สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกเเล้ว วันนี้ดิฉันได้โจทย์จากอาจารย์ท่านหนึ่งมา อยากรู้กันเเล้วใช่ไหมคะ บอกเลยว่าโจทย์ไม่ธรรมดานะคะ โจทย์คือ : นักกิจกรรมบำบัดจิตสังคมจะมีหน้าที่ Hopeful Empowerment + Skilled Life Design + Supportive Engagement อย่างไรในนศ.กฎหมาย ที่ซึมเศร้า วิตกกังวล ติดพนัน แบบละมีหูเเว่วเล็กน้อยสอบตกทุกวิชา
ก่อนอื่นเลยเราจะเรียกผู้รับบริการกลุ่มนี้ว่า ‘‘ผู้ที่มีประสบการณ์สุขภาพจิต’’ ไม่ว่าผู้รับบริการจะเป็นอย่างไร เป้าหมายหลักคือการช่วยให้ผู้รับบริการมี…
Hopeful (ความหวัง) : มุ่งเน้นไปที่การช่วยให้ผู้รับบริการมีความหวังเกี่ยวกับอนาคต
Empowered (เสริมสร้างพลังชีวิต) : ผู้รับบริการต้องรู้สึกว่าตนเองสามารถตั้งเป้าหมายของตนเองได้และมีความเป็นอิสระในการไล่ตามเป้าหมายเหล่านั้น
Skilled (ได้รับการึกฝนทักษะ): เพื่อสอนทักษะต่างๆ ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ รวมถึงทักษะการใช้ชีวิต ทักษะการทำงาน ทักษะทางสังคม และอื่นๆ
Supported (ได้รับการสนับสนุน) : ทั้งจากผู้บำบัด ครอบครัว เพื่อน เป็นต้น เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิต เเละทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพเเละมีความสุข
เซลิกแมนเสนอมุมมองใหม่ไว้ใน The Theory of Well-Being หรือแนวคิดเรื่องความอยู่ดีมีความสุขว่า ‘‘แท้จริงแล้วความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนสร้างได้เอง แต่ต้องรู้จักองค์ประกอบหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดความสุขเสียก่อน แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความคิดและความเป็นอยู่ให้ชีวิตรับรู้ได้ถึงความสุขเหล่านั้น’’ ซึ่งมีทั้งหมด 5 องค์ประกอบ เรียกรวมกันว่า PERMA model หรือแบบจำลองที่ทำให้เกิดความสุขใจในชีวิต
1. P - positive emotion : ด้านอารมณ์บวกในเวลาที่ผ่านมานั้น อารมณ์ด้านบวกมีอะไรบ้าง เช่น สงบ ปลอดภัย ตื่นเต้น สนุก ผ่อนคลาย อยากรู้อยากเห็น ลองทบทวนว่า กิจกรรมใด หรือพฤติกรรมใดที่ทำให้เรารู้สึกบวก รู้สึกมีคุณค่าต่อตนเอง หรือต่อผู้อื่น
2. E - engagement : ด้านความผูกพัน ในสิ่งที่ทำไปแล้วนั้น ตนเองได้ผูกพัน มีส่วนร่วม ตอบสนองทางบวกกับผู้อื่นมากน้อยเพียงไร อะไรทำให้เกิดความผูกพัน ความผูกพันนั้นทำให้ตัวเองเดือดร้อน
3. R - relationship : ความสัมพันธ์เชิงบวก เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับใคร หรือกับสิ่งใดบ้าง แสดงให้เห็นว่า ความสุขที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการมีเพื่อน เป็นที่ยอมรับและมีคุณค่ส
4. M - meaning and purpose : คุณค่าและเป้าหมาย สิ่งที่ทำนั้นตอบโจทย์ ความต้องการ ความคาดหวัง ความฝันของตนเองอย่างไร เช่น ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้รักษาสิ่งแวดล้อม การได้ทำในสิ่งที่ใฝ่ฝันถึงมานานแล้วตั้งแต่เด็ก สิ่งที่ทำนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมีประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อโลกอย่างไร
