สรุปเรื่อง รีวิว Monster: The Jeffrey Dahmer Story (2022 tv Series Netflix)


สรุปเรื่อง รีวิว Monster: The Jeffrey Dahmer Story (2022 tv Series Netflix) นี่คือเรื่องราวของ เจฟฟรี่ย์ ดาร์เมอร์ หนึ่งในฆาตกรที่โด่งดังที่สุดในอเมริกาก่อคดีสังหารผู้คนไป 17 คนในช่วงระหว่างปีทศวรรษที่ 80 ถึงต้นทศวรรษที่ 90 เรื่องราวของเขายังอยู่ในความทรงจำอันเลวร้ายของใครหลายคนนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ดูคลิปรีวิวที่นี่

ซีรี่ส์เปิดเรื่องได้ทรงพลังมาก พูดถึงการก่อเหตุฆาตกรรมครั้งสุดท้ายกับชายผิวดำที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ  แต่ไม่สำเร็จ เขาสามารถหนีออกจากห้องดาห์เมอร์ไปได้ แต่ในระหว่างการก่อเหตุซีรีส์ก็ทำให้สภาพในห้องของดาเมอร์ เห็นว่าเหยื่อคนสุดท้ายของเขาถูกฆาตกรรมอย่างไรคือ

ในปี 1991 Joseph Arthur Bradehoft  คุณพ่อลูกสามคนจาก Minnesota ซึ่งกำลังหางานใน Milwaukee หลังจากถูกฆาตกรรม เขาถูกทิ้งให้อยู่บนเตียงของดาห์เมอร์เป็นเวลาสองวัน จากนั้นก็ถูกตัดศีรษะแล้วนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น ส่วนลำตัวถูกแช่ในถังบรรจุสารเคมีขนาด 57 แกลลอนเพื่อย่อยสลายชื้นเนื้อ

เหยื่อที่จะเป็นรายสุดท้ายของเขาเมื่อหนีออกอพาร์มเม้นท์ไปได้ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจ ตำรวจเข้าค้นอพาร์ทเม้นท์ของดาเมอร์ พบหลักฐานมากมาย แล้วเขาก็ถูกจับ

จากนั้นซีรีส์ก็เริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตของเจฟฟรีย์  ดาห์เมอร์ชายที่มีภูมิหลังอันเลวร้าย อยู่ในบ้านที่พ่อแม่ทะเลาะกันตลอดเวลา เข้ากับคนอื่นไม่ได้ทั้งชีวิตอยู่ภายใต้การถูกสั้งถูกบังคับ ตั้งแต่เด็กถูกสอนให้ชำแหละศพสัตว์ เขามีความสุขมากที่ได้เห็นเครื่องในอันมันวาวของสัตว์ เขามีอารมณ์ทางเพศเมื่อเห็นเลือด และการสังหารเหยื่อ การชำแหละ การจัดการกับร่างกายเหยือคือสิ่งเดียวที่เขาสามารถบังคับได้ ระหว่างปี 1978 และ 1991 เขาสังหารชายหนุ่มไป 14 หรือ 17 คน โดยที่ระหว่างทางตำรวจไม่เคยจับเขาได้เลย

ซีรีส์เล่าเรื่องราวสลับกันไปมาแบบไม่ค่อยเรียงลำดับ เป็นการเล่าถึงภูมิหลังอันเลว สะท้อนความคิดและจิตใจของเขา เหยื่อ และเหตุการณ์รวมถึงการเลือกเหยื่อที่จะทำการฆาตกรรม

เหยื่อรายแรกถูกสังหารโดยการใช้กระบองตีศรีษะและการบีบรัดคอ เหยื่อรายที่สองถูกทุบตีจนตาย เหยื่อรายบางรายเสียชีวิตด้วยอาการช็อกจากการสูญเสียเลือดเนื่องจากหลอดเลือดถูกตัด เหยื่อสี่รายที่ถูกสังหารในปี 1991 มีรูเจาะในกะโหลกศีรษะ โดยดาห์เมอร์ฉีดกรดไฮโดรคลอริกหรือน้ำต้มร้อน ๆ เทเข้าไปในกลีบหน้าผาก เพื่อพยายามกระตุ้นให้เกิดสภาวะแน่นิ่ง ยอมจำนน และไม่มีแรงต้านทานเขา

เครื่องมือในการชำแหละเช่น สว่าน เลื่อย น้ำยาสลายเนื้อเยื้อเป็นเครื่องมือ แล้วถ่ายภาพขณะชำแหละไว้เป็นที่ระลึก และเขามีอารมณ์ทางเพศทุกครั้งในขณะชำแหละเหยื่อ

เหยื่อสิบสองรายถูกสังหารในอพาร์ตเมนต์ North 25th Street ของเขา มีเหยื่อสามรายถูกฆ่าตายและแยกชิ้นส่วนที่ห้องใต้ดินบ้านของเวสต์ อัลลิส คุณยายแท้ ๆ ของเขา ซึ่งยายไม่รู้อะไรเลย

เหยื่อรายแรกและรายที่สองถูกฆาตกรรมที่บ้านพ่อแม่ของเขาในโอไฮโอ และรายที่สามที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ใน Milwaukee ตามลำดับ

เหยื่อของดาห์เมอร์สิบสี่รายมีภูมิหลังมาจากคนต่างถิ่น คนพื้นเมืองอเมริกัน เหยื่อเก้ารายเป็นคนผิวดำ

เหยื่อของดาห์เมอร์มักจะถูกลวงจากคลับบาร์เฉพาะกลุ่มชายรักชาย โดยบอกจะเลี้ยงเครื่องดื่ม จ้างให้เป็นแบบในการภ่ายภาพนู้ดโดยอ้างว่าจะให้ค่าจ้าง 50-100 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อมาถึงบ้านคุณย่าหรืออพาร์ทเม้นท์ จะให้กินเบียร์ผสมยาระงับประสาท จากนั้นก็สังหารเหยื่อ ส่วนใหญ่จะเป็นการรัดคอ ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก เก็บร่างเอาไว้เพื่อบำเรอความใคร่ หรือไม่ก็ชำแระเก็บชิ้นส่วนบางส่วนเอาไว้เป็นที่ระลึก หรือหัวใจและเครื่องในเก็บเอาไว้กิน เขามักใช้สว่าน เลื่อย มีด แล้วแต่จะมีในการชำแหละ ร่างกายส่วนใหญ่จะถูกแช่น้ำยาสลายเนื้อเยื่อก่อนถูกนำไปทิ้ง

ส่วนการใช้ยาระงับประสาทหรือยานอนหลับที่ใช้ในทางการแพทย์ เขาได้เรียนรู้ในสมัยที่รับราชการทหาร

เจฟฟรี่ย์คือฆาตกรต่อเนื่องที่มีอารมณ์ทางเพศทุกครั้งกับการชำแหละศพ

โดยภาพรวมแล้วสนุกมาก เล่าเรื่องดีมาก ลำดับเรื่องดีมาก ดีงามจนทำให้เราไม่อาจละสายตายไปไหนได้เลย

ชอบกลวิธีการเล่าเรื่องมาก ๆ โดยเฉพาะเหยื่อรายหนึ่งที่เป็นคนผิวดำผิดปกติทางการได้ยิน ซีรีส์ใช้วิธีการเงียบเสียงรอบข้างแทบทั้งหมด แม้กระทั้งเวลาที่เขาเข้าเทคผับเขาก็ตัดเสียงออกหมด และใช้การเงียบเกือบทั้งตอนเลยทีเดียว ทำให้เราอยู่ในบรรยากาศเดียวกันกับคนหูหนวกรับรู้การสื่อสารจากการคำบรรยายเท่านั้น  จุดนี้เยี่ยมมาก ยังไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนใช้วิธีการแบบนี้มาก่อนเลย

แต่ละตอนระทึกมากเล่าเรื่องการจัดการเหยื่อทีละคนแบบไม่เรียงลำดับ การสัมภาษณ์ของตำรวจเพื่อโยงเข้าสู่เรื่อง ทำให้เราไม่เบื่อเลย

นักแสดงเล่นดีสุด ๆ โดยเฉพาะ Evan  Peters ที่รับบทเป็นดาห์เมอร์ นิ่ง ๆ เรียบ ๆ แต่โคตรทรงพลัง ดีงามราวกับเข้าทรงหนือถูกสิง ทำให้ลืมภาพ Quick Silver จาก X-Men ไปได้เลย 

ชอบตรงที่ซีรีส์สะท้อนให้เห็นว่ามีความเหลื่อมล้ำในสังคมอเมริกัน เหยื่อของดาห์เมอร์เป็นชนกลุ่มน้อยและเป็นคนผิวดำ ตำรวจให้ความสนใจกับคนกลุมนี้น้อยมาก คดีแทบไม่คืบหน้า มีคนแจ้งเบาะแสแต่ดูเหมือนตำรวจไม่ติดตามหรือให้ความสนใจเลยด้วยซ้ำ และนี่จึงทำให้ดาห์เมอร์ไม่เคยถูกจับ

ทั้งยังมีการนำเสนอเรื่องราวหลังจากที่ดาเมอร์ถูกจับกุมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่อยู่ใน ปฏิกิริยาของผู้คนที่อยู่รายล้อมตัวเขา มองจากมุมของบุคคลอื่นเข้ามา และไล่ยาวไปจนถึงหลังจากที่เขาเสียชีวิตในห้องขังด้วย ซึ่งมิตินี้ผมมองว่าดีมาก มันทำให้เราเห็นว่าคนรอบข้างหรือคนที่เกี่ยวข้องนั้นมีความรู้สึกและมีผลกระทบอย่างไรบ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้นไปทั้งหมด

เพลงประกอบก็ค่อนข้างทรงพลังมีผลต่ออารมณ์ของซีรีส์มาก ๆ

Monster: The Jeffrey Dahmer Story (2022 netflix)  คือซีรีส์แนวอาชญากรรมอัตชีวประวัติ ที่จะนำเราดำดิ่งไปสู่จิตใจของฆาตกรต่อเนื่อง ที่มีฉายาว่า "มือสว่างนักเจาะกะโหลก" ฆ่าชายไปไม่ต่ำกว่า 17 ศพ และและเป็นซีรีส์ชั้นเยี่ยมที่แนะนำให้ชมจากใจ ฉาย netflix มี 10 ตอน และมีพากษ์ไทยด้วยนะ

9/10
@วาทิน ศานติ์ สันติ


#MonsterTheJeffreyDahmerStory
#JeffreyDahmer
#JeffreyDahmerSeriesNetflix
#เจฟฟรีย์ดาห์เมอร์

 

หมายเลขบันทึก: 708437เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2022 07:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม 2022 07:27 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท