เรื่องเล่าจากพี่เอี้ยง 5 (ตอนสุดท้าย): จากจีนแผ่นดินใหญ่ สู่ แผ่นดินสยามเมืองยิ้ม


บันทึกความเจ็บป่วยของแม่

ปี พ.ศ. 2559 ประมาณวันที่ 27 หรือ 28 ธค. แม่ล้มสะโพกหัก ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่เนื่องจากติดวันปีใหม่ ไม่สามารถผ่าตัดได้ทันที ต้องรอหลังปีใหม่ กว่าแม่จะได้ผ่าตัดได้ก็ต้องทนความเจ็บปวดไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากผ่าตัดแล้วแม่อยู่โรงพยาบาลอีกประมาณ 2 เดือนเศษ และแม่ต้องออกจากโรงพยาบาลวันที่ 23 มีนาคม 2559 วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ต้องมีพี่เลี้ยงประกบแม่ เพราะแม่ยังเดินไม่ได้ และหลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนพี่เลี้ยงอีกหลายคน เนื่องจากบางคนก็เบื่อคนแก่ บางคนคนแก่ก็ไม่ถูกใจ เริ่มใช้พี่เลี้ยงมาตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนกระทั่ง วันที่ 28 ตุลาคม 2562 จู่ ๆ แม่ก็นอนอย่างเดียว กินไม่ได้ มีภาวะน้ำท่วมปอด สอบถามพี่เลี้ยงได้ความว่าแม่ขอกินยานอนหลับไป 2 เม็ด ทำให้แม่ซึม ต้องพาแม่เข้าโรงพยาบาล แม่ไม่ Happy กับการนอนที่โรงพยาบาล เริ่มเพ้อ พออาการเริ่มดีขึ้นจึงขอกลับบ้าน

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 พาแม่ไปพบแพทย์อีกครั้ง ด้วยอาการเดิม แพทย์บอกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต้องนอนโรงพยาบาลนะ เพราะคนไข้กินไม่ได้

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ก็เลยพาไป admit ที่โรงพยาบาล ม.อ. เนื่องจากแม่เป็นคนไข้ที่นี่อย่างน้อยก็มีประวัติเดิมอยู่ ช่วงที่ยังอยู่ที่ ER แม่บอกกับเราว่า พาแม่ไปวัดเถอะ แม่รู้ดี ให้พี่สาวไปบอกหลวงปานเจ้าอาวาสวัดเลียบไว้ก่อน คืนนั้นแม่ถูกส่งไปอยู่ RCU 3 วัน  แม่เพ้อเหมือนเดิม และขอกลับบ้าน

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 กลับมาบ้านแม่ก็ไม