5. A - accomplishment : ความสำเร็จ ทบทวนตัวเองว่าได้ทำอะไรสำเร็จ บรรลุตามเป้าหมายหรือความฝัน ความสำเร็จอาจอยู่ที่ความรู้สึกระหว่างทาง เช่น ทำงานได้สำเร็จ ตั้งเป้าหมายที่อารมณ์และความสงบสุข จากการเรียนรู้เช่นเดียวกับผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
นักกิจกรรมบำบัดจะใช้ PERMA ในผู้ที่มีประสบการณ์สุขภาพจิต อย่างเเรกที่นักกิจกรรมบำบัดควรทำคือการสร้างสัมพันธภาพกับผู้รับบริการ (Therapeutic relationship) เพื่อให้เกิดความเชื่อใจซึ่งกันและกัน การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีอย่างจริงใจกับผู้รับบริการจะทำให้การบำบัดเป็นไปในทางที่ดีขึ้น นักกิจกรรมบำบัดใช้ PERMA สอดประสานในการสัมภาษณ์ผู้รับบริการ อาจจะใช้ตั้งคำถามเพื่อให้เข้าใจผู้รับบริการได้มากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องพยายามเเสดงออกว่าเราเข้าใจทุกปัญหาเเละสามารถเเก้ได้ เราเพียงเเค่เข้าใจอย่างเเท้จริง ฟังด้วยหัวใจ (Empathy listening) เมื่อเราได้ข้อมูลเพียงพอเเล้วต่อไปก็จะนำไปวางเเผนการรักษาต่อไป
นักกิจกรรมบำบัดสามารถใช้ Recovery model ในการบำบัด ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ RECOVERY MODEL หรือการฟื้นคืนสู่สุขภาวะกันก่อนค่ะ
Recovery model ก็คือ “ขบวนการเปลี่ยนแปลงด้วยการดำเนินการของบุคคลในการที่ จะปรับปรุงสุขภาพและการมีความสุขของตน ดำรงชีวิตตามวิถีทางที่เขาเลือกเอง และฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อให้บรรลุถึงความสามารถเต็มตามศักยภาพของเขา”
กุญแจสำคัญของขบวนการฟื้นคืนสู่สุขภาวะ
●การค้นหาความหวังและยึดถือเป็นเป้าหมายเชื่อในตนเอง มีความรับผิดชอบ มองโลกอนาคตในแง่ดี
●สร้างภาพลักษณ์ด้านดีใหม่ค้นหาภาพลักษณ์ใหม่ถึงแม้ว่ายังมีอาการอยู่ มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง
●ค้นหาชีวิตที่มีความหมายและสร้างแนวทางการดำรงชีวิตอย่างมีความหมาย
●รับผิดชอบและควบคุมตนเองรู้สึกว่าควบคุมอาการและตนเองได้
ทางเดินไปสู่การมีสุขภาวะ มีองค์ประกอบ 10 ประการ
1. Self-Direction : ผู้รับบริการมีอิสระในการตัดสินใจเลือกจุดมุ่งหมายในชีวิตและออกแบบเส้นทางเดินเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์เหล่านั้น สามารกำกับดูเเลตนเองได้
2. Individualized and person-centered : มีการวางแผนเป็นรายบุคคล
3. Empowerment : เสริมสร้างพลังชีวิต ก่อนจะเสริมสร้างพลังชีวิตเราต้องทราบความต้องการที่เเท้จริงของผู้รับบริการก่อน
4. Holistic : บริการแบบองค์รวม มองภาพรวมของสุขภาพผู้รับบริการ ทั้งความสามารถทางด้านร่างกาย การรู้คิด การเข้าใจตนเอง รวมถึงความสามารถทางจิตสังคม สามารถคืดบวกได้ไหม? ลงมือทำได้ไหม?
5. Nonlinear : การฟื้นสู่สุขภาวะ เป็นขบวนการที่เป็นแนวระนาบเดียว
6. Strengths-based : การนำเอาจุดที่ดี จุดเเข็งของปู้รับบริการมาใช้
7. Peer Support : การสนับสนุนซึ่งกันและกัน เช่น เพื่อนที่สนิท
8. Respect : การเคารพและให้เกียรติกัน
9. Responsibility : เพิ่มความรับผิดชอบให้กับผู้รับบริการ
10. Hope : เพิ่มความหวัง การคิดบวกให้ผู้รับบริการ
การผสมผสานการฟื้นคืนสู่สุขภาวะในการฟื้นฟูสมรรถภาพในชุมชนจะส่งผลให้ผู้รับบริการเกิดการพัฒนาตนเอง ยอมรับตนเอง สามารถดำรงชีวิตอย่างมีความเป็นอิสระ มีสัมพันธภาพด้านบวกต่อบุคคลต่างๆ สามารถจัดการสิ่งแวดล้อม มีจุดมุ่งหมายในชีวิต
นอกจากนี้นักกิจกรรมบำบัดสามารถใช้กิจกรรมบำรุงสุข 3 ด้าน (https://www.bangkokhospital.com/content/therapeutic-activities)
1. Healthy Life Style : ใจป่วยนำไปสู่กายป่วย การฟื้นฟูบำบัดใจจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรงควบคู่ไปด้วย เพื่อความสมดุลทั้งกายและใจ (Life Balance) ตัวอย่างกิจกรรม เช่น การเดิน การออกกำลังกาย โยคะ หรือเเม้เเต่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
2. Stress Reduction : ความเครียดทำให้ร่างกายเสื่อม อ่อนล้า นอนไม่หลับ คนมากมายหาวิธีคลายเครียดด้วยการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ซึ่งนอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงมากมายตามมา ตัวอย่างกิจกรรม เช่น การนั่งสมาธิ การออกกำลังกาย
3. Art and Creativity : เมื่อใจป่วยความคิดจะตีบตัน หมดความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจ นอกจากกิจกรรมนี้จะช่วยให้ฝึกความคิดและจินตนาการ ทังยังช่วยให้คุณสุข สงบ และรู้สึกสบายใจ ตัวอย่างกิจกรรม เช่น
การใช้ดนตรีบำบัด (Music Therapy) จุดประสงค์ของการนำดนตรีมาใช้ ก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวด ไปสู่ความสุขสบายเพลิดเพลิน เนื่องจากดนตรีที่เลือกสรรแล้ว โดยเฉพาะจังหวะ ความเร็ว-ช้า ระดับของเสียงและความดังจะมีอิทธิพล ทำให้เกิดการผ่อนคลาย ทางร่างกาย จิตใจ อันมีผลทำให้ความวิตกกังวล ความกลัวลดลงและยังสามารถปิดกั้นวงจรของการรับรู้ความเจ็บปวด ทำให้ความเจ็บปวดลดลงได้ และดนตรียังเพิ่มแรงจูงใจทำให้อยากเคลื่อนไหว (https://www.goldenlifehome.com/2016/ดนตรีบำบัด/)
การใช้ศิลปะบำบัด (art therapy) หัวใจของศิลปะบำบัดคือการมุ่งเน้นหาความสัมพันธ์ ปัญหา โดยจะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางงานศิลปะ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าใช้ศิลปะเป็นตัวกระตุ้นให้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในความทรงจำที่เลวร้ายหรือความรู้สึกจากจิตใต้สำนึก (https://hellokhunmor.com/สุขภาพจิต/ศิลปะบำบัด-สุขภาพจิต/)
“สิ่งสำคัญที่พวกเรามาร่วมทำงานในการดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวชมาจากจิตใจที่งดงาม...มองเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์และมีจิตสาธารณะ เพราะเราเลือกที่จะไม่ทำก็ได้ ....แต่เราเลือกที่จะทำ ดังนั้น โปรดรับรู้ว่าการดูแลทางจิตใจไม่ต้องการเครื่องมือที่หรู ทันสมัย ราคาแพง เเต่ต้องการสิ่งสำคัญที่มีอยู่ในตัวตนของท่าน…คือการดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์”
ที่มา: https://www.srithanya.go.th/images/Sheet/s_f8.ppt
https://drpanom.wordpress.com/2020/12/23/ปีเก่าผ่านไป-ทบทวนจิตใจ/
พิณศฐิตรา พิมหะศิริ 6323025 นักศึกษากิจกรรมบำบัดชั้นปีที่ 2
ไม่มีความเห็น