วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าเดินมาที่บ้านแม่ ก็ได้กลิ่นดอกไม้หอมตลบอบอวลในบ้าน จึงถามแม่ว่า กลิ่นดอกอะไร แม่จึงตอบว่า "กลิ่นดอกประดู่..."
ประดู่กิ่งอ่อนต้นหน้าบ้านออกดอกบานสะพรั่ง
---------------------------------
จำได้ว่าช่วงนี้เมื่อปีที่แล้วก็ได้กลิ่นแบบนี้ และแม่ก็พูดเสริมอีกว่า หอมอยู่แค่สองสามวันก็จะร่วงโรยและหายไป
ช่วงเย็นวันนี้จึงได้ถือโอกาสเก็บภาพความสวยงามที่มีเพียงปีละครั้ง และครั้งละไม่นานเพียงสองถึงสามวัน ความสวยทั้งหลายเหล่านั้นก็จะร่วงและโรยรา
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง... เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และไม่นานก็ต้องดับสลายลงไป
ไม่มีกลิ่นหอมใดจีรังยั่งยืนเท่ากับกลิ่นของศีล ที่สามารถหอมทวนลม และฟุ้งกระจายไปได้แม้นในที่ที่ห่างไกล
เกียรติคุณ คุณงามความดีแห่งการรักษาศีลให้บริสุทธิ์นั้นไซร้ ย่อมฟุ้งขจรขจายไปทุกทั่วสารทิศ
ต้นไม้ที่ผลัดใบเพื่อออกดอก โดยหวังว่ากลิ่นจากเกสรทั้งหลายจะเชิญชวนหมู่ภมรให้มาเชยชม น้อมนำไปผสานผสม ให้มีต้นลูกต้นหลาน เพื่อสืบสานเผ่าพันธุ์ของต้นไม้นั้น ฉันใด บุคคลที่มอบกายถวายตนเพื่อดำรงไว้ซึ่งศีลาจารวัตรนั้นไซร้ ย่อมผลิดอก ออกใบ เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขแห่งพุทธวงศ์...
ถนนสายแห่งธรรมนี้ ดูผิวเผินแล้วเหมือนกับการนำกายมาทรมานให้ลำบากเปล่า ๆ แต่ทว่าความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ถ้าเรามีความเห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้อง ความทุกนั้นก็จะแปรเปลี่ยนเป็นพลัง ให้เราสามารถใช้ร่างกายนี้นั้นพัฒนาจิตใจให้ก้าวพ้นจากภัยแห่งวัฏฏสงสารได้อย่างถาวร
--------------------------------
กลิ่มหอมหอม ชวนดมดอม ดอกประดู่
กลิ่นหอมชู ชงโชยกลิ่น ถวิลหา
ภู่ภมร พลันโผบิน ใกล้ไกลมา
สามวันลา ร่วงหล่น ลงผืนดิน
--------------------------------
ดั่งชีวิต ลาภยศ แลสรรเสริญ
ต่างเชื้อเชิญ ปุถุชน คนทั้งผอง
ให้แก่งแย่ง แข่งขัน เพื่อยึดครอง
มุ่งสนอง ตัณหา อุปาทาน
--------------------------------
ครั้นเมื่อตาย เอาไปได้ ที่ไหนเล่า
ร่างกายเรา ยังถูกเผา เหลือเพียงผง
ท่านทั้งหลาย พึงละโลภ โกรธหลงลง
ครั้นชีพปลง จิตไม่ยึด ติดสิ่งใด
--------------------------------
พึงวางเถิด กลิ่นทั้งหลาย ภายนอกนั้น
พึงเร่งทำ กลิ่นแห่งศีล ด้วยตั้งมั่น
เจตนาดี ละเว้นชั่ว คุณอนันต์
แม้นดับขันธ์ กลิ่นยังหอม ขจรเอย...
--------------------------------