บันทึกนี้ขอเอาเพลงพื้นบ้านประกอบการละเล่นบทเดิมมาถอดความหาสิ่งแฝงเร้นในบทกวีเหล่านั้น นั้นคือบทที่ว่า
“ซ้ายโล่งโค้ง ผีโพงเข้าวัดทัดดอกไม้ใส่ดอกสะเลเตย่างเซเซ เขาว่าแมนบ้าย่างซ้า ซ้า เขาว่าแมนคน”
หากจะถอดความแต่ละบรรทัดเราก็จะพอเห็นสัญญะที่ซ่อนอยู่นะครับ
ซ้ายโล่งโค้ง ผีโพงเข้าวัด บทนี้ตรงตัวตามวัฒนธรรมของคนอีสานนะครับ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติที่ยังทำอยู่ในปัจจุบันคือเมื่อมีการแห่ผีหรือคนตายไปเผา คนอีสานจะต้องหามศพเหล่านั้นรอบกองฟอน(กองฟืนที่สร้างเป็นแท่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว่าโลงศพ)จำนวนสามรอบ การแห่รอบจะต้องแห่ไปทางซ้ายเท่านั้น การเวียนซ้ายเป็นการเวียนเพื่อความเคารพศพและบ่งบอกความแตกต่างกับคนเป็นเพราะโดยปกติงานมงคลจะนิยมเวียนขวา
ทัดดอกไม้ใส่ดอกสะเลเต บทนี้เด็กยุคใหม่อาจจะมองเห็นภาพยากหน่อยเพราะปัจจุบันคนแก่นิยมทัดดอกไม้ที่หูด้วยดอก สะเลเต ความจริงนิยมเสียบติ่งหูแทนต่างหูมากกว่า แต่เข้าใจว่าต้องการแต่งคำให้สัมผัสกับวรรคแรกมากกว่า ดอกสะเลเตเป็นดอกไม้โบราณสำหรับเด็กมากเพราะปัจจุบันมีให้เห็นน้อย ดอกสะเลเตมีสีขาวและกลิ่นหอมละมุลมาก
ย่างเซเซ เขาว่าแมนบ้า ย่างซ้า ซ้า เขาว่าแมนคน สองวรรคสุดท้ายเป็นการสอนเรื่องการวางบุคลิกภาพให้เด็ก ๆ ที่เดินเหินก็ต้องระมัดระวังไม่ต้องรีบร้อนแต่เดินด้วยความระมัดระวัง อีสานมีข้อควรระวังในการเดินหลายอย่างเช่น ผู้น้อยย่างใกล้ผู้ใหญ่ ใภ้เขยย่างใกล้เจ้าโคตรป้าลุงคะลำ,ย่างใกล้เจ้าหัวเหยียบเงาเจ้าหัวคะลำ,ไปบ่ซางย่างบ่งามคะลำ
เพลงพื้นบ้านเหล่านี้นอกจากเอาไว้ประกอบการละล่นของเด็กแล้ว ยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของพื้นถิ่นเหล่านั้นที่แฝงเร้นในเพลงเหล่านี้ได้ เสียดายก็แต่เพลงพื้นบ้านเหล่านี้จะเลือนหายไปจากแผ่นดินอีสานพร้อม ๆ กับคนอีสาน การสืบทอดเพลงพื้นบ้านก็ขาดช่วงลงเพราะการละเล่นแบบนี้ขาดหายไป ความบันเทิงจากการเล่นอย่างอื่นเข้ามาแทนที่
อิ่มอุ่นกับคติชนคำสอนที่แนบเนียนผ่านวาทกรรมเหล่านั้น
พรุ่งนี้ ชมรมรักษ์ทางไทยก็จะไปจัดกิจกรรมร่วมเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมและศิลปะพื้นบ้านแขนงต่าง ๆ กับนักเรียนที่ อ.ยางตลาด
ผมจะไปนิเทศวันเสาร์ แล้วจะเก็บเรื่องราวมาฝากนะครับ
ใช่ ...ดอกสะเลเต หอมมาก พี่เห็นร่วงขาวกับพื้นเวลานั่งรถผ่าน
อยากลงไปเก็บ....
ออตแปล ความหมายดีนะ...เห็นวิธีการสอนของคนสมัยก่อนนะ
ภาษานี่ มีเสน่ห์มากนะ