ผ้าขาวม้าสารพัดประโยชน์
ผ้าขาวม้า เป็นผ้าที่อยู่คู่วิถีชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ ถือเป็นผ้าอเนกประสงค์สามารถใช้ได้หลายอย่างในชีวิตประจำวัน
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2542 อธิบายว่า " ผ้าฝ้ายทอเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มักมีลายตาหมากรุก ใช้ผลัดอาบน้ำ หรือเคียนพุง ภาษาปากใช้ว่า ผ้าขะม้า"
คำว่า "ขาวม้า" ไม่ใช่คำไทยแท้ แต่เป็นคำที่มาจากคำว่า "กามา" หรือ Kamarในภาษาอิหร่าน หมายถึง เอว หรือท่อนล่างของร่างกาย แล้วเลียนเสียงเป็น "ผ้าขะม้า" จนเพี้ยนเสียงเป็น “ผ้าขาวม้า” ในที่สุด
ผ้าขาวม้า จึงไม่เกี่ยวข้องกับม้าด้วยประการทั้งปวง
ผ้าขาวม้าอ่างศิลา ชลบุรี
ในประเทศไทยมีการใช้ผ้าขาวม้ามานานแล้ว จากหลักฐานข้อมูลแสดงให้เห็นว่าคนไทยรู้จักใช้ผ้าขาวม้ามาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ในยุคสมัยเชียงแสน ซึ่งในสมัยนั้นผู้หญิงมักนุ่งผ้าถุง ส่วนผู้ชายเริ่มใช้ผ้าขาวม้าโดยได้รับวัฒนธรรมมาจากไทยใหญ่ ชาวไทยใหญ่ใช้ผ้าขาวม้าโพกศีรษะ แต่คนไทยยังมุ่นมวยผมอยู่ เมื่อเห็นประโยชน์ของผ้าจึงนำมาใช้บ้าง แต่เปลี่ยนมาเป็นผ้าเคียนเอว เมื่อเดินทางไกลจึงนำมาใช้อำนวยความสะดวก เช่น ใช้ห่ออาวุธ และเก็บสัมภาระในการเดินทาง ใช้ปูนอน นุ่งอาบน้ำ ใช้เช็ดตัว หรือใช้ผูกเปลให้เด็กนอน
ใช้นุ่งสบายๆเวลาอยู่กับบ้าน
ใช้เป็นผ้าพาดไหล่
ใช้นุ่งแบบถกเขมร เมื่อต้องการความกระฉับกระเฉง
ถกเขมร(ขัดเขมร) : การนุ่งผ้าโจงกระเบนโดยดึงชายให้สูงขึ้นมาเหนือเข่า
ใช้เป็นผ้านุ่งอาบน้ำ
ใช้ผูกเปลให้เด็กนอน เด็กจะนอนหลับสบายในเปลผ้าขาวม้า
ผ้าขาวม้าร้อยสี บ้านหนองขาว กาญจนบุรี
แต่เดิมผ้าขาวม้าเป็นผ้าฝ้ายทอมือ มักเป็นลายตาหมากรุกสีสันต่างๆเป็นหลัก ต่อมาในท้องถิ่นต่างๆได้มีการดัดแปลงลวดลายบนผ้าขาวม้าให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นของตน เช่น
ผ้าขาวม้าป่าหวายนั่ง ขอนแก่น
ผ้าขาวม้าลำชี กาฬสินธุ์
ผ้าขาวม้าทรงเครื่อง หนองนาคำ อุดรธานี
ผ้าขาวม้าหนองกุงใหญ่ ขอนแก่น
ผ้าขาวม้าย้อมสีธรรมชาติ บ้านหนองนาคำ อุดรธานี
ผ้าขาวม้าตาคู่ลายตาตะแกรง บ้านหลวงศิริ ชัยภูมิ
ผ้าขาวม้าฝ้ายแฉล้มนครพนม
นอกจากผ้าขาวม้าจะใช้ได้สารพัดประโยชน์ ด้วยความสวยงามของผ้าขาวม้าจึงถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นข้าวของเครื่องใช้อื่นๆในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า หมวก ของแต่งบ้าน ฯลฯ เป็นการเพิ่มมูลค่าของผ้าขาวม้า และทำให้ผ้าขาวม้าสามารถใช้ประโยชน์ในวงกว้างยิ่งขึ้น
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ไม่มีความเห็น