Mind & Spiritual (41) : เราโง่...เราจึงหลง


เราโง่...เราจึงหลง หลงไปในทุกสิ่งที่เกิดและเข้ามาใน "ชีวิต"

Text : Ka-Poom

..........................................................

เรา...หลง
คิด...ว่านี่คือของเรา
นั่น คือ ของเรา และนั่นเป็นของเรา
 หลง...คิด...ผิดไป
เรา...จึงเดือดร้อน...ที่ใจ
จิต...รับรู้ได้ว่า "ใจ" นั้นเดือนร้อน
เมื่อเดือดร้อนมาก...
จิต...จะคอยกำกับ "ใจ"
แต่...บางครั้ง "จิต" ก็อาจเพลี้ยงพล้ำไป
และ "จิต"...นั้นที่ห่ออุ้มด้วย...เปลือก"เน่า"
ความสะสมที่แสนสกปรก...นำไปสู่ความเน่านั้น
จิตจึงขาดการทำงาน...และการพิจารณา
เราจึง "โง่"...และหลงไปว่า "นี่คือ ของเรา"

 

9.45 น.  ขณะรอแพทย์ 

 

หมายเลขบันทึก: 78142เขียนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2007 11:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 12:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

...จิต...ใช้คำใดบรรยาย...

ในอดีตนับว่าอยู่กับความหลง... อย่างสุดโต่ง

หลงรัก...หลงชัง...หลงพยาบาท...หลงเศร้า...

เพราะหลงว่าตัวเรา...ของเรา

ต่อไปนี้ไม่มีเราไม่มีเขา... อยู่ที่ตามทันหรือไม่

ฝึกต่อไป... เพื่อวันที่เป็นอิสระจากความหลง

แปลกแต่จริง

ความหลงเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ที่คนหลงกับไม่กลัวหลง

มีทางออกไม่ครับกับเรื่องนี้ จะฝึกอย่างไรเมื่อคนหลงไม่กลัวความหลง เหมือนกับคอมฯติดไวรัสย่อมไม่รู้จักไวรัส แต่คนไม่ใช่คอมฯ ต้องแก้ด้วยตัวเอง ยากจริงๆครับท่าน ดร.s

เมื่อสายลมพัดผ่านมา จิดจะติดตามสายลมนั้นไป

จนกว่าจะรู้ว่านั้นคือ ลม

...................

เมื่อสายลมพัดผ่านอีกครั้ง แม้จิตไม่ไปใหนก็รู้ว่า

นั่นคือ ลม

.........................

...............ฝากไว้คิดเองดีกว่าครับ

พี่หนูคะ

พระพุทธเจ้าท่านรู้ความจริง...และท่านก็ได้สอนและบอกไว้หลายอย่าง...และที่สำคัญท่านไม่ได้บอกให้เชื่อ...เชื่ออย่างงมงาย แต่ท่านบอกให้เราพิจารณาดูให้รู้เห็นตามจริง...

และที่สำคัญทุกอย่างรู้ได้ด้วย "ปัญญา"...ปัญญานั้นยิ่งใช้ยิ่งแหลมคม ... ลับคมแห่งปัญญานั้นแล้วเราจะได้เรียนรู้...บทเรียนต่างๆ ในชีวิตได้เข้าใจยิ่งขึ้น ว่ามีเหตุที่มาและที่ไปแห่งชีวิตนั้นอย่างไรบ้าง

(^______^)

 

ท่าน ดร.แสวงคะ

คนหลงกลับไม่กลัวหลง...

  • ไม่กลัวหลงเพราะรู้ แต่แก้ไข
  • ไม่กลัวหลงเพราะรู้ แต่ไม่แก้ไข
  • ไม่กลัวหลงเพราะไม่รู้ แต่พยายามแก้ไข
  • ไม่กลัวหลงเพราะไม่รู้ แต่ไม่พยายามแก้ไขใดใดเลย

และคนหลงนั้น...ต้องแก้ความหลงด้วยตนเอง...เท่านั้น แต่คนหลงที่ว่านั้นจัดว่าเป็นคนหลงอยู่ในกลุ่มไหนคะ คงไม่สามารถที่จะแก้ได้ทุกคนหรอกนะคะ ไม่งั้นท่านพระพุทธเจ้าก็คงไม่แบ่งคนเปรียบเสมือนดอกบัวสี่เหล่า....

(^______^)

คุณอุทัยคะ

ขอบคุณนะคะ...ที่นำมาแลกเปลี่ยนต่อยอด

จิตที่ตามติดสายลม...ปัญญาที่เกิดจะทำให้ "จิต" ติดตามลมนั้นด้วยวิธีที่แตกต่างกัน...

(^____^)

  • แวะมาเยี่ยมครับ
  • แต่ขออนุญาตตีความถ้อยบันทึกนี้เสียก่อน...
  • เลยขออนุญาตงดออกเสียง

เบื่อ...ที่จะหลงว่าตัวเรา

ใคร...ทำอย่างนี้กับเราไม่ได้

ใคร...ปฏิเสธเราไม่ได้

หลวงพ่อสำรวม วัดเขาสารพัดดี จ.ชัยนาท ท่านว่า "อย่าเชื่อใจ อย่าตามใจ อย่าปล่อยใจ..."

คงต้องฝึกอีกมาก... ถ้าสติตามทัน...ปัญญาได้มาซึ่งคำตอบ...ความสงสัยคลี่คลายไป ... ตามทันกิเลส...จะมีส่วนให้ตอบสนองออกไปภายนอกได้ถูกต้องเหมาะสมมากขึ้น

ดร. กะปุ๋มครับ

คนหลงส่วนใหญ่จะคิดว่าตัวไม่หลงครับ

ประเด็นสถานการณ์ที่: ๑

  • คนหลง แต่มีคนที่ไม่หลงพยายามมาช่วย
  • แต่คนที่หลงกลับคิดเอาเองไปว่า คนที่มาชี้บอกทาง (ที่ไม่หลง) นั่นแหละกำลังหลง และพยายามจะให้ตัวเองหลงตาม
  • และพยายามอธิบายว่าตัวเองไม่หลง
  • และพยายามจูงคนที่ไม่หลงมาเข้าทางตัวเอง
  • ที่ไม่สำเร็จทั้งคู่
  • ข้อนี้เจอบ่อยมากในสังคมไทย ทั้งในระดับบุคคลและระดับองค์กร

ประเด็นสถานการณ์ที่: ๒

  • ยิ่งแย่ไปกว่านั้น ต่างคนต่างหลง ไปคนละทาง
  • แต่ต่างไม่รู้ตัวเองว่าหลงทั้งคู่
  • คิดว่าตัวเองไม่หลง และคิดว่าอีกฝ่ายกำลังหลง
  • ต่างฝ่ายต่างหวังดีต่อกัน ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ และพยายามดึงอีกคนหนึ่งไปเข้าทางตัวเอง
  • อันนี้ก็แพ้ทั้งคู่เหมือนกัน
  • ข้อนี้เจอบ้าง ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ระดับองค์กร

ทั้งสองประเด็น ถ้าปล่อยไว้ก็จะเป็นปัญหาระดับประเทศหรือโลก ก็มี ระดับนโยบายก็มี จะรอให้เขาตาย หรือหมดวาสนาไปก็อาจเสียหายได้มากพอสมควร

ขอหารือในระดับนักจิตวิญญาณ ครับ

(สงสัยว่าโจทย์แรกข้างบนไม่ชัดเจน เลยตอบไม่ค่อยชัดเท่าไหร่)

 

 ขออีกครั้งครับ ผมไม่รู้จะถามใครจริงๆ

มีปัญหาแบบนี้ คิดถึงแต่ ดร. กะปุ๋มทุกที ครับ

  • คนส่วนใหญ่  เมื่อหลงแล้ว...มักจะบอกว่าตัวเองไม่หลง...ขอย้อนคำพูดของ ท่าน ดร.แสวงค่ะ
  • ครูอ้อยหลงค่ะ  หลงตัวเองมากเลยค่ะ
  • หลงคนรอบข้างด้วยค่ะ
  • หลงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของครูอ้อย
  • ว้าว.ไปดีกว่า..มาทำให้บันทึกของลูกรัก  รกรุงรังรึเปล่าคะ

คิดถึงมากค่ะ

ท่าน ดร.แสวงคะ...

กะปุ๋มเข้าใจในประเด็นที่อาจารย์เป็นกังวล...เมื่อก่อนกะปุ๋มก็เป็นค่ะ เอ๊ะ...เราจะทำอย่างไรนะในบางคนบางกลุ่ม...ที่ทำไมบางสิ่งบางอย่างถึงไม่ทำอย่างนั้น ทำไมถึงเป็นอย่างนี้...เอ๊ะ..ถ้าเขายังทำ..เขาก็จะเดือดร้อน...พยายาม....อยางมากที่อยากจะให้เขาหลุดพ้น...จากบางสิ่งบางอย่าง เช่น...บางคนหลงว่าตนเองนั้นวิเศษ...อยู่เหนือสิ่งอื่นใด..มีเงิน มีการงาน มีความเก่ง จบการศึกษาสูง แต่เขาหลงและลืมไปว่า "ชีวิต" ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ แต่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่าง...ที่เราต้องทำต่อหน้าที่ชีวิตเรา...พยายามที่อยากจะบอก...หรือแบ่งปันแนวคิด บอกอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจ...จนสุดท้ายจึงมาได้เข้าใจว่า...

คนกลุ่มแรก เรา...แบ่งปันความรู้แลกเปลี่ยนกันได้..เพราะคนกลุ่มนี้เราฟังกัน

คนกลุ่มที่สอง...ได้เหมือนกัน...แต่จะยากกว่ากลุ่มแรก

คนกลุ่มที่สาม...ยากยิ่งขึ้น...กว่ากลุ่มที่สอง

คนกลุ่มที่สี่...นี้ไม่ได้เลย..บอกก็แล้ว พูดคุยด้วยก็แล้ว...หรืออะไรก็แล้ว...ไม่สำเร็จ...

พระพุทธเจ้าท่านจึงได้เปรียบคนเท่ากับ..."บัวสี่เหล่า"...ดังนั้น...คนในสองสถานการณ์ที่อาจารย์ว่าเราจำจึงต้องปล่อยและวางเฉย ทั้งๆที่เรารู้ว่าจะมีเรื่องเดือดร้อนเกิดขึ้น..แต่นี่แหละคือ ความจริง...ของชีวิต...ที่ทำให้เรามีหน้าที่ต่อชีวิต เพื่อเรียนรู้เรื่อง "ชีวิต"...ดังนั้น...สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเป็นคน...จึงไม่มีความเท่าเทียมกันใดใดทั้งสิ้น จึงมีความแตกต่างกัน...สิ่งหนึ่งที่เราทำได้สำหรับคนในกลุ่มดังกล่าวที่อาจารย์ว่า ก็คือ ทำความเข้าใจ"เขา"ซะ..ว่า อ๋อ...เขาเป็นอย่างนี้นี่เอง...และเราคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้...เพราะมันมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา...ที่เราอยากจะให้ "ดี"...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท