กิจกรรมวันพ่อ ปี 2550


80 ชันษา พ่อหลวงของปวงชนชาวไทยกับการทำบุญของวันปากน้ำ ภาษีเจริญ

       เนื่องจากเป็นเด็กฝั่งธนฯ ทำให้เป็นลูกศิษย์วัดปากน้ำ-ภาษีเจริญ เพราะพ่อกับแม่จะพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ โดยไปเป็นเพื่อนย่าเวลาไปฟังเทศน์ที่วัด หรือเวลาที่ย่าไปทำบุญตามวัดที่อยู่ในระแวกบ้านพัก ตอนเป็นเด็กจะสงสัยว่า ทำไมย่าชอบไปวัด แล้วทำไมเราต้องตามไปด้วย เด็กก็ย่อมจะชอบอยู่กับบ้านเพื่อเล่นกับเพื่อนๆ ไม่ใช่ต้องไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ต่อหน้าพระเป็นครึ่งวัน ทำอะไรโลดโพนก็ไม่ได้ ถึงจะคิดตามประสาเด็ก แต่ก็ต้องไปเพราะพ่อเป็นลูกชายเกือบสุดท้องมีหน้าที่ดูแลย่า ซึ่งจะให้พ่อมานั่งเฝ้าย่าทั้งวันก็คงเป็นไปไม่ได้ หน้าที่นี้เลยตกเป็นของหลานสาวตัวเล็กๆ สองคนที่ต้องพลัดเปลี่ยนกันไปเป็นเพื่อนย่า หรือไปกันทั้งสองคน ซึ่งจะดีหน่อยได้คุยได้เล่นกันตามประสาเด็ก เพราะที่วัดมีแต่คนสูงอายุทั้งนั้น

       ตอนงานบุญถวายต้นไม้พวกหลานๆ จะมีหน้าที่จับไม้ที่ติดเบอร์ว่าจะถวายของให้พระรูปใด ซึ่งหลานสองคนส่วนมากจับไม่ค่อยได้เบอร์เจ้าอาวาสหรอก ส่วนมากได้เบอร์พระลูกวัดตลอด แต่ย่าก็อยากถวายของกับเจ้าอาวาสตามประสาความคิดของชาวบ้านที่ว่า พระรูปไหนเคร่งมากเวลาถวายของ น่าจะได้บุญมากที่สุด เพราะท่านเจ้าอาวาสจะบวชมานานและเคร่งกว่าพระลูกวัด

       เป็นที่น่าเสียดายที่พอหลานสาวสองคนโต ย่าก็มาด่วนจากเราไปเสียก่อน ที่ผ่านมาย่าพยายามสอนอะไรหลายอย่าง แต่ความเป็นเด็กจะดื้อและไม่สนใจฟัง พอมาตอนนี้แทบจะไปปลุกย่าขึ้นมาสอนใหม่ ส่วนมากเราจะเจอกันในความฝัน ยิ่งเวลาที่หลานสาวไม่สบายใจจะเจอย่าในความฝันตลอด ย่าเคยสอนให้สวดมนต์เป็นบทสวดที่ไม่เคยมีใครสวดมาก่อน ย่าเล่าว่ามีคนพิเศษมาสอนให้สวดมนต์ ไม่แน่ใจว่า ในความฝัน หรือมานั่งสอนตัวเป็นๆ เพราะคิดว่าย่าคิดไปเองหรือเปล่าเลยไม่สนใจฟัง และย่าก็พยายามสอนให้หลานทำยาตามตำราผีบอกเพื่อช่วยรักษาคนถูกไฟไหม้และไฟลวก ซึ่งได้ผลชะงัก ไม่มีแผลเป็นและพอทาจะเย็นสบาย ไม่ปวดแสบปวดร้อน แต่ความเป็นเด็กยังไม่ค่อยโต ก็จำอะไรไม่ค่อยได้ แล้วเนื่องจากเป็นยาผีบอก พอถามย่าว่า นี่อะไร ย่าก็จะพูดไม่ได้ บอกไม่ได้ ให้หลานจำเอาเอง พอยาที่ย่าทำหมดพร้อมกับลมหายใจของย่า วิชานั้นก็ตามตัวของย่าไป เลยไม่มีใครได้สืบทอดวิชาของย่าเลย พอตอนนี้มีคนเดือนร้อนก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะไม่มีใครสามารถปรุงยานั้นขึ้นมาใหม่ได้ ก่อนที่ยาจะหมดจะมีแต่คนมาขอไปใช้ตลอด พอยาหมดแล้วแทบจะปลุกย่าขึ้นมาสอนใหม่จริงๆ หรือจะให้สอนในความฝันก็ได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

       ความที่เข้าวัดทำบุญบ่อยเลยเห็นป้ายที่ทางวัดปากน้ำติดเพื่อรับบริจาคซื้อชีวิตโค-กระบือ มีทั้งแบบเต็มตัว และร่วมบริจาคแบบไม่เต็มตัวตามกำลังศรัทธา การบริจาคแบบเต็มตัวผู้มีจิตศรัทธาสามารถจองเพื่อเลือกทำบุญตามกำหนดการของทางวัดได้ ซึ่งใน 1 ปี ทางวัดปากน้ำจะให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันซื้อชีวิตโค-กระบือ ปีละ 4 ครั้ง คือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวัดเกิดของอดีตเจ้าอาวาสของวัดราชโอรสฯ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปล่อยชีวิตโค-กระบือ ช่วงที่สองคือเดือนเมษายน เป็นวันเกิดของพระเทพฯ สองช่วงนี้ต้องติดต่อทางวัดว่าจะจัดงานวันใดเพราะทางวัดจะพยายามเลือกวันจัดงานให้ตรงกับวันหยุดเพื่อให้เจ้าภาพและประชาชนไปร่วมงานได้ ช่วงที่สามคือวันแม่ ส่วนช่วงที่สี่คือวันพ่อ สองช่วงสุดท้ายไม่ค่อยมีปัญหาเพราะตรงกับวันหยุดราชการทำให้ทางวัดสามารถกำหนดวันที่แน่นอนเพื่อจัดงานได้ สำหรับราคาของโค-กระบือที่ต้องการจะซื้อชีวิต ราคาล่าสุดที่ปล่อยคือหนึ่งหมื่นสี่พันบาท ราคาจะเท่ากันทั้งโคและกระบือ ราคาดังกล่าวจะรวมของที่ถวายพระด้วย โดยจะมีอาหารเลี้ยงเจ้าภาพและประชาชนที่ไปร่วมงาน ส่วนมากก็ชาวบ้านแถวๆ วัด ที่ดูแล้วก็น่าสงสารสมควรให้เขาได้ทานกันฟรีๆ ไหนๆ เจ้าภาพก็ให้ชีวิตสัตว์ใหญ่แล้ว ทำไมสัตว์ประเสริฐเช่นมนุษย์จะให้ไม่ได้ ราคาจึงจะดูสูงสักหน่อย

       ตัวผู้เขียนเองเริ่มแรกก็ร่วมบริจาคแบบไม่เต็มตัว ทำบุญตามกำลังทรัพย์ที่มี แต่พอมีการมีงานทำมีรายได้เป็นของตนเองก็เริ่มทำบุญแบบเต็มตัวเพราะมีความรู้สึกอยากปล่อยทั้งตัวด้วยเงินของเราเอง อย่างน้อยก็ปีละตัว แต่ช่วงหลังแม่ไม่ค่อยสบาย เลยปีละสองตัวคือ วันแม่กับวันพ่อโดยจะจองข้ามปีเลย ทำมาก็เป็นเวลาสิบกว่าปีมาแล้ว ประมาณสิบกว่าตัวแล้วเช่นกัน

       การจองสามารถโทร.จองได้ที่วัดปากน้ำ ส่วนมากวันพ่อจะเต็มเร็วมาก ยิ่งใกล้วันยิ่งไม่มีต้องสำรองชื่อเพื่อรอคนที่จองเอาไว้สละสิทธิ์แต่ส่วนมากน้อยรายที่จะสละสิทธิ์เพราะเขาทำกันด้วยใจ เวลาที่ไปร่วมงานจะสังเกตได้ว่าหน้าเดิมๆ ทั้งนั้น ที่เจอกันครั้งก่อน ครั้งนี้ก็ยังเจอกันเหมือนเดิม จนแทบจะรู้จักกันไปโดยปริยาย นี่ล่ะ คือผลของการที่หลานตามย่าเข้าวัดทำบุญ ทำให้ซึมซับแต่สิ่งดีๆ เข้าสู่จิตใจโดยไม่รู้ตัว พอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็กำลังจะเจริญรอยตามย่าคือเข้าวัดฟังธรรมตามแต่โอกาสจะอำนวย เนื่องจากขณะนี้หลานยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องเดินต่อไปข้างหน้า ทำให้ยังไม่สามารถเข้าวัดฟังธรรมได้เหมือนย่า แต่คิดว่าอีกไม่นานหลานคงได้เดินตามรอยเท้าย่าแน่นอน

       แต่หลานก็ภูมิใจที่ครั้งหนึ่งหลานเคยสมัครเข้ารับการอบรมกับวัดโสมฯ ตามโครงการของทางราชการที่ต้องการอบรมจริยธรรมให้กับข้าราชการโดยให้ไปปฏิบัติธรรมเป็นระยะเวลานานพอสมควร ที่ให้ไปนุ่งขาวห่มขาว นั่งสมาธิ และสอนธรรมะขัดเกลาจิตใจ ก็ลำบากเหมือนกันในช่วงแรกที่ชอบเป็นเหน็บชา แต่ตอนหลังก็ดีขึ้น นิ่งขึ้น และดูเรียบร้อยขึ้นมาก แต่ตอนนี้ต้องมาเจอกับความสับสนวุ่นวายของชีวิต ก็เหมือนเป็นบททดสอบจิตใจว่า ตลอดเวลาที่หลานตามย่าเข้าวัดหลานจะสามารถผ่านด่านชีวิตที่เหมือนเป็นกับดักชีวิตให้สามารถรอดพ้นไปได้ด้วยดีหรือไม่ หรืออาจจะต้องเจ็บตัว เจ็บใจบ้าง แต่นี้ก็คือชีวิตของมนุษย์ที่อาจจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราก็สามารถเลือกที่จะทุกข์ หรือจะมีความสุขได้ เพราะทุกอย่างอยู่ที่ใจเป็นผู้กำหนดว่า เราจะเลือกทำร้ายจิตใจของตัวเอง หรือเราควรจะรักษาจิตใจของเราให้ดีและมีคุณค่าเพื่อทำสิ่งดีๆ ที่ย่าเคยสอน และเดินตามรอยเท้าของย่าเพื่อเป็นคนดีของย่า และเป็นคนดีของสังคม

http://gotoknow.org/file/saisaard/DSC01543.JPG

http://gotoknow.org/file/saisaard/DSC00680.JPG

 

หมายเลขบันทึก: 84689เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2007 17:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท