วันนี้...มี case ปรึกษาเปลี่ยนงาน เปลี่ยนวิถีชีวิตดีไหม
Text : Ka-Poom
..................................................................................................................
----------->ดิฉันก็เลยถามไปว่า...เปลี่ยนไปไหน
เขาบอกว่า..เปลี่ยนไปเพื่อให้ได้โอกาสที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้...
โอกาสที่ว่านั้น คือ อะไร...???
case ตอบว่า...คือ ได้งานที่ดีกว่า ได้ความก้าวหน้า
แล้วอะไรที่ดีกว่า...และอะไร คือ ความก้าวหน้า...???
case ตอบว่า...ได้อยู่ในสถานที่ที่...ดีกว่าเดิม ได้ทำหน้าที่ที่ดีกว่า
ดิฉันก็เลยถามไปว่า...แล้วงานที่ทำอยู่ล่ะไม่ดีไม่ก้าวหน้าอย่างไร
case ตอบว่า...เราก็ทำงานไปเรื่อยๆ...หมดไปวันๆ
ดิฉันก็เลยถามไปว่า..แล้วคุณไม่ได้คิดสร้างหรือสรรค์งาน...อะไรขึ้นมาเลยเหรอ
case ก็บอกว่า..ไม่..เพราะหัวหน้าไม่เรียกใช้...
ดิฉันก็เลยพูดไปว่า...แล้วตัวเราเองล่ะ..เราทำเองไม่ได้เหรอ ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาบอก มาสั่ง มากำหนดให้ทำ แต่เราคิด สร้าง พัฒนาเอง... ได้นี่..-------------->เพราะเราเองก็มีความสามารถ มีความรู้ และมีความคิด แต่ทำไมเราไม่ทำ
แม้เราจะเปลี่ยนงานไปอีกกี่สิบร้อยงาน...หากเรายังเป็นอยู่อย่างที่เป็น ณ ตอนนี้ที่ทำงานปัจจุบันนี้ ที่ไหนๆ เราก็ไม่ได้รับโอกาสแห่งความก้าวหน้านั้นหรอก...เพราะเราไม่เข้าใจคำว่า..."โอกาสที่ก้าวหน้าในการทำงาน"...แต่ case ก็แย้งดิฉันไปว่า...เราไปอยู่ที่อื่นเรามีโอกาสได้ซีแปด ซีเก้านะ...ดิฉันก็เลยบอกไปว่า..พอหรือเปล่าล่ะสำหรับชีวิตเรา...เราต้องทิ้งบางสิ่งบางอย่างไป เช่น ทิ้งให้พ่ออยู่บ้านคนเดียว โดดเดี่ยว เพื่อที่เราจะไปหายใจรอ...เอาซีแปดซีเก้า...และสิ่งที่เราคิดว่า คือ ความก้าวหน้าในการทำงานของเรา ซึ่งจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้...ซึ่งจริงๆ แล้วเดือนหน้าเราอาจจะตายก่อนก็ได้...
แต่ความจริง...สิ่งจริง..อยู่ตรงหน้าเราอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ทำ
งานปัจจุบันที่เป็นอยู่เราทำหรือยัง...เราให้โอกาสตนเองได้ทำอย่างเต็มความสามารถหรือยัง
พ่อ..ที่อยู่..และยังอยู่ให้เราได้มีโอกาสดูแล
เรามักมองไปแต่วันข้างหน้า... เรื่องข้างหน้า...และสิ่งที่ยังมาไม่ถึงอยู่เสมอ
คิดไป..สร้างภาพในความคิดไป...ว่าฉันจะอย่างนั้นฉันจะอย่างนี้
ฉันจะก้าวหน้า...ฉันจะดีกว่า...วันนี้
แต่เรา...ลืมมองวันนี้ ณ เวลานี้...
ว่าวันนี้ ณ เวลานี้ เราทำดีที่สุดหรือยัง...
หัวใจแห่งการพูดคุย...เชิงบำบัดนี้ ดิฉัน...มักเน้นการดึง case ให้มาพิจารณาและเป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน
หรือที่เรียกว่า Here and Now...ที่นี่และขณะนี้
สวัสดีค่ะกะปุ๋ม
เห็นภาพแห่งการแลกเปลี่ยนทางความคิดที่เกิดขึ้น...บางทีเราติดกับภาพในฝันมากกว่าภาพจริงที่เป็นอยู่..ความสุขและสิ่งที่ประเมินว่าเป็นความสำเร็จในชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน...ในกรณีเคสนี้มีสิ่งที่ไม่แน่ใจว่าเป็นประเด็นที่เคสลืมมอง/นึกถึงหรือเป็นความคิดเห็นของตัวกะปุ๋มเอง...เช่น"
ดิฉันก็เลยบอกไปว่า..พอหรือเปล่าล่ะสำหรับชีวิตเรา...เราต้องทิ้งบางสิ่งบางอย่างไป เช่น ทิ้งให้พ่ออยู่บ้านคนเดียว โดดเดี่ยว เพื่อที่เราจะไปหายใจรอ...เอาซีแปดซีเก้า...และสิ่งที่เราคิดว่า คือ ความก้าวหน้าในการทำงานของเรา ซึ่งจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้...ซึ่งจริงๆ แล้วเดือนหน้าเราอาจจะตายก่อนก็ได้.."
สวัสดีค่ะพี่ขวัญ...
พอดี...เรื่องราว...ตัดมาเป็นเพียงบางส่วน...ไม่ใช่ทั้งหมด....
ประเด็นที่เราพูดคุยกันในครั้งนี้ คือ "เรื่อง ความจริง"....ความจริงของชีวิต....กับเรื่องที่คนเรามักมอง...และนึกคิดฟุ้งกระจายไป...หรือที่เราเรียกว่าความฟุ้งซ่าน....ซึ่งในรายละเอียดมีมากมาย....แต่ตัดมาเพียงบางประเด็น...ที่อยากบอกเล่าและเน้นในเรื่อง "การอยู่กับปัจจุบัน"....ซึ่งการพูดคุยนี้กึ่งการสนทนาธรรมไปด้วย....
ไม่ได้ใช้หลัก counseling ตามที่เราเรียนมามากมายนัก ตอนนี้กะปุ๋มมักจะเน้น...ในเรื่อง "ธรรมชาติ"...ของชีวิตในสิ่งที่ควรเป็นไปและเป็นอยู่....
........
ตัวอย่างที่พี่ขวัญถามปุ๋ม คือ คำบอกที่กะปุ๋มพูดกับ case เป็นการให้เขาพิจารณา...แต่ไม่ได้เน้นให้เขาเชื่อ....แต่สะกิดให้ร่วมพิจารณา..พอดี case นี้คุยได้ในธรรมนองนี้ เพราะกำลังเรียนโลกธัมวิทยาเช่นกันค่ะ....
คือ...สุดท้ายแล้ว case นี้จะตัดสินใจอย่างไร...แล้ว...ได้ทั้งนั้น...สุดท้ายต้องไม่เหลือสิ่งที่เป็น unfinish คือ หากว่าตัดสินใจไปแล้วเมื่อกาลเวลาผ่านไป..ต้องไม่มานั่งนึกเสียว่า..."น่าจะอย่างนั้น...น่าจะอย่างนี้"....และที่สำคัญ...ดิฉันสะกิดไปอีกอย่างว่า...การตัดสินใจอย่างไรก็ตาม...ต้องไม่ใช่มาจากการโหวตเสียงใดใด...จากคนหลายๆ คน..นั่นก็คือ ถามความคิดเห็นของคนนั้นคนนี้...แต่ให้เขาคิดพิจารณา...จากจิตที่แท้ของตนเอง...เพราะนี่เป็นจุดหักเหของชีวิต....ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร..ต้องไม่มีคำว่าเสียดาย หรือเสียใจ และอะไรที่เกิดขึ้นภายหลังจากการตัดสินใจนั้น....เราต้องยอมรับได้อย่างแท้จริงด้วยความเข้าใจจริงๆ....อาจเป็นเรื่องที่ยากแต่หากเรากระทุ้งให้จิตเจ็บ ณ ตอนนี้...เราก็จะสามารถลดสิ่งที่เป็น unfinish ในจิตใจในอนาคตได้ค่ะ...
...สำหรับ case นี้ เกิด"ห่วง"...คือ หากเปลี่ยนงาน ต้องทิ้งพ่ออยู่บ้านคนเดียวที่ต่างจังหวัด.... และขณะเดียวกัน case ก็อยากดูแลพ่อ...แต่พ่อก็ไม่สามารถย้ายตามตนเองได้...และก็ไม่มีใครที่จะมาดูแลพ่อ...หาก case สามารถจัดการภายในจิตใจตนเองในเรืองนี้...ได้เขาก็จะรู้สึกโอเคกับตนเอง..และจะไม่รู้สึกผิดในภายหลัง....
เลือกที่จะเน้นให้ case จัดการภายใน ...มากกว่าเรื่องการจัดการภายนอกค่ะ...
บางคนกลัวการเปลี่ยนแปลง ชีวิตในที่ทำงาน "...ก็ทำงานไปเรื่อยๆ...หมดไปวันๆ" อย่างที่ Case ตอบ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะไปทำอะไร หรือหางานใหม่ได้ บ่น...กับงานที่ทำ แต่ไม่คิดจะสร้างสรรค์ ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานเมื่อคิดว่าทนไม่ไหว สุดท้ายไม่เปลี่ยน แต่ก็...บ่น...และบ่น งานที่ทำก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ เพราะว่า "...ก็ทำงานไปเรื่อยๆ...หมดไปวันๆ"
ซึ่งถ้า Case ต้องการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้หมายถึงว่า เค้ากล้าที่จะลอง...ของใหม่หรอคะ??!???
พอดีข้อมูลที่ให้น้อย รู้แค่ว่างานเดิมทำไปงั้นๆ งานใหม่ดีกว่าในความเห็นของ Case แสดงว่าได้งานใหม่แล้ว (รึเปล่า) แต่ต้องทิ้งอะไรบางอย่างไป
เช่น ทิ้งให้พ่ออยู่บ้านคนเดียว โดดเดี่ยว หมายถึง Case ต้องไปพักอาศัยในที่แตกต่างจากที่อยู่ปัจจุบันหรอคะ แฮะๆ พอดีอ่านแล้วงง เพราะถ้าอ่านจากข้อมูลที่ให้ ไม่ได้บ่งชี้ว่าการเปลี่ยนงาน เปลี่ยนวิถีชีวิตที่ว่า คือเปลี่ยนอะไร แค่ไหน คิดว่าคงมี แต่ด้วยเป็นแพทย์ จะเล่ารายละเอียดเกินไปจะเป็นการบ่งบอกถึง Case เกินไป
แค่แสดงความเห็นจากความงงแค่นั้นแหละจ้า
เหมือนกะปุ๋มหงุดหงิดนิดๆ เมื่อพยายามสอน Case
กะปุ๋มสบายดีนะคะ ดูแลสุขภาพใจและกายด้วยนะคะ
^_____^
อ้าว post ปุ๊บ ได้คำตอบพอดีเลย 555
^____^
ขอบคุณที่เล่ารายละเอียดให้เพิ่มเติมค่ะทำให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าจุดที่ฟุ้งไปข้างหน้ากับจุดที่เป็นปัจจุบันคืออะไร...สารภาพว่าบางทีบางเรื่องเราก็ชอบเลี่ยงการสรุปหรือรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเอง..ขอบคุณกะปุ๋มอีกครั้งที่เล่าปสก.ให้รับรู้ค่ะ
สวัสดีค่ะ...คุณ...
ดีใจค่ะที่เข้ามาทักทาย...ทำให้หลากหลายมุมมอง...สำหรับคำถามข้างต้น...เรื่องคุณชายขอบ..กะปุ๋มก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เพราะไม่ได้ contract มาเป็นปีแล้วเหมือนกันค่ะ...ด้วยเหตุผลกลใด ก็ไม่อาจทราบได้... บางคนต่างมีเหตุและผล และความคาดหวังที่แตกต่างกัน ซึ่งสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกันออกมาต่อชีวิตด้วย...เหมือนกัน
.......................
สำหรับการ approach ต่อ case นั้น...กะปุ๋มเน้นเพียงแค่ให้อยู่กับปัจจุบัน และการทำปัจจุบันให้ดียิ่ง... บาง case ก็ใช้ความนุ่มนวล บาง case ก็ตีลงไปที่ระดับลึกแห่งจริงใจ...มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จำเป็นต้องพิจารณาประกอบกันไป ซึ่งไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่แวะมา
(^____^)
กะปุ๋ม
เคยคิดว่างานที่ทำอยู่มันไม่เหมาะกับเรา มันไม่ใช่ ตัวตนของเรา แล้วก็ย้ายงาน ทำงานที่ใหม่ งานดี เพื่อนร่วมงานไม่ดี เริ่มคิดถึงที่ทำงานเก่าแล้วว่าถึงเวลาจะเหนื่อยขนาดไหนเพื่อนร่วมงานก็ยังช่วย และเป็นกำลังใจเสมอ แอบคิดปลอบใจตัวเองว่า ต้องเคารพการตั้งสินใจของตัวเอง ในเมื่อสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกเราต้องผลที่เกิดขึ้น ต้องนี้กำลังพยามสร้างกำลังใจให้ตัวเองอยู่ค่ะ