เมื่อ 6 เดือนที่แล้วผมเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีการรัฐประหาร....เพราะช่วงนั้นผมรู้สึกว่าบ้านเมืองเรากำลังถูกทำให้เข้าไปสู่ทางตันและอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถจะคาดฝันได้ทุกเมื่อ แต่ในความโล่งใจก็แฝงความกังวลอยู่ด้วยเนื่องจากรู้สึกว่าครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมาเพราะก่อนหน้านั้นเกิดการรัฐประหารดด้วยต้นเหตุทางการขัดแย้งทางการเมืองจำกัดเฉพาะคนในวงการเมืองเท่านั้น....แต่ครั้งนี้ เป็นการทำรัฐประหารบนความขัดแย้งในสังคมเป็นวงกว้างและมีการดึงสถาบันหลักของชาติมาเกี่ยวข้องด้วย
ผ่านไป 6 เดือน ความกังวลของผมเริ่มเป็นจริง
ขณะนี้เริ่มมีกระแสสังคมที่พยายามก่อความแตกแยกให้เกิดขึ้นอีกครั้งเนื่องมาจากการที่รัฐบาลและ คมช. ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากนักการเมือง ทำให้ไม่สามารถสร้างความได้เปรียบทางด้านการเมือง ไม่สามารถทำให้การเมืองนิ่งได้....การทำงานจึงเป็นไปด้วยความลำบาก
สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมากเกินไปและสุดที่จะทนได้ก็คือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นมีการนัดชุมนุมของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งสามารถทำได้และแสดงออกทางความคิดได้เต็มที่.....แต่ ทำไมจึงต้องมีการดึงผู้ที่เรานับถือกันว่าเป็นรัฐบุรุษและท่านดำรงตำแหน่งเป็นถึงประธานองคมนตรีมาเกี่ยวข้อง
ผมไม่เข้าใจว่าพวกเขาเหล่านั้นทำไมจึงได้กำลังคิดต่อต้านการรัฐประหารทั้งที่ผ่านมาถึง 6 เดือนแล้ว ทำไมไม่เข้าต่อต้านตั้งแต่แรก ถ้าหากพวกเขาออกมาชุมนุมเนื่องมาจากการที่ผู้ยึดอำนาจเข้ามาเพื่อกอบโกยโกงกินหรือคิดจะสืบทอดอำนาจผมคิดว่านั่นน่าจะสมเหตุสมผลกว่า
ทำให้ผมคิดว่าพวกเขาเหล่านี้เคลื่อนไหวโดยน่าจะมีเงื่อนงำ และต้องทำให้พวกเราในฐานะคนไทยต้องคอยติดตามให้ดี
ต่อไปนี้ผมขอนำบทความที่ผมได้อ่านแล้วรู้สึกหนักใจถ้าเป็นจริงมาลงไว้....
เราขอบอกให้พี่น้องร่วมชาติทั้งประเทศได้ทราบว่าแกนนำผู้จัดชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 17 และ 18 มีนาคม 2550 นี้เพื่อโจมตีพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีนั้น เป็นเครือข่ายของพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น
กลุ่มนายวีระ มุสิกพงศ์ ที่แปลงโฉมมาในนามของพีทีวีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หากเป็นแกนนำของพรรคไทยรักไทย ที่ทำหน้าที่สื่อเทียมเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับอำนาจเก่า และเพื่อโจมตีรัฐบาลและ คมช. ตลอดจนแกนนำอำนาจรัฐใหม่ คนผู้นี้คือคนที่เคยถูกศาลพิพากษาจำคุกฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้ว
ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษให้ จึงออกจากคุกมาทำการอยู่ได้ในวันนี้
ส่วนกลุ่มหมอสันต์ หมอเหวง และนางประทีป ซึ่งเคยเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยในยุคหนึ่ง ก็ได้เปลี่ยนสีแปรธาตุไปแล้วตั้งแต่ยุคทักษิณครองเมือง
คนกลุ่มนี้ทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่เห็นไม่ได้ยินการโกงบ้านกินเมือง และการย่ำยีบ้านเมือง ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะทำลายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เออออห่อหมกไปกับระบอบทักษิณ
ครั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง คนกลุ่มนี้ก็จำแลงแปลงรูปใช้เสื้อคลุมประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาลและ คมช. โดยที่ไม่เคยตำหนิติเตียนการโกงชาติกินเมืองแม้แต่คำเดียว
นอกจากนั้นก็มีกลุ่มลิ่วล้ออีก 2-3 กลุ่มที่รับท่อน้ำเลี้ยงจากอำนาจรัฐเก่า เป็นเจ้าเก่าที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อต้านรัฐบาลและ คมช.
คนสามกลุ่มสามพวกนี้คือแกนนำในการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลและ คมช. และเปิดฉากโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อย่างเปิดเผยต่อเวทีสาธารณะ
แม้ไม่ต้องบอกก็ขอให้รู้ว่าเครือข่ายของพวกนี้คือพวกที่ทำแผ่นซีดีและใบปลิวตลอดจนกระจายข่าวคราวทางอินเทอร์เน็ตใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร
การเคลื่อนไหวทั้งหมดของคนกลุ่มนี้ขัดแย้งกันกับคำพูดคำจาของนายนพดล ปัทมะ ที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วางมือทางการเมืองแล้ว
เพราะเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งหมายให้มีการฟื้นคืนอำนาจของระบอบทักษิณขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และมุ่งหมายทำลายแกนนำอำนาจรัฐใหม่ ทั้งในรัฐบาลและใน คมช. ให้อ่อนแรงลงไป เพื่อเปิดโอกาสให้กับการฟื้นคืนอำนาจรัฐเก่า
คำถามอยู่ตรงที่ทำไมถึงต้องโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอย่างสาดเสียเทเสีย พวกเขามุ่งหมายให้เกิดความเสียหายเฉพาะแก่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เพียงเท่านั้นหรือ? หรือยังมุ่งหมายที่สูงไปกว่านั้น หรือว่านี่คือการตีวัวกระทบคราด
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นบุคคลสำคัญของชาติ เป็นหลักชัยของชาติบ้านเมือง มีคุณูปการใหญ่หลวงต่อชาติบ้านเมือง และปัจจุบันก็ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอาวุโส
บารมีของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้มีส่วนช่วยเหลือบ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤตและอันตรายหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬเรื่อยมา จนกระทั่งวิกฤตที่สุดในโลกที่เกิดจากระบอบทักษิณ
ความพยายามที่จะเชิดชูคุณธรรม ศีลธรรม และจริยธรรม เชิดชูคุณงามความดี ต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวงของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้กระทบต่ออำนาจรัฐเก่าอย่างรุนแรงหลายครั้งหลายหน
ดังนั้นในยุคอำนาจเก่าจึงมีบางครั้งบางคราวที่มีการกระทบกระแทกแดกดันถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ด้วยความไม่พอใจ
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่กล้าออกนอกหน้า ไม่กล้าพูดชัด ๆ พูดอ้อมไปอ้อมมา วกไปวนมา เฉียดไปเฉี่ยวมา เพราะรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ และเป็นสิ่งที่คนไทยไม่มีทางที่จะเห็นด้วย
เพราะหากกระทำแล้วย่อมกระทบไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ย่อมกระทบไปถึงจิตใจของทหารและพลเรือน ตลอดจนประชาชนทั้งประเทศ
ดังนั้นตลอดยุคสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถึงจะมีความไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้าหรือโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ออกนอกหน้าแต่ประการใด
แล้วทำไมคนสามกลุ่มสามพวกซึ่งก็คือพวกเครือข่ายของพรรคไทยรักไทยจึงกล้าหาญชาญชัยเปิดฉากโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อย่างซึ่งหน้า อย่างเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนในยามนี้เล่า?
และมันเกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวอื่นใดกระนั้นหรือ? ไม่ใช่เลย
มันสอดคล้องกับข้อความในเว็บไซต์ Hi Thaksin ที่ได้ออกคำประกาศผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวว่ากลุ่มศักดินาล้าหลังจะพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
นี่คือการกล่าวคำอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะคำที่ว่ากลุ่มศักดินาล้าหลังดังกล่าวนี้มีความหมายเฉพาะถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังที่ลิ่วล้อของอำนาจรัฐเก่าเคยรณรงค์ในขณะที่ยังมีอำนาจว่า “ทุนนิยมที่ชั่วช้า ยังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง”
ซึ่งหมายความว่าระบอบทุนนิยมสามานย์ที่ปล้นบ้านผลาญเมือง ยังก้าวหน้าและดีกว่าสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหลักชัยของประเทศไทย
เว็บไซต์ Hi Thaksin จึงสานต่อความคิดและความพยายามเก่า ประกาศอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อีกครั้งหนึ่งในยุคสมานฉันท์ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
การจัดชุมนุมเดินขบวนและการโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว และที่พยายามจะดำเนินการกันต่อไปนั้น แม้รูปการณ์ภายนอกจะเป็นเพียงการใส่ร้ายป้ายสีและโจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดดเดี่ยว หากเกี่ยวเนื่องกับความพยายามโค่นล้มสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยตรง
โจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เพื่อดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นการละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างร้ายแรง
โจมตีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เพื่อให้กระทบกระแทกแดกดันขึ้นไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเป็นเล่ห์กลที่มุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดแจ้ง
เป็นการกระทำอย่างมีแผนการ อย่างเป็นขบวนการ และอย่างมีจังหวะก้าว
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประเทศไทยของเรา แต่มันกลับเกิดขึ้นในยุคสมานฉันท์ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
เราเคยเตือนหลายครั้งหลายหนแล้วว่าพระกับโจรสมานฉันท์กันไม่ได้ ความดีกับความชั่วสมานฉันท์กันไม่ได้ ผู้ปราบปรามยาเสพติดกับผู้ค้ายาเสพติดสมานฉันท์กันไม่ได้ การปราบปรามการโกงชาติกับคนโกงชาติสมานฉันท์กันไม่ได้
และแล้วก็มาถึงพวกที่คิดล้มล้างสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กับคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็ไม่มีทางที่จะสมานฉันท์กันได้
ลัทธิสมานฉันท์ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ แบบที่ว่ามานี้กำลังทำให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ตกอยู่ในความเสี่ยงและตกอยู่ในอันตรายอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
เรามาจับตาดูกันว่าพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ จะยังสมานฉันท์กับคนที่คิดล้มล้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ต่อไปอีกหรือไม่.
ไม่แน่ใจว่าการเขียนเรื่องการเมืองจะผิดกติกาของชุมชน gotoknow หรือไม่ครับ....แต่ในเมื่อ blog คือการบันทึกความคิดและประสบการณ์ของผู้บันทึก....นี่คือความคิดและความเป็นห่วงประเทศชาติของผมครับ
ไม่มีความเห็น