คำๆนี้มีอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นหัวหน้างาน ในสมัยที่ที่ทำงานยังอยู่ พระราม 4 สอนไว้
ท่านไม่เคยหวงของหรือทรัพย์สินอะไรเลย
ของในสำนักงาน ใครจะมาใช้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องคนในกองเดียวกัน แผนกเดียวกัน จะต่างกองต่างกรม ก็ไม่หวง
.
เมื่อตอน 10กว่าปีก่อน ช่วงหน้าร้อนปิดเทอมอย่างนี้ ช่วงนั้นผมยังสอนวิชาคอมพิวเตอร์อยู่ ตอนปิดเทอมห้องเรียนว่าง
ผมก็ว่าง ไม่รู้จะทำอะไรดี และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ เพื่อนข้าราชการพาลูกมาทำงานด้วยในช่วงปิดเทอม ซึ่งก็ไม่รู้จะพาไปไว้ไหน
ผมเลยเสนอว่า ทำไมไม่พาเด็กๆมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์กันละ มาเรียนการใช้งาน หัดระบายสี ฝึกการใช้เม้าส์
แค่เสนอ ก็โดนท่านอื่นต่อว่า ไม่กลัวเครื่องเสียหรือที่ไปให้เด็กใช้กัน หนังสือยังอ่านไม่อ่านเลย แล้วจะรู้หรือว่าปุ่มไหนอักษรอะไร กดอะไรยังงัย
.
แต่ก็มีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน ผมกันมาก
วันแรกที่เปิดให้เด็กๆ ลูกข้าราชการที่ทำงาน มาใช้เครื่อง ส่วนใหญ่ 3-6 ขวบ อย่างมาก ก็ไม่เกิน 11 ในขณะนั้น 3-4 ขวบ มาก็เผื่อขอนอนในห้องแอร์เท่านั้น ส่วนที่เหลือ ใช้งานโปรแกรม
วาดรูป ระบายสี สอนไม่อยาก เด็กๆสนุกกับการใช้งาน และพบว่า ตลอดกว่า 20 วัน ไม่มีเครื่องเสีย อุปกรณ์ใดๆเสียหายเลย เป็นเพราะเด็กๆเค้าใช้งานกันอย่างระวังอยู่แล้ว และส่วนหนึ่งผมก็ได้กำชับไว้ว่าถ้าใครทำเสีย หยุดใช้งานทุกคน
ทุกคนเลยช่วยกันดูแล นมน้ำขนม ให้กินในห้องพักผม
กลางวัน พ่อแม่มารับไปกินข้าวเอง
หลังโครงการนั้น พ่อแม่เด็กเหล่านั้น ก็ยังแวะเวียน มาฝากกันทุกปิดเทอมเลย แถมยังชวนลูกๆของเพื่อนข้าราชการอื่นๆมาด้วย
.
ใจผมนะ อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าใครทำเครื่องเสีย เค้าทำกันยังงัย จะได้รู้ถึงปัญหาที่ทำให้เครื่องเสียได้ ต่อไปจะได้ไม่ทำอีก
.
และครั้งหนึ่งผมเสนอจัดหาอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงบน OverHead ซึ่งยังมีใช้งานกันอยู่มาก และก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งยืมไปใช้งาน พบว่าท่านเอาไปเก็บไม่ให้ใครใช้ต่อ แล้วเครื่องนั้นก็เปิดไม่ติด ซึ่งทำให้ไม่รู้สาเหตุว่าเสียเพราะอะไร จะได้ให้ช่างมาซ่อมให้ใช้งานได้
.
และทุกวันนี้ คำว่า เสียเพราะใช้ ดีกว่า เสียเพราะเก็บ ผมก็ยังปฏิบัติอยู่เสมอ เพราะคิดไว้แล้วว่า ของเค้าซื้อมาให้ใช้ คนยืมไปเค้าไม่อยากทำให้เสียกันหรอก เพราะปัญหาจะตามมาที่หลัง หากแต่ใช้แล้วมีปัญหา ก็ขอให้บอกให้ได้ว่ามันเสียเพราะอะไร เราไม่ว่ากันหรอก
ข้าวของเครื่องใช้ มันเสียกันได้ แต่อย่าให้เสียประโยชน์จากการใช้งาน เป็นพอ
ใช่ค่ะ น้องชาย พี่หนิงก็คิดแบบนั้นแหละค่ะ เด็กๆตาบอดใช้คอมพิวเตอร์ ก็ไม่เคยเสียนะคะ แต่ต้องscan virus ดีดี เพราะเขาจะ click เรื่อย อิอิ ที่ DSS นี่ formatted เครื่องกันเกือบทุกเดือนค่ะ ก็ไม่ใช่ว่าเสียอะไรหรอกค่ะ แต่บางทีไวรัสและเกมส์เยอะเกินไป ล้างระบบซะเลย 555
พี่หนิงครับ
มีเรื่องขำำำๆไวรัสคอม
ผมบอกเด็กๆว่าระวังไวรัสคอมพิวเตอร์นะ
เด็กหยุดใช้เลย เิดินมาถามผมว่า
แล้วมันจะติดผมมั้ยครับ
ครูตุ๊กแกครับ
ถ้าลงโปรแกรมใหม่ ในขณะที่เครื่องเยอะ ก็ครูสอนคอมเหนื่อย
ให้ครูสอนคอม ตั้งกรรมการนักเรียนด้านสารสนเทศ หรือคอมพิวเตอร์
ให้เค้าช่วยดูแล ปรังปรุง ลงโปรแกรมให้ได้นะครับ
ให้สิทธิพิเศษการใช้งานเค้ามากกว่านักเรียนปกตินิดหน่อย อย่างน้อย เป็นการเพิ่มจิตสำนักในการรักษาทรัพย์สินโรงเรียนด้วยครับ
ขอบคุณครับ ที่มาทักทายติชม ครับ
สวัสดีค่ะคุณตาหยู
เบิร์ดชอบจัง..ข้าวของเครื่องใช้ มันเสียกันได้ แต่อย่าให้เสียประโยชน์จากการใช้งาน เป็นพอ
เห็นด้วยอย่างที่สุดว่าเสียเพราะใช้ ดีกว่าเสียเพราะเก็บ แต่ถ้ามันไม่เสียเลยจะดีที่สุด อิ อิ
ของทุกอย่างมีอายุการใช้งานครับ...
ใช้จนคุ้มแล้วเสียดีกว่าเก็บไว้จนหมดสภาพใช้งานไม่ได้ เห็นด้วยครับดีกว่ากันเห็น ๆ ...
ขอบคุณครับ...
อ.ขจิต
เด็กใหม่ จะเข้าโรงเรียนผมช่วงปลายเด็ก ผมเป็นโต้โผทำสัญญา จะหนักหน่อย ตอนสิ้นเดือน เม.ย.ละครับ
.
ขอขอบคุณ
คุณเบิร์ด คุณMr.Direct
ที่ แวะมาทักทายติชมกันครับ
พี่หยู เปิดประเด็นเรื่องนี้โดนใจจริง ๆ เพราะมีตัวอย่างให้เห็นใกล้ ๆ ตัวมะปรางนี่เองคะ
พี่สาวมีลูกชายหนึ่งคน อายุประมาณ 5 ขวบ ต้องบอกว่าเปิด VDC DVD ด้วยตัวเองอย่างไม่ต้องให้ใครมาสอน ลองเอง เล่นเองค่ะ บางฟังก์ชั่น ผู้ใหญ่อย่างเรายังไม่รู้เลยว่าต้องใช้ยังไง เจ้าหลานรู้ดีกว่าแล้วค่ะ
คอมพิวเตอร์ อยากฟังเพลง เปิดเว็บ ก็ทำได้แล้ว เล่นเอง มั่วไปเรื่อย บางทีอาศัยจำจากน้าบ้าง
พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ห่วงของ อยากให้ลูกได้ลองได้เล่น เห็นกันชัดเจนว่าพัฒนาการเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์เกล่านี้ดีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ
สวัสดีครับ...เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสมาก
ขอชื่นชมวิถีคิดและมีการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสกับคอมพิวเตอร์
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับกับการนำสิ่งของต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ มิใช่เก่าเพราะเก็บ...และซ้ำร้ายก็พังโดยไม่ได้ใช้
เช่นเดียวกับหนังสือดี ๆ ที่ครูมักเก็บอย่างมิดชิดไม่ยอมนำออกมาให้เด็กอ่าน ..นี่ก็เป็นการสูญประโยชน์จากทรัพยากรที่คุณได้ใช้...
เป็นการไม่ต่อยอดทางปัญญาเลยก็ว่าได้...
ใช่ค่ะครูตุ๊กแก และตาหยู พี่หนิงก็ให้เด็กๆช่วยกันค่ะเพราะที่ DSS พี่กับน้องออย มีกัน แค่ 2 คน formatted บ่อยๆ ก็ไม่ไหวค่ะ ตอนนี้มีนิสิตพิการทางการเคลื่อนไหวที่เรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ มาช่วยงานตอนเย็น สัปดาห์ละ 2 วันค่ะ ให้เขารับหน้าที่นี้เป็นหลักๆเลยค่ะ
ส่วนsoftware เฉพาะทางของคนตาบอด ให้เจ้าตัวนิสิตตาบอด มาลงเองเพราะเขาจะได้รู้ว่า...อีกแล้ว เครื่องนี้ต้อง formatted อีกแล้ว จะได้ช่วยกันระมัดระวังเพิ่มขึ้นค่ะ
ต้องขอโทษ
น้องมะปราง คุณแผ่นดิน พี่หนิง อ.ลูกหว้า อ.ขจิต
ที่มาตอบทักทายช้า
มีประชุมสัมมนากันทุกวันเลย
เริ่มว่างแล้ว
ขอบคุณครับ คุณอ้อ-สุชานาถ
ที่แวะมาิติชมกันครับ
ผมมีตัวอย่างหนึ่งตามประสานักวิทย์
สำหรับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าเราจะใช้งานมันหรือไม่ก็ตาม จะมีค่าใช้จ่ายอยู่จำนวนหนึ่งที่ต้องจ่ายให้กับมัน อย่างเช่น เครื่อง NMR (nueclear magnetic resonance) จะต้องจ่ายค่า liquid nitrogen และก็ liquid helium ปีละหลายหมื่นเลยทีเดียว(แค่อยู่เฉย ๆ นะครับ ) ไม่ใช่แค่เสียประโยชน์อย่างเดียว เสียเงินอีกต่างหาก
สวัสดีตาหยู
ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนเชียวหรอ เอ...จำแนนได้มั้ย ไปนั่งเรียนคอมอยู่ด้วยไง 555
เคยสอนเด็กเล็กเรียนคอมฯ เหมือนกัน ตอนเปิดอบรมพิเศษให้ลูกหลานอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย เด็กอายุ 7-10 ขวบ สอนพวกวาดรูป ให้ใช้ photoshop ที่ไหนได้ หลักสูตรเตรียมไว้สอนทั้งวัน ครึ่งวันเด็กเรียนได้หมดแล้ว ครึ่งบ่ายต้องหาอย่างอื่นมาให้เล่น
เด็กๆ สมัยนี้เก่งจะตาย (ไม่รู้เมื่อสิบปีที่แล้วเป็นอย่างงี้มั้ย) ผู้ใหญ่ (มั่กมากสมัยนี้) บางคนยังใช้ไม่เป็นเลยนะ ฮิฮิ
...
ตาหยูสบายดีมั้ย
^___^
ขอบคุณ คุณอุทัย อาวรณ์
ที่มีกรณีศึกษาให้เรียนรู้ครับ
สวัสดีค่ะ ตาหยู