ความทุกข์


              

 

มองความทุกข์ให้เป็น แล้วขจัดได้ด้วยตัวเอง

             ความทุกข์ คือ ความไม่สบายใจ คนเป็นทุกข์มักมีความรู้สึกทางลบ รู้สึกว่าหม่นหมอง ไม่มีความสุข ถ้าเป็นมากๆถึงขั้น กินไม่หลับนอนไม่ได้ แต่บางคนกลับนอนมากขึ้น กินมากขึ้น ไม่อยากพูดคุยกับใคร จิตใจหว้าเหว่ วุ่นวาย ไม่มีจิตใจทำงาน กระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ควรขจัดความทุกข์ออกจากใจให้เร็วที่สุด ความทุกข์ของเราเกิดจากอะไร แล้วแก้ไขที่ตรงนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุ แล้วทุกข์ของเรามาจากสาเหตุใด? อะไรทำให้ทุกข์? หรือใครทำให้ทุกข์? เราอยู่ไหนทำไมจึงทุกข์? หรือเราเองมีส่วนทำให้เกิดทุกข์ ? หรือว่าเราใส่ใจมากเกินไปจึงทำให้เราหนักใจ? ถ้าทุกข์เกิดจากที่ทำงาน เพราะไม่มีคนเห็นคุณค่าผลงานของเรา นั้นอาจเป็นเพราะทำงานไม่ตรงเป้าหมาย ทำงานไม่ละเอียดรอบคอบหรือไม่ หรือเราทำงานผิดไป ถ้าเป็นเช่นนี้มาจากตัวเราเองที่ผิด แต่เรากลับคิดมากจนเป็นทุกข์ แต่ถ้าหากเราทำดีที่สุด แต่ไม่มีใครเห็นคุณค่าฝีมือ ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ให้คิดว่าเราอาจไม่คู่ควรกับสถานที่แห่งนี้ เพราะความสามารถเราไม่ชำนาญด้านนี้โดยตรง ก็แค่ย้ายที่ทำงานใหม่ เริ่มต้นใหม่ที่เหมาะสมกับเรา เห็นไหม เรานั้นแหละที่คิดมาก แล้วขจัดความทุกข์ไม่ถูกต้อง องอีกมุม การไม่ปล่อยวางความทุกข์ เราก็หนักใจไปเปล่า ๆ ให้เสียเวลา แค่วาง แล้วเริ่มต้นใหม่ ที่เรายังไม่เคยทำ ที่เรายังไม่เคยลอง เราอาจพบกับความสำเร็จที่อยู่ข้างหน้าก็ได้ ขจัดความทุกข์ได้หลายวิธี แต่ต้องละเว้นการแก้ไขด้วยวิธีเหล่านี้ เมื่อเราเป็นทุกข์ การได้ระบายให้ใครสักคนฟัง เป็นวิธีบรรเทาที่ดีวิธีหนึ่ง แต่หากทุกข์มากจนกระทบต่อสุขภาพกาย เราคงต้องเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์โดยตรง เพื่อแก้ไขตามวิถีของแพทย์ โดยการรับประทานยาปรับสารเคมีในสมอง เพื่อปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น แต่หลายคนหลงผิดโดยการแก้ไขผิดวิธี เช่น ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา เมื่อเจอปัญหาเข้ามากระทบกระทั่งจิตใจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการยับยั้งอารมณ์ สงบสติอารมณ์ไว้ให้เย็นที่สุด อย่าโวยวาย สูดหายใจแล้วถอนหายใจช้าๆช่วยสงบอารมณ์ได้ดี เมื่อหยุดอารมณ์โมโหเกี้ยวกราดจะทำให้เกิดสติ หากใช้แต่อารมณ์แก้ปัญหา ไม่มีสิ่งดีงามเกิดขึ้นเด็ดขาด ซ้ำเติมแต่ตัวเอง เมื่อแบกความทุกข์อยู่ภายในใจก็หนักแล้ว ยิ่งซ้ำเติมแล้วลงโทษตัวเอง ยิ่งเพิ่มความทุกข์ให้กับตัวเองมากขึ้น ดังนั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองผิดแล้วเกิดความทุกข์ จงเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เริ่มต้นทำใหม่ อย่าคิดแต่จะลงโทษตัวเอง หนีปัญหาอยู่ร่ำไป การหนีปัญหาไม่ได้ช่วยให้ปัญหาหายไป มีแต่จะเพิ่มพูนขึ้นด้วย การหนีปัญหายิ่งทำให้เกิดความลำบากในภายหลังมากกว่าเดิม หนีปัญหาด้วยเหล้า การหนีปัญหาแล้วดื่มแอลกอฮอล์ สุรา เบียร์ เป็นหารหนีปัญหาช่วยให้สบายใจชั่วคราวแค่นั้น แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี โยนความผิดให้คนอื่นยิ่งทำให้ตัวเองทุกข์กว่าเดิม การทำงานร่วมแล้วเกิดผิดพลาด ต้องร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขร่วมกัน การปฏิเสธความผิดของตัวเองแล้วโยนความผิดให้คนอื่น นอกจากไม่แก้ปัญหาแล้ว ยังทำให้ตัวเองไร้ความน่าเชื่อถือ ปราศจากความเคารพนับถือจากเพื่อนร่วมงาน ขจัดความทุกข์ออกไปอย่างถาวร คิดในแง่บวก การดำเนินชีวิตในแต่ละวันต้องพบเจอเรื่องราวทั้งร้ายดี เพื่อนร่วมงานหลายคน เพื่อนบ้านในชุมชน แต่ถ้าคอยคิดแต่เรื่องแย่ๆเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น มักจะทำให้จิตใจเศร้าหมอง หากคิดถึงเรื่องล้มเหลว คุณจะไม่สามารถผลักดันตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้ สิ่งที่ควรทำคือการคิดดี คิดถึงความสำเร็จที่ต้องเจอ คิดถึงสิ่งๆดีของคนรอบข้าง คิดถึงความดีของทุกคน จะทำให้จิตใจผ่องใสสบายใจขึ้น คิดหลาย ๆ แง่ การคิดมากจนเป็นทุกข์ เป็นการทำร้ายจิตใจตัวเองให้เศร้าใจ ดังนั้นลองเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ว่า ทุกๆอย่างย่อมมีด้านดีและด้านเสีย ทุกคนมีข้อดีและข้อเสียเช่นกัน การอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข ให้มองแต่ด้านดีของเขา เพื่อให้การทำงานร่วมกันประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง คิดอย่างมีเหตุผล หากได้ยิน ได้เห็นสิ่งที่เป็นทุกข์ใจ จนคิดมาก ให้เปลี่ยนความคิดใหม่ว่าทุกอย่างต้องมีเหตุผลของมัน ก่อนที่จะปักใจเชื่อสิ่งใดต้องตรวจสอบหาความจริงเสียก่อน ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน อย่าเอาเก็บมาคิดไปเองจนทุกข์ใจ ปล่อยวาง อย่าใช้ชีวิตให้เข้มงวด จงใช้ชีวิตเดินทางสายกลาง ปล่อยวาง ผ่อนหนักให้เป็นเบา ลดทิฐิลงบ้าง รู้จักให้อภัยทุกคนที่เคยโกรธเกลียด รู้จักลืมเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวด แล้วทุกอย่างจะมีความสุข ไม่เป็นทุกข์ใจ ความทุกข์ใจมาจากปัญหารอบกาย ซึ่งหากบุคคลใดรับมือกับปัญหาด้วยความคิดสติปัญญาที่ดี บุคคลนั้นจะสัมผัสเพียงความทุกข์อันแสนเบาบาง หากบุคคลใดไม่สามารถจัดการปัญหาที่ถูกต้อง บุคคลนั้นย่อมพบเจอกับความทุกข์อันแสนเจ็บปวด จะเห็นแล้วว่าความคิดเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้เราเกิดความทุกข์ เมื่อยิ่งคิดมากก็ยิ่งทุกข์สะสมมาก ยิ่งทุกข์รุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกทรมานกายทรมานใจมากเท่านั้น หากคิดให้เป็นจะทำให้เราพ้นทุกข์ แม้จะทุกข์น้อยก็ดีขึ้นบ้าง วันหนึ่งความทุกข์นั้นก็จะเบาบางลงเองด้วยความคิดสติปัญญาที่ดีของเราเอง และสำคัญคือการปล่อยวาง ไม่เก็บมาคิดให้รบกวนจิตใจ

ถ้าเธอกำลังมีความทุกข์

          1. เวลามีความทุกข์ บางครั้งเรารู้สึกเศร้า จนไม่อยากทำอะไร แต่ความรู้สึกที่ว่า จะยิ่งทำให้เราจมดิ่ง หากอยากพ้นไปจากทุกข์ ให้ฟังเสียงปัญญาในใจ อย่าฟังเสียงกิเลสในใจ ปัญญามีแรงน้อยกว่ากิเลส แม้เรารู้ชัดว่าต้องทำอย่างไรจึงพ้นไปจากความทุกข์ได้ แต่กิเลสมักบงการให้เราประพฤติตามความเคยชิน ยิ่งเชื่อกิเลส หลุมแห่งทุกข์ยิ่งจมลึก แม้ยังเศร้า ยังเหงา ยังเจ็บ แต่เราต้องตั้งสติ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตเสียใหม่

2. เวลามีความทุกข์ ความทุกข์จะยิ่งขยาย หากเราเอาแต่พูด ย้ำคิดย้ำทำเกี่ยวกับความทุกข์ การระบายความในใจให้คนรอบตัวฟังเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยลดความอึดอัด แต่ทุกอย่างต้องทำแต่พอดี ๆ อย่าให้มากเกินไป ไม่เช่นนั้น สิ่งแวดล้อมของความทุกข์จะใหญ่โตมากขึ้น ถึงตอนนั้น เราจะแยกไม่ออกว่า เราทุกข์เพราะปัญหาจริง ๆ หรือเรากำลังซ้ำเติมทุกข์ ด้วยจินตนาการของเราเอง

3. เวลามีความทุกข์ จิตใจคนเรามักอ่อนแอ ใจอ่อนแอ จึงเรียกว่าทุกข์ ความทุกข์ก็เหมือนไข้หวัด คนเราไม่ได้เป็นไข้หวัดตลอดเวลา เวลามีความทุกข์ คนส่วนใหญ่มักลืมข้อนี้ไป หากเราเอาแต่จมอยู่ในความทุกข์ เราย่อมลืมกติกาใหญ่ของธรรมชาติ นั่นคือ สรรพสิ่ง ทั้งรูป ทั้งนาม ทั้งวัตถุ ผู้คน ความรู้สึกนึกคิด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งเที่ยงแท้ถาวร ทุกข์ได้ก็หายทุกข์ได้ สุขได้ก็เศร้าได้ การที่เราเห็นความชั่วคราวของความทุกข์ แม้ไม่ได้แก้ปัญหาโดยตรง แต่ก็ช่วยให้ความทุกข์ทางใจเบาไปได้มากแล้ว

4. เวลามีความทุกข์ กำลังใจที่ดีที่สุด ไม่ได้มาจากใครที่ไหน เวลามีความทุกข์ เรามักเรียกร้องความเห็นใจจากผู้อื่น บางครั้งการเรียกร้องของเราก็ทำให้เราทุกข์หนักกว่าเดิม เพราะคนอื่นไม่เป็นอย่างใจเรา เพราะเขาไม่เข้าใจเราอย่างที่เราอยากให้เข้าใจ เราทุกข์หนักอยู่แล้ว แต่เรายังสร้างทุกข์ให้ตัวเองเพิ่ม ด้วยความคาดหวังว่าใครต่อใครจะต้องเข้าใจเรา เช่นนี้จึงกลายเป็นทุกข์ซ้อนทุกข์ หนึ่งทุกข์ด้วยปัญหา สองทุกข์ที่ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่สามารถวางใจจากปัญหาได้ สามทุกข์เพราะคนอื่นไม่เข้าใจเรา เห็นได้ว่า เวลามีความทุกข์ เราก็ไม่ควรคาดหวังให้ใครดับทุกข์ให้เรา คนอื่นเข้าใจเราหรือไม่ อาจไม่สำคัญเท่าเราเข้าใจตัวเอง เมื่อเราเข้าใจตนเองแล้ว เราอาจไม่ต้องการความเข้าใจจากใครที่ไหนอีกก็ได้

5. เวลามีความทุกข์ เราไม่ควรจมลงไปในทุกข์ นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว แต่อีกมุมหนึ่ง เวลามีความทุกข์ เราก็ควรยอมรับว่าตนเองกำลังมีความทุกข์ด้วย กล่าวคือการไม่กอดไว้ และไม่ผลักไส ทำความรู้สึกให้เป็นกลางๆ ความทุกข์นี้เป็นของแปลก ยิ่งเราต่อสู้ด้วยการไม่ยอมรับ มันจะยิ่งฝังรากลึก หากเรายอมรับ เปิดใจ ให้อภัยตนเองและพร้อมแก้ไข ความทุกข์ย่อมเบาบางลง ถอดหน้ากากยอดมนุษย์ออกบ้าง เปิดโอกาสให้ตนเองได้เป็นคนธรรมดา ๆ บ้าง ทุกอย่างต้องรู้รักษ์สมดุล

6. เวลามีความทุกข์ ที่จริงในความทุกข์นั้นมีความสวยงามซ่อนอยู่ การเห็นความงามในความทุกข์ จำเป็นต้องมีสติตั้งมั่นในระดับหนึ่ง โลกนี้มีศิลปินมากมาย ที่รู้จักเปลี่ยนความเจ็บช้ำให้กลายเป็นพลังงานสร้างสรรค์ การจะทำเช่นนี้ได้ จำเป็นต้องมีสองสิ่ง หนึ่งคือ สมาธิ หมายถึงความนิ่งสงบ ภาวะที่ใจหยุดปรุงแต่ง สองคือศิลปะ หมายถึงอุบายแคบคายในการรู้เท่าทันตนเอง อุปนิสัยตนเอง และความสามารถของตนเอง เวลามีความทุกข์ แม้เราหลุดจากทุกข์ไปชั่วขณะ ย่อมมีโอกาสสูงที่เราจะเกิดหนทางใหม่ ๆ วิธีแก้ปัญหาใหม่ ๆ รูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ๆ กระบวนการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ไหน ๆ ก็ทุกข์แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ก็ใช้มันเป็นฐานกำลัง ให้เกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดดกับชีวิตเสียเลยก็ดี

7. เวลามีความทุกข์ ขอให้จดจำบทเรียนที่ได้จากความทุกข์ แค่จดจำบทเรียนยังไม่พอ บทเรียนนั้น จะต้องส่งเสริมพัฒนาจิตใจของเราให้งดงามยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย คนจำนวนมาก จดจำความทุกข์ในแง่มุมที่ทำร้ายตนเอง เช่นจำว่า ในเมื่อฉันถูกโกง ต่อไปนี้ฉันจะไม่เชื่อใครอีก หรือจำว่า เงินทองขาดมือเป็นสิ่งเลวร้าย แต่ไปนี้ต้องหวงแหนเงินทองไว้มาก ๆ ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา ความคิดในลักษณะนี้ไม่เป็นผลดีกับตนเอง เป็นการใช้ความทุกข์เพื่อความงอกงามของกิเลส ความจริงแล้ว ถ้าตั้งทัศนคติให้ถูกต้อง ยิ่งเราผ่านความทุกข์มามาก เราจะยิ่งกลายเป็นคนที่เข้าใจผู้อื่น ยิ่งมีความเมตตากับผู้อื่นมากขึ้น เวลามีความทุกข์ ให้ระวังให้ดี ความทุกข์ทำให้คนบางคนใจร้ายกว่าเดิม มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย

8. เวลามีความทุกข์ ให้รู้ว่า มุมหนึ่งก็เป็นความโชคดี ความทุกข์ทำให้คนเราได้พัฒนาตนเอง ขอให้เราเลือกหนทางพัฒนาตนเอง มิใช่ซ้ำเติมตนเอง ความทุกข์คือบททดสอบของชีวิต เมื่อเกิดมาแล้ว ใครเลยจะพบเจอแต่คนที่รักและหวังดีกับเรา ไม่มากก็น้อย วันหนึ่งเราต้องเจอผู้ที่ทรยศหักหลังเราบ้าง เมื่อเกิดมาแล้ว มีใครบ้างไม่เหนื่อยกับหน้าที่ ไม่เหนื่อยกับการทำมาหาเลี้ยงชีพ เมื่อเกิดมาแล้ว ใครบ้างไม่พบเจอกับความสูญเสีย ผิดหวัง สิ่งเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นกับเรา เราย่อมรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทว่าแท้จริงแล้วสิ่งนี้คือสัจธรรม ที่เราทุกคนต้องพบเจอ ใคร ๆก็เจอทั้งนั้น ไม่ว่ายุคใดสมัยใด หากมองให้ลึกแล้วความทุกข์ของคนทุกยุคก็ดูคล้ายกันไปหมด ภาษาธรรมะอาจพูดว่า “เป็นเช่นนั้นเอง” คำว่าเป็นเช่นนั้นเอง หากเราย่อมรับได้ อะไร ๆจะเบา หากเรายอมรับไม่ได้ อะไรๆ จะหนัก คำว่าเป็นเช่นนั้นเอง แท้จริงแล้ว คือหลักใหญ่ใจความของธรรมะทั้งหมด เข้าใจคำว่าเป็นเช่นนั้นเองทั้งหมด ก็หมดเรื่องที่จะสร้างความทุกข์ใจให้เราได้

9. เวลามีความทุกข์ บางครั้ง เราควรจดจำว่า ความทุกข์สร้างความเจ็บช้ำให้เราอย่างไรบ้าง เพื่อที่ว่า หากวันใด เราเห็นคนมีความทุกข์ เราจะได้เข้าใจเขา ช่วยเหลือเขา เพราะแท้จริงแล้ว การช่วยเหลือผู้อื่นก็ไม่ต่างอะไรกับการช่วยเหลือตนเอง เมื่อเรามีจิตใจ มองเห็นความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ เราจึงมีจิตใจ มองเห็นความสุขในความทุกข์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ ใจเขาใจเรา คำ ๆนี้มีความหมายยิ่งใหญ่ หลายครั้งที่เราทุกข์มาก เพราะเราเห็นแต่ความรู้สึกของตนเอง ก้อนความทุกข์มีคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งคือ ยิ่งมองมัน มันจะยิ่งขยาย ทำไม่รู้ไม่ชี้บ้าง ละเลยความสนใจจากมันไปบ้าง อาจเป็นหนทางดับทุกข์ที่ง่ายกว่า ทุกข์ใจครั้งใด จงออกไปทำให้ผู้อื่นมีความสุข แล้วเราจะได้เห็นพลังของความทุกข์ แม้เรามีความทุกข์ แต่เรายังช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ เราจะได้รับของขวัญอันล้ำค่าที่ชีวิตมอบให้

10. เวลามีความทุกข์
ให้เป็นผู้เห็น อย่าเป็นผู้เป็น
ใจมันจมก็ยกใจขึ้นมา
แล้วให้เริ่มสังเกต
เมื่อเริ่มสังเกต
เราย่อมเห็นความสภาวะธรรมดาของใจ
เห็นทุกข์เกิดขึ้น เห็นทุกข์เคลื่อนไหว
เห็นทุกข์ดับไปต่อหน้าต่อตา
ความทุกข์นี้หาใช่ศัตรูของชีวิต
ทว่าทุกข์คือครู คือคุรุผู้ยิ่งใหญ่
เป็นผู้สอนให้มนุษย์รู้จักความหมายของการมีชีวิตอยู่

คำคมคนเพ้อฝัน on Twitter: "ปล่อยวางบ้างก็ดี..ใจเราจะได้ไม่เป็นทุกข์  #คําคมความรู้สึก #คำคมคนเพ้อฝัน #Thewomen #ปล่อยวาง #หมดทุกข์  #เก็บความรู้สึก https://t.co/TcCSVc2aXj" / Twitter

 

เมือท่านอ่านจบแล้ว โปรดประเมินความพึงพอใจ

https://forms.gle/VgZ3SqB438dzZG7E9 

หมายเลขบันทึก: 711179เขียนเมื่อ 10 มกราคม 2023 13:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2023 13:20 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท