ถึง ณ วันนี้ ผมอาจจะเป็นนักการทูตคนเดียวที่มาบันทึกใน G2K หากไม่ใช่กรุณาแจ้งมานะครับ
บางครั้งก็ยังงงว่าเรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เหตุเกิดมาจากการที่ได้ไปอภิปรายที่คลังสมอง วปอ. ในหลักสูตรผู้นำเศรษฐกิจพอเพียงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ได้เจอกับอาจารย์จิระ หงส์ลดารมณ์ซึ่งท่านไปเป็นวิทยากรรับเชิญเช่นกัน ได้สนทนากับท่านและประทับใจในตัวท่านมาก ว่าเป็นคนที่เก่งคนหนึ่งในสังคมไทย จึงค้นหาหาข้อมูลในเว็บ และไปเจอเว็บของท่านดร.จิระและก็มีเพจของท่านใน G2K ด้วย
ผมเข้ามาดูเว็บ G2K ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2550 รู้สึกว่าเว็บนี้มีรูปแบบที่น่าสนใจ มีความรู้จากสมาชิกมากมายและส่วนใหญ่กล้าเปิดเผยตัวตนดี แสดงถึงความจริงใจและน่าเชื่อถือ และด้วยความที่ผมเองก็มีแนวคิดส่วนตัวที่จะนำความรู้และประสบการณ์ส่วนตัวมาเผยแพร่แก่ผู้สนใจโดยถือว่าเป็นการทำความดีถวายในหลวงในปีมหามงคลนี้ จึงคิดว่าแนวทางของ G2K สอดคล้องกับความคิดของตนเอง กอร์ปกับผมยึดคติที่ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จึงต้องรีบทำความดีอยู่เสมอและให้มากที่สุด........จึงสมัครเป็นสมาชิกทันทีและเริ่มโพสต์ครั้งแรกในวันที่ 13 มีนาคม 2550 ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ผมสนใจอยู่ในขณะนี้
แต่ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่า G2K เน้นเรื่อง KM มาก มีครูบาอาจารย์ซะเป็นส่วนใหญ่ เราเป็นนักการทูตจะเกี่ยวข้องไหมเอ่ย....ก็ลังเลพอสมควร แต่อย่างว่าคติธรรมที่มีอยู่เตือนว่า หากพรุ่งนี้ต้องตาย.......เอ้า รีบทำดีต่อไป ไม่ต้องคิดอะไรมาก....และที่ผ่านมาก้มีผู้สนใจถามเรื่องงานการทูต จึงน่าจะเป็นประโยชน์บ้าง
ก็เป็นที่มาที่ผมมาอยู่ตรงนี้ ในเวลานี้...........ไม่ได้คิดว่าจะให้ใครมาเข้าใจ แต่คิดพูดกับตัวเองและเห็นว่าน่าจะถือเป็นการแนะนำตัวด้วยความจริงใจจากผม........ซึ่งก็คงถือโอกาสบันทึกไปเรื่อยๆ เท่าที่ยังมีไฟอยู่
ด้วยความปรารถนาดี
พลเดช วรฉัตร.....
จำชื่อคุณโยมได้แล้ว รู้สึกคุ้นเคย แต่เพิ่งเห็นภาพและสถานภาพวันนี้....
คำสอนทางพระพุทธศาสนามีคุณสมบัติของทูต ๘ ประการ แต่อาตมาก็จำไม่หมด จำได้แต่ ๒ ข้อแรก ไว้เตือนสติ อาจารย์บางรูปที่อาตมาคุ้นเคยฉันท์เพื่อน (เพื่อนกันแต่ท่านเรียนก่อนจึงเป็นอาจารย์ด้วย) คือ..
๑. สุตา นั่นคือ คนเป็นทูตต้องฟังคนอื่นๆ ได้
๒. สาเวตา นั่นคือ คนเป็นทูตต้องมีความสามารถพูดให้เพื่อนฟังได้...
...ที่อาตมานยกเรื่องนี้มาเล่า เพราะท่านอาจารย์ผู้เป็นเพื่อนสนิทของอาตมา ท่านมีแต่ข้อแรก คือ พูด ๆ ๆ ให้เพื่อนฟัง ... แต่ขาดข้อหลัง คือ ท่านฟังเพื่อนไม่ได้..
บังเอิญอาตมาจะพูดบ้าง จึงได้ยกคุณสมบัติของทูตสองข้อนี้ขึ้นมา....
เจริญพร
กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ
กราบขอบพระคุณมากครับสำหรับข้อเตือนใจของท่าน จะน้อมนำไปปฏิบัติต่อไปครับ
ตามที่ท่านกล่วถึง เป็นทูตสูตรครับ ซึ่งพวกเรานักการทูตต่างได้รับการหล่อหลอมผ่านการทำงานตั้งแต่แรกเข้าครับ แต่ใครจะได้ผลมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละท่าน ขออนุญาตินำทูตสูตรตามที่พระคุณเจ้าอ้างถึงมา ณ ที่นี้ครับ
“ภิกษุทั้งหลาย ผู้ประกอบด้วยธรรม 8 ประการสมควรเป็นทูตได้ คือ
1.ฟังเป็น
2.ให้ผู้อื่นฟังเป็น
3. คงแก่เรียน
4. จำแม่น
5. รู้แจ่มแจ้ง
6. ให้ผู้อื่นรู้แจ่มแจ้ง
7. ฉลาดในประโยชน์และมิใช่ประโยชน์
8. ไม่ชวนทะเลาะ
ภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรประกอบด้วยธรรม 8 ประการดังกล่าว จึงควรเป็นทูต"
กราบนมัสการด้วยความเคารพครับ
ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่มีนักการทูตหรือสาขาวิชาชีพหลากหลายเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้ร่วมกันค่ะ
อ่านจากที่คุณ พลเดช เขียนสนทนากับหลวงพี่ BM.chaiwut แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าดีใจที่ได้และจะได้อ่านบันทึกของทั้ง 2 ท่านไปเรื่อยๆ ค่ะ
เรียนดร.กมลวัลย์ ลือประเสริฐครับ
ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็น ทำให้รู้สึกเหมือนว่าได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นครับ
ผมได้ติดตามอ่านบันทึกของอาจารย์เช่นกันครับ
สวัสดีครับ
อยากจะกราบเรียนว่า ชอบอ่านมากครับ แต่อันนี้อาจจะเดาได้เพราะเป็นเจ้าหนูจำไม ไปเกือบทุกกระทู้แล้วครับ :D
ที่ชอบอ่านเพราะว่าไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลยครับ มันยากมากที่จะทราบเรื่องในวงการการทูต งานของทูต ถ้าไม่มีนักการทูตมาเล่าให้ฟัง ผมก็คงไม่ทราบครับ (และนั่นคือเหตุผลที่ผมชอบถามครับ เพราะผมอยากรู้ไปให้ได้หลายๆเรื่องมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ครับ)
ขอบพระคุณมากครับที่ได้สละเวลาอันมีค่า มาเขียนถึงเล่าถึงประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาได้ยากสู่กันฟังครับ :D
ต้น
เรียนคุณChaipat ครับ
ขอบคุณครับสำหรับการถามซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดี ผมต้องขอบคุณด้วยซ้ำไปที่ถามเพราะถ้าไม่ถามก็ไม่รู้ว่าสนใจ
ยอมรับว่าการทูตเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ และนักการทูตส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะลงมาให้ความรู้แก่คนทั่วไป ทั้งที่โลกเปลี่ยนไปแล้ว ความรู้ต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ การทูตการต่างประเทศก็จะต้องปรับตัวเผยแพร่แก่คนทั่วไปได้เช่นกัน ผมอาจจะเป็นส่วนน้อยของนักการทูตที่ชอบคิดอะไรนอกกรอบ แต่ก็มั่นใจว่าทำถูกต้องและจำทำต่อไปครับ หากมีคนถามอยู่เสมอ ผมก็จะตอบเสมอครับ
ด้วยความปรารถนาดี
พลเดช |
คุณโยมคงจะเคยอ่าน หิโตปเทส...
ในหิโตปเทส ก็สอนเรื่องการทูตให้มาก...
นิทานเก่าๆ ของตุรกีและเปอร์เชียก็มีเรื่องการทูตเยอะ...
โดยส่วนตัว อาตมาชอบอ่านนิทานพวกนี้ แต่ด้วยความใจดี หรือชอบโม้ก็ไม่ทราบ หนังสือเหล่านี้ให้เพื่อนบ้างเด็กๆ บ้าง ไปอ่าน... เดียวนี้หนังสือเหล่านี้จึงไม่มีติดห้องเลย....
ถ้าคุณโยมปลีกเวลาได้ ว่างๆ ก็น่าจะนำเรื่องทำนองนี้มาเล่า...
โดยเฉพาะที่เป็นนิทาน อ่านแล้วได้ข้อคิดและสนุกดี...
เจริญพร
เป็นความโชคดีของ gotoknow ครับ ที่มีบุคคลจากหลาย ๆ อาชีพมารวมตัวกันที่นี่...
และทุกคนก็พร้อมที่จะเปิดเผยตัวเอง...
รอที่จะอ่านมุมมองดี ๆ จากนักการฑูตครับ...
กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ
กราบขอบพระคุณท่านครับ ผมเคยอ่านมาบ้างครับ...... ผมเป็นคนชอบหนังสือและสะสมหนังสือเก่าครับ โดยเฉพาะหนังสือเก่าของสยามจากตลาดหนังสือเก่าในยุโรปซึ่งนับเป็นความโชคดีของผมที่ไปได้มาสะสมไว้หลายเล่ม ล้วนมีค่าทั้งนั้น บางเล่มเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 วันหลังจะนำมาเล่าให้ฟังครับ
กราบนมัสการด้วยความเคารพครับ
เรียนคุณ Direct ครับ
ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็น ผมขอเป็นนักการทูตติดดินครับและจำนำประสบการณ์ในต่างแดนมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
ด้วยความปรารถนาดี
คุณพลเดช ค่ะ
Gotoknow มีคนทำงานหลากหลายอาชีพเข้ามาเขียนบันทึกเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันค่ะ
ดิฉันดีใจที่ได้อ่านข้อคิดเห็นของคุณพลเดช และดีใจที่คุณพลเดชได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Gotoknow ค่ะ
ปล. ขอแนะนำให้เข้าระบบ ก่อนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ ซึ่งมีประโยชน์อย่างไร รบกวนลองอ่านในบันทึก Login เข้าใช้ระบบ ก่อนเริ่มการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ
คุณมะปรางเปรี้ยวครับ
ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็นและข้อแนะนำ ได้ทำแล้วครับ เป็นประโยชน์ครับ
ด้วยความปรารถนาดี
สวัสดีค่ะ คุณพลเดช
รอฟังเรื่องเล่าดี ๆ จาก แวดวงการฑูตนะคะ
คุณรัตติยาครับ
ขอบคุณครับที่สนใจ ติดตามต่อไปนะครับ
ด้วยความปรารถนาดี
คุณวนิดาครับ
ขอบคุณครับที่สนใจงานการทูต การจะเป็นนักการทูตต้องเรียนจบปริญญาตรีทางรัฐศาสตร์การทูต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ดี หากเรียนทางด้านกฏหมาย เศรษฐศาสตร์ก็ถือว่าอยู่ในสายนี้ได้ดีครับ
หน่วยงานที่ดูแลงานการทูตก็คือกระทรวงการต่างประเทศ หากสนใจก็คือการสอบเข้ามาเป็นข้าราชการ ซึ่งตามปรกติจะมีการเปิดสอบแทบจะทุกปี ต้องคอยติดตามข่าวการสอบจากกระทรวงต่างประเทศทางเว็บไซด์ ( www.mfa.go.th) หรือจากกพ.ก็ได้ การสอบก็จะมีการสอบทั้งข้อเขียนทางวิชาการและการสอบสัมภาษณ์
อย่างไรก็ดี คนที่จะมาเป็นนักการทูตนั้นต้องรักการเป็นข้าราชการ ก็คือเป็นผู้ที่เสียสละ ทำงานเพื่อแผ่นดิน รักเกียรติยศของข้าราชการ เป็นคนที่ชอบมนุษย์สัมพันธ์และชอบการเรียนรู้เรื่องโลกและสิ่งใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอยุ่เสมอ ต้องมีใจรักและเก่งทางด้านภาษาโดยเฉพาะภาษาต่างประเทศอย่างน้อย 1 ภาษา (อังกฤษ)
คุณวนิดาจะดูรายละเอียดของคุณธรรม 8 ประการตามที่ผมได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นก็ใช้ได้เช่นกันครับ...แต่ถ้ากำลังเรียนอยู่ ก็ขอให้ตั้งใจเรียนให้เก่งๆ ครับ ถ้าเรียนเก่งแล้ว จะเป็นอะไรก็ได้ครับ...ขอให้โชคดีครับ
ด้วยความปรารถนาดี