รีวิว Hold Tight อย่าเผลอ (2022 netflix tv series)


รีวิว Hold Tight อย่าเผลอ (2022 netflix tv series) การหายตัวไปอย่างลึกลับของหนุ่มวัยรุ่นในกรุงวอร์ซอ เป็นการจุดชนวนเหตุร้าย ที่บานปลายและขยายวงกว้าง และตามมาด้วยเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดกับผู้คนที่เกี่ยวข้อง นี่คือสุดยอดซีรี่ส์แนวสืบสวนสอบสวนระทึกขวัญ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของการหักมุมและการคาดไม่ถึง ที่สร้างจากปลายปากกาของฮาร์ลาน โคเบน นักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อดัง เรื่องราวของอย่าเผลอและความสนุกสนานจะเป็นอย่างไร เชิญรับชมรับฟังได้จากรีวิวนี้เลยครับ

#เปิดเผยเนื้อหาช่วงต้น
#ดูคลิปรีวิวที่นี่

ซีรี่ส์เริ่มต้นโดยการพูดถึงฮันนา แม่ผู้ที่รักและห่วงลูกเป็นอย่างมาก เมื่ออดัมลูกชายของเธอเริ่มมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย ไม่พูดไม่จา นั่นคืออาการนับตั้งแต่อิกอร์ที่เพื่อนสนิทของเขาเสียชีวิตไป ฮันนาจึงตัดสินใจสืบหาต้นตอของปัญหานี้ โดยการลอบติดตั้ง Spyware ในโทรศัพท์มือถือของลูกชาย การกระทำนี้สามีไม่เห็นด้วย

อดัม มีพฤติกรรมที่ฉุนเฉียวอารมณ์ร้ายมากขึ้น และโทษตัวเองว่าการที่อีกอร์ เสียชีวิตนั้นเขามีส่วนทำให้เกิดขึ้น แต่เพื่อนสนิทของเขาอีก 2 คนกับกลายเป็นว่าเพิกเฉย ไม่รู้สึกรู้สาถึงการจากไปของเพื่อน

ในวันที่ทำพิธีไว้อาลัยที่โรงเรียน เบียต้า แม่ของอิกอร์ผู้จากไปก็มาร่วงงานด้วย เมื่อเธอกลับบ้านไปค้นดูรูปถ่ายของลูกชาย ก็พบว่าในวันเกิดเหตุลูกชายของเธอไม่ได้อยู่คนเดียว แต่อยู่กับกลุ่มเพื่อน และโดยเฉพาะมีหลักฐานว่าลูกของเธออยู่กับอดัม เธอจึงกลับไปหาอดัมที่โรงเรียน ให้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นแต่อดัมไม่บอก เธอจึง ตัดสินใจนำเบาะแสที่สืบได้ไปแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจก็ไม่ได้รับแจ้งแต่อย่างใด

ในคืนนั้นเองเหล่าเพื่อน ๆ กลับจัดงานปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน ทำให้อดัมรู้สึกทนไม่ได้แล้วก็หายตัวไปตั้งแต่บัดนั้น แม้แต่กายาแฟนสาวของเขาเองก็ไม่สามารถติดต่อได้

ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ อันนาได้อ่านข้อความจากโทรศัพท์ของลูกชาย โดยมีข้อความจากบุคคลปริศนาแนะนำให้ลูกชายของเธอ “อยู่เงียบ ๆ แล้วจะปลอดภัย”

ฮันนาแม่ของอดัม ขับรถตามหาลูกชาย จนไปถึงสถานที่สุดท้ายที่เชื่อว่าลูกชายหายตัวไป มันคือสถานบันเทิงยามราตรีแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยผู้คนน่ากลัว ในคืนนั้นเองเธอก็ถูกซ้อมจากพวกที่คุมสถานที่แห่งนั้น

เหตุการณ์ยังทวีความซับซ้อนเข้าไปอีก เพราะมีการพบร่างหญิงสาวคนหนึ่งเสียชีวิต แล้วถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณที่ทิ้งขยะ ซึ่งสถานที่นั้นเป็นที่เดียวกับที่ฮันนาถูกทำร้ายและตำรวจก็พุ่งความสนใจในคดีนี้และพยายามสืบให้ได้ว่าเธอคือใคร ซึ่งเธอหรือ Jane doe คนนี้ก็คือหญิงสาวที่เข้ามานั่งดืมใบบาร์แห่งหนึ่ง แล้วก็ถูกชายหญิงคู่หนึ่งวางยาในแก้วเหล้า ก่อนที่จะนำเธอเธออกไปจากร้านในสภาพไร้สติ ซึ่งภายหลังเพื่อนของเธอก็พยายามสืบหา

ต่อมาฮันนา และสามี ไปปรึกษาพ่อของกายาแฟนสาวของอันดา ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงอดีตอัยการ เล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์ การเสียชีวิตของอิกอร์ การหายตัวไปของอดัมลูกของเธอ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีลับลมคมในและน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน จึงอยากให้พ่อของกายาช่วยสืบคดีนี้

และทั้งหมดนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของความสลับซับซ้อนที่เชื่อมโยงมาจากคดีการเสียชีวิตของเด็กนักเรียนคนหนึ่ง และบานปลายจนกลายเรื่องราวใหญ่โตเกี่ยวพันกันคนและเหตุการณ์มากมาย ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นก็ขอให้ทุกท่านไปติดตามรับชมต่อได้ทาง Netflix เลยครับ

Hold Tight อย่าเผลอ สร้างมาจากงานเขียนแนวสืบสวนสอบสวนระทึกขวัญอันโด่งดังของฮาร์ลาน โคเบน และก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่เรื่องราวในหนังสือนั้นจะมาโลดแล่นอยู่บนจอแก้ว แถมตัวของฮาร์ลาน โคเบนเองก็มาเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่าแฟนนิยายของเขาทั่วโลกก็ต้องจับตามองว่าเรื่องราวที่อยู่ในหนังสือเมื่อถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์แล้ว จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรจะสนุกสนานมากน้อยแค่ไหน และจะลุ้นเอาใจช่วยเหมือนที่เราอ่านหนังสือหรือไม่

โดยส่วนตัวของผมแล้วสิ่งที่รู้สึกก่อนเลยก็คือ ซีรีส์ไม่ได้สร้างในฝั่งอเมริกา แต่สร้างในประเทศโปแลนด์ ดังนั้นเราจึงไม่รู้จักหน้าค่าตาของนักแสดงเลยสักคน

และที่สำคัญคือซีรีส์เรื่องนี้มีตัวละครเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหลายครอบครัว ตัวละครฝั่งผู้ปกครอง ตัวละครของลูกหลาน ตัวละครของเพื่อน ตัวละครของตำรวจทีมสืบสวนสอบสวน และอีกมากมาย นั่นมันจึงเป็นปัญหาทำให้เราไม่สามารถจำตัวละครตัวใดตัวหนึ่งได้ง่ายดายมากนึก แถมชื่อของตัวละครก็รู้สึกแปลกหู กว่าจะจำได้ว่าใครเป็นใคร ก็ปาเข้าไปถึงตอนที่ 3 แล้ว

ช่วง 3-4 ตอนแรกนั้นก็ค่อนข้างมีความน่าสนใจในแง่ของการสร้างพล๊อตเรื่องให้มีตัวละครหายตัวไปอย่างปริศนา และไม่ใช่แค่ตัวละครตัวเดียว แต่มีหลายตัวละคร ในช่วงครึ่งแรกนั้นเราก็แทบจะเชื่อมโยงอะไรถึงกันไม่ได้เลย ได้แต่คาดเดาไปต่าง ๆ นานา จะไปสรุปเรืองเรื่องได้ทั้งหมดก็ต้องดูถึงตอนสุดท้าย

ยังสอดแทรกสถานการณ์อีกมากมายเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องครอบครัวที่พ่อแม่รักลูกจนเกินไป ปัญหาระหว่างเพื่อน ปัญหาความรัก ปัญหาความไว้ใจ ไล่เลยไปจนถึงปัญหาสังคม ปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรม ทุกปัญหามันโยงใยเหมือนกับเครือข่ายใยแมงมุม

แถมซีรีส์ก็ยังนำเสนอถึงเรื่องราวปัญหาและชีวิตของผู้คนหลากหลายผู้คน โดยที่ไม่มีเวลาในการปูเรื่องมากนัก และแม้ว่าจะมีพล็อตเรื่องที่หักมุมอยู่หลายครั้ง แต่มันก็ไม่ได้เป็นการหักมุมที่ยิ่งใหญ่ในระดับเซอร์ไพรส์แต่อย่างใด

ดังนั้นคนดูจะต้องใช้ทักษะในการปะติดปะต่อเรื่องราวเป็นอย่างมาก หากจะบอกว่าเป็นชีรีส์ที่ดูยากก็ไม่ได้พูดจนเกินไป

ประเด็นหนึ่งที่สำคัญของซีรีส์ และดูเหมือนว่าเขาพยายามจะเน้นย้ำอยู่บ่อยครั้งก็คือ ปัญหาการเลี้ยงดูของพ่อแม่ในแบบพ่อแม่รังแกฉัน รวมถึงเคารพสิทธิของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิระหว่างผู้ปกครองกับบุตรหลานก็ตาม

ฮันนาได้แอบใส่สปายแวร์เข้าไปในโทรศัพท์มือถือของลูกชาย เพื่อที่จะได้รับรู้ทุกการเคลื่อนไหวทุกการสนทนาของลูกชาย ซึ่งสิ่งนี้ในสังคมตะวันตกมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิเป็นอย่างมาก

หนังพยายามพูดย้ำว่าเราเป็นพ่อแม่ของเขาแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิต แล้วก็มาตอกย้ำว่า ลูกหรือวัยรุ่นทุกคนนั้นไม่มีใครชอบพฤติกรรมแบบนี้ของพ่อแม่ มันจึงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ลูกตีตัวออกห่างจากพ่อแม่นั่นเอง แต่ถ้าหากมองในมุมมองของแม่หรือผู้ปกครอง เมื่อเกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุด พ่อแม่ก็ต้องยอมล้ำเส้นอะไรบางอย่างเพื่อทำให้ลูกริดจากสถานการณ์เลวร้ายไปให้ได้  

ซีรีส์เขาทำให้เราเห็นตัวคนร้ายตั้งแต่แรกเริ่ม โดยการแทรกเหตุการย่อยเล่าเรื่องผู้ชายกับผู้หญิงที่มีพฤติกรรมจับตัวคนด้วยการวางยาบ้าง หรือฉีดยาสลบบ้าง หรือกระชากขึ้นรถตู้ไปดื้อๆ เป็นการชักจูงหรือทำให้เราเข้าใจว่า น่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของอิกอร์ หรือ Jane doe หญิงสาวนิรนามที่ถูกพบที่ทิ้งขยะ แต่ก็เสียดายที่เขาจัดการกับตัวร้ายของเรื่องนี้ได้ไม่ค่อยดีพอ และไม่ค่อยคุ้มค่ากับการตั้งหน้าตั้งตาดูตั้ง 6 ตอน

ด้วยที่มีเรื่องราวและประเด็นมากเกินไปนั้นมันเลยทำให้ ช่วง 4 ตอนแรกมันมีจุดอืดอาดและน่าเบื่ออยู่หลายจุด แม้แต่ตัวของผมเอง ยังดูได้แบบไม่ปะติดปะต่อเลย และยังรู้สึกอีกว่าซีรีส์ดำเนินเรื่องช้าจนเกินไป ถ้าหากตัดจาก 6 ตอนเหลือเพียง 4 ตอนได้ ผมก็ว่าเนื้อเรื่องน่าจะกระชับน่าลุ้นน่าติดตามมากกว่านี้

แต่ถ้าจะคิดเข้าข้างทีมงานก็พอจะเข้าใจได้ว่าเนื้อเรื่องในหนังสือนั้นมันมีค่อนข้างเยอะ ถ้ามีเวลาในการเล่าเรื่องน้อยไปคนเดียวอาจจะยิ่งไม่เข้าใจมากไปกว่านี้

โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าภาพรวมทั้งหมดของซีรี่ส์นั้นไม่สนุก ไม่ได้ลุ้น ไม่ได้ดึงให้เราติดตาม ไม่ให้เราได้ไขข้อสงสัยระหว่างดูอะไรมาก การเฉลยก็ไม่ได้ทำให้เรา ต้องประหลาดใจถึงก็เอามือทาบอกอะไรประมาณนั้น วิธีการเล่าเรื่องก็เชยมาก ถ้าไม่มีจุดเด่น อะไรหรือความแตกต่างอะไรจาก TV Series แนวนี้ในเรื่องอื่น ๆ เลย

และถ้าจะเปรียบเทียบกับการอ่านนิยายของฮาร์ลาน โคเบน การโลดแล่นของเรื่องราวและตัวละครในหนังสือนั้นมีความสนุกมากกว่าเยอะ การตัดฉากต่อฉากในหนังสือสนุกกว่าเยอะ แต่ก็เข้าใจได้ว่าหนังสือกับ TV Series จะให้เหมือนกันทั้งหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ จะให้เล่าเรื่องแบบในหนังสือเลยก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน

ถ้าใครเคยดูซีรีส์ที่สร้างจากงานของฮาร์ลาน โคเบน ที่สร้างในหลายสัญชาติ แล้วมาดูสัญชาติโปแลนด์นี้ แล้วลองมาเปรียบเทียบกันดูว่าอันไหนสนุกกว่ากัน ก็สามารถเขียนคอมเม้นมาเล่าสู่กันฟังได้จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง หรือท่านใดจะแนะนำซีรีส์จะ จากฮาร์ลาน โคเบนของสัญชาติไหน ก็สามารถเขียนมาแนะนำกันได้นะครับ

6/10
@Vatin San Santi

#SuperReviewChannel
#HoldTight2022
#HoldTightNetflix
#ฮาร์ลานโคเบน
#อย่าเผลอ

หมายเลขบันทึก: 702446เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2022 06:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2022 09:33 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท