบการณ์ที่ว่าของหมด หรือถ้าหมดก็ยังคงมีสินค้าทดแทน และสินค้าที่ไม่พบเจอในทั้งสองที่ก็เนื่องมาจากขายไม่ดีตามสถิติ หรือเป็นสินค้าที่พึ่งลองตลาด  นี่คือความสำคัญของ information ดังนั้น การที่มี information อยู่ในมือจะยิ่งขยับให้ผู้ประกอบการเหมือนติดปีกรู้ความเป็นมาของลูกค้าได้โดยอัตโนมัติ

 

knowledge และ know how น่าจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างกันที่ดี อาจกล่าวได้ว่า มหาวิทยาลัยสอน knowledge หรือ สอนทฤษฎี  ส่วนศูนย์อบรมสอน หรือมหาวิทยาลัยที่เปิดศูนย์อบรมสอน know how หรือความรู้ที่ถูกประยุกต์แล้วในสายงานด้านต่างๆ ดังนั้นคนที่มี knowledge เพียงอย่างเดียวก็จะเหมือนกับนักศึกษาที่ท่องจำและรู้หมดทุกเรื่อง แต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ หรือได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับผู้ที่มีประสบการณ์หรือ know how ที่สูงกว่าในศาสตร์นั้นๆ ดังนั้นในขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัยหากมุ่งแต่การทำคะแนนสอบเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ดูว่าเราจะสร้าง know how ที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานทางด้านใดเพิ่มเติมบ้าง จึงเป็นสิ่งอันตรายสำหรับนักศึกษา ดังนั้นการให้ของรางวัลของผู้ปกครองเมื่อนักศึกษาทำคะแนนได้ดีจึงไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่ เพราะเด็กซึ่งขาดประสบการณ์จะตีความได้ว่าการหา knowledge เพียงอย่างเดียวเพียงพอแล้วสำหรับการเรียนรู้ ซึ่งอาจจริงถ้าเราอยู่ในโลกเมื่อ 10 ปีก่อน คนที่มีความรู้เพียงอย่างเดียวอาจได้รับการนับหน้าถือตาในสังคม  แต่จะใช้ไม่ได้เลยกับในยุคปัจจุบัน เนื่องด้วยคนรู้มากขึ้น และสภาพของโลกที่เปิดตัวเองอย่างเต็มที่ (globalization) ทำให้ know how จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนทำงานในยุคปัจจุบัน แต่ know how ที่ดีต้องตั้งมั่นอยู่บนความรู้ ทฤษฎี หรือ knowledge ที่มั่นคง ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า ทฤษฎีกับปฏิบัติมันต่างกันจึงผิด  เพราะในอดีตคนใช้วิธีการทำงานแบบลองถูกลองผิดเยอะ จึงเปรียบเป็นเหมือนใช้ภาคปฏิบัติเยอะ แต่ในปัจจุบันด้วยภาวะโลกที่ผันผวนการใช้ know how ภายใต้ knowledge ที่ไม่มั่นคงจะนำไปสู่ทางหายนะในที่สุด นั่นคือการปฏิบัติที่ไม่ได้ทำบนฐานที่มีทฤษฎีรองรับนั่นคือเดินผิดทาง

สำหรับ wisdom เป็นสำหรับผู้ที่บรรลุขั้นปรมาจารย์ หรือ guru เป็นผู้หยั่งรู้ได้ว่าหากสภาพสังคมเป็นอย่างนี้ และสภาพความเปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนไปแบบใด และจะเป็นผู้ที่สามารถหาผลประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงนั้นได้  แต่คนที่มี wisdom ที่ขาดคุณธรรมนั่นคือ evil หรือมารผจญนอกจากไม่เป็นผลดี แล้วยังสร้างผลเสียสำหรับสังคมโดยภาพรวมอีก

จากที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นไปตามหัวข้อ data information knowledge know how สู่ wisdom ในทัศนะของขาพเจ้า ดังนั้นเป็นไปได้ว่าในบางส่วนอาจผิดพลาดเนื่องจากการไตร่ตรองที่ไม่รอบคอบก็ขออภัยมา ณที่นี้ แต่ผู้ที่ต้องการจะพัฒนาตน โดยเฉพาะนักศึกษาควรจะทำความเข้าใจกับคำทั้ง 5 นี้ให้ดี ว่าเราไปถึงระดับไหนแล้ว จะได้เฝ้าระมัดตัวเองให้รู้เท่าทันและรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ตลอดเวลา

ขอบคุณที่อ่านครับ

 

คำสำคัญ (Tags): #data#information#know how#knowledge#wisdom
หมายเลขบันทึก: 88605เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2007 02:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ขอบคุณที่เขียนค่ะ

กำลังเรียนหนังสืออยู่พอดีค่ะ  ได้รู้อย่างนี้แล้ว ได้เปลี่ยนมุมมอง และเข้าใจชัดเจนขึ้นเลยค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท