ประวัติวัดดอยน้อย


ดพระธาตุดอยน้อย เป็นวัดเล็กๆตั้งอยู่ใน ต.ท่าผา อ.เกาะคา จ.ลำปาง เชื่อกันว่าวันแห่งนี้สร้างโดยครูบาศรีวิชัย โดยแต่เดิมบนดอยน้อยแห่งนี้มีป่าไม้หนาทึบอุดมสมบูรณ์ พระภิกษุสงฆ์ที่แสวงหาความวิเวกจึงได้แวะเวียนขึ้นมาปฏิบัติธรรม ชาวบ้านละแวกนั้นได้เห็นก็พากันศรัทธา ช่วยถางบริเวณป่าสร้างกุฏิไม้ไผ่มุงด้วยหญ้าคาถวายพระภิกษุให้ท่านได้อยู่อาศัยเพื่อปฏิบัติธรรม


เวลาผ่านไปพระภิกษุสงฆ์ก็ได้หมุนเวียนกันขึ้นมาปฏิบัติธรรมบ้าง บางช่วงก็รกร้างเพราะขาดพระภิกษุขึ้นมาพำนักพักอาศัย กระทั่งมีพระภิกษุสงฆ์มาพำนักอีกครั้ง ชาวบ้านที่ศรัทธาก็ได้สร้างเสนาสนะขึ้น เป็นต้นว่า กุฏิ เจดีย์ เพื่อให้พุทธบริษัททั้งหลายได้ไหว้บูชา เมื่อเริ่มมีศาสนวัตถุและสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้น คณะศรัทธาประชาชนก็ได้พร้อมใจกันตั้งเป็นวัดขึ้นโดยให้ชื่อว่า"วัดดอยน้อย" หรือบางคนเรียกว่า "ม่อนดอกด้าย" เมื่อประมาณ พ.ศ.2230

การต่อมาวัดดอยน้อยก็รกร้างเพราะขาดภิกษุสงฆ์มาพำนักอาศัย ศาสนวัตถุทั้งหลายเสื่อมโทรมผุพังตามกาลเวลา จนใน พ.ศ.2460 วัดดอยน้อยก็ได้รับการพัฒนาและบูรณะจากหลวงปู่ครูบาญาณรังษี สิงห์แก้ว (ศิษย์ของครูบาศรีวิชัย) ด้วยการสร้างถาวรวัตถุเพิ่มขึ้นและท่านก็อยู่จำพรรษาเรื่อยมา

ในขณะที่หลวงปู่ครูบาญาณรังสีดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็ได้ชักชวนครูบาอภิชัยขาวปี วัดพุทธบาทผาหนาม อ.ลี้ จ.ลำพูน ให้มาช่วยสร้างพระเจดีย์ และได้ทำหนังสือแจ้งทางการไปตามลำดับเพื่อขอให้ตั้งวัดดอยน้อย ขึ้นเป็นวัดโดยสมบูรณ์และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2461 ให้ชื่อว่า"วัดดอยน้อย"มีบริเวณพื้นที่ทั้งหมด 65 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย โดยมีหลวงปู่ครูบา ญาณรังษี สิงห์แก้ว เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก

ในปี พ.ศ.2504 ทางวัดดอยน้อยได้รับเมตตาจาก ครูบาศรีวิชัย นำคณะศรัทธาสาธุชนทั่วทั้งหลายมาก่อสร้างพระวิหารขึ้นทางทิศเหนือของพระเจดีย์พร้อมทั้งสร้างพระพุทธรูปรูปปูนปั้นปางมารวิชัยไว้ในพระวิหารโดยเรียกกันว่า"วิหารหลังเปียง"สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งถือว่าค่อนข้างแปลกแตกต่างจากวัดอื่นๆ แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือวิหารหลังนี้ปรากฏเงาพระธาตุให้เห็นถึง 5 เงาเลยทีเดียว

มหัศจรรย์เงาพระธาตุ 5 เงา

พระอธิการ ชรัด อริโย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยน้อย เล่าถึงความเป็นมาของการพบเงาพระธาตุในวัดพระธาตุดอยน้อยว่า "อาตมาพบเจอเงาพระธาตุโดยบังเอิญในปี พ.ศ.2548 พอดีตอนนั้นอาตมามานั่งสมาธิในวิหาร แล้วเห็นเงานกบินผ่านไปมา เลยเอาผ้าขาวมาขึงตรงที่มีรูหน้าประตูจึงเห็นเป็นเงารูปพระธาตุ จากนั้นจึงได้ไปดูเงาพระธาตุที่วัดพระธาตุจอมปิง ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นเงาพระธาตุในลักษณะเดียวกัน"

สำหรับการเกิดเงาพระธาตุนั้นหลายๆคนบอกว่านี่คือความมหัศจรรย์ขององค์พระธาตุ ในขณะที่นักวิชาการส่วนใหญ่ เชื่อว่าเงาพระธาตุเป็นปรากฏการณ์เดียวกับ"กล้องรูเข็ม"(Pinhole Camera) ที่ถูกค้นพบโดยชาวอาหรับเมื่อกว่า 3,000 ปี ที่ผ่านมา โดยชาวอาหรับผู้นั้นได้สังเกตเห็นภาพอูฐเดินกลับหัวบนผนังกระโจมด้านที่อยู่ตรงข้าม

และในหลักการเดียวกันของกล้องรูเข็ม ทำให้แสงที่ส่องเข้ามาทางรูในห้องมืดทึบ เกิดจากการหักเหของแสงที่รูเล็กๆบนผนัง แล้วไปส่องกระทบกับฉากทำให้เกิดเป็นเงาพระธาตุขึ้นมา

แต่สำหรับเงาพระธาตุที่วัดพระธาตุดอยน้อยในวิหารหลังเปียงดูจะแปลกและแตกต่างจากเงาพระธาตุที่ปรากฏในวัดอื่นๆ เนื่องจากทางผนังฝั่งขวาของวิหาร(มองเข้าไปจากประตู) จะมีเงาพระธาตุ 5 เงา(จากคำยืนยันของเจ้าอาวาส)ปรากฏให้เห็นใน(กรอบ)ภาพเดียวกัน โดยมีลักษณะเป็นเงาของพระธาตุหัวตั้งซ้อนกันเป็นชั้นๆ 4 เงา และเงาที่ด้านข้างเล็กๆ(ส่วนบน)อีก 1 เงา ในขณะที่ฝั่งตรงข้าม(ฝั่งซ้ายของวิหารเมื่อมองจากประตูทางเข้า)ก็จะมีเงาพระธาตุหัวตั้งอีก 1 เงาปรากฏให้ชมกันอย่างชัดเจน

สำหรับ"องค์พระธาตุ"ที่ให้กำเนิดเงานั้นตั้งอยู่ด้านหลังวิหาร เป็นพระธาตุขนาดไม่สูงใหญ่องค์พระธาตุสีดำมีส่วนยอดเป็นสีทองเหลืองอร่าม
เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยน้อย เล่าว่า พระธาตุองค์นี้มีมาตั้งแต่ก่อนสร้างวัด ด้านในบรรจุอัฐิพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เดินตรงเข้าไปจะเจอกันวิหารอีกหลังหนึ่งคือ"วิหารรอยพระพุทธบาท"ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทที่ชาวบ้านพบที่ตรงเนิน ใกล้ทางรถไฟใกล้ๆวัด จึงได้นำขึ้นมาไว้ที่วัดเมื่อปี พ.ศ.2530
ใกล้ๆกับวิหารพระพุทธบาท มี"ซุ้มเจ้าอาวาส"ที่มีรูปปั้นเจ้าอาวาส 3 ท่าน ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้และมีชื่อในหนังสืออย่างถูกต้อง ได้แก่ ครูบาญาณรังษี สิงห์แก้ว, ครูบาอินปั๋น อินทวังโส และครูบาอภิชัยขาวปี และยังมี "วิหารพระพุทธเจ้า" สร้างในปี พ.ศ.2548 ภายในมีพระพุทธรูปปางโปรดพุทธมารดา ลักษณะพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา(ตัก) บางแบบวางบนพระชานุ (เข่า) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ(อก) จีบนิ้วพระหัตถ์ บางแบบงอนิ้วพระหัตถ์
นอกจากนี้ ภายในวัดยังมี"อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย"ที่ท่านเจ้าอาวาสได้เล่าว่า สร้างมาใน พ.ศ.2510 เพื่อระลึกถึงคุณของครูบาศรีวิชัยที่สร้างวัดและช่วยเหลือมาโดยตลอด ใกล้ๆกับอนุสาวรีย์มี "อุโบสถ" เล็กๆหลังหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2460 ภายในมีพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย พระพุทธรูปบางองค์ต้องสร้างกรงครอบไว้เพื่อกันขโมย เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปทองสำริดด้านในเป็นทองคำ และถูกขโมยไปบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งผู้ที่ขโมยไปก็ต้องมีประสบเหตุเภทภัย อยู่ไม่เป็นสุขทุกข์ร้อนจนต้องนำพระพุทธรูปกลับมาคืนวัดทุกครั้งไป
และนี่ก็คือเรื่องราวและสิ่งที่น่าสนใจของวัดพระธาตุดอยน้อยที่หากใครมีโอกาสได้เดินทางไปเยือนเมืองรถม้า ก็สามารถแวะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเงาพระธาตุ 5 เงาในวิหารหลังเปียงได้ แล้วจะพบว่าภาพเงาพระธาตุที่พบเห็นนั้นแตกต่างจากที่อื่นซึ่งดูแล้วน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

เมื่อท่านอ่านจบแล้ว โปรดประเมินความพึงพอใจ

https://forms.gle/Jw5Q8HqWmn9MquiD8

 

คำสำคัญ (Tags): #ศาสนา
หมายเลขบันทึก: 711186เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2023 14:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2023 13:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท