ที่ว่าของขวัญไม่ได่หมายถึงของครับ แต่เป็นแนวคิดครับ
วันนี้ได้อ่านเรื่องของพี่หมอท่านหนึ่งครับ "นพ.ธวัติ บุญไทย" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งได้รับการคัดเลือกเป็นแพทย์ชนบทดีเด่นประจำปี 2549 จากมูลนิธิแพทย์ชนบท กองทุนนายแพทย์กนกศักดิ์ พูลเกษร ( ท่านสามารถอ่านประวัติของคุณหมอกนกศักดิ์ และที่มาของกองทุน ได้ที่นี่ครับ http://www.moph.go.th/ngo/rdf/kanoksak.htm )
หลายข้อคิดที่ได้ เช่นในแง่การดูแลผู้ป่วย เรื่อง "เก้าอี้วิเศษต้องแก้ด้วยประตูวิเศษ" "สมัยที่อยู่โรงพยาบาลเพียงคนเดียว ผู้ป่วย OPD วันละ 150 -200 คน ทำให้ผมรู้สึกว่า เก้าอี้รอตรวจหน้าห้องตรวจ เป็นเก้าอี้วิเศษ มีแค่ 4 ที่นั่ง แต่ผลิตคนไข้เดินเข้าห้องตรวจได้เป็นร้อยๆ ก็ยังไม่หมดซักที ที่สุดได้คิดว่า ถ้าเขาไม่มีความทุกข์ เขาก็ไม่เสียเวลามานั่งรอเพื่อพบเราหรอก เราเป็นคนที่จะช่วยเขาได้ ดังนั้นจึงได้ปรับความคิดว่า ผู้ที่เดินผ่านประตูห้องตรวจเข้ามา ขากลับออกไปแม้ยังไม่สุข ก็จะต้องมีทุกข์น้อยลงให้ได้ทุกคน จากนั้น แม้ผู้ป่วยและ/หรือญาติ จะจู้จี้ หรือเรื่องมากอย่างไร ผมก็จะพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้เขาเสมอ"
ข้างต้นเป็นคำพูดของคุณหมอที่ผมลอกมาให้อ่านครับ
เหลียวกลับมาดูเราครับ 555 ทำไม่ได้เป็นบางครั้งครับ ซึ่งต้องฝึกจิตต่อไปครับ
อ่านปาฐกถา ของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่ให้ไว้แก่แพทย์และ นิสิตแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง เป็นแพทย์อาชีพ(หมออาชีพ/หมอมืออาชีพ) กับอาชีพแพทย์(อาชีพหมอ)
ซึ่งแพทย์อาชีพ หมายความว่า "เป็นผู้พร้อมด้วยความรู้ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นผู้มีจิตวิญญาณแห่งการเป็นแพทย์ มีคุณธรม มีจริยธรรม เปี่ยมด้วยความกรุณาปราณี มีความเสียสละ ห่วงใย ดูแลรักและเอาใจใส่ผู้ป่วย อดทน อดกลั้น มีความมุ่งมั่นให้ผู้ป่วยพ้นทุกข์อย่างรวดเร็ว ปลอดภัยและดีที่สุด แม้นอกเวลาก็ยังเต็มใจดูแลอย่างไม่บกพร่อง ยึดมั่นในจรรยาบรรณ และดำรงอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต"
ส่วนอาชีพแพทย์ หมายความว่า หมอที่เป็นหมอเพราะต้องการเงินเดือนเลี้ยงชีพ ไม่ต้องการจะช่วยอย่างแท้จริง ( รักษาคนไข้เพื่อจะได้เงินมาเลี้ยงชีพเท่านั้น)
555 เหลียวกับมามองเราซิครับ ตอนนี้ผมน่าจะเป็นพวกกระเทยครับ คือ บางช่วงเป็น หมออาชีพ แต่บางทีบางช่วง เป็น อาชีพหมอไป แต่ก็จะเป็นหมออาชีพให้ได้ตลอดเวลาครับ
ไม่มีความเห็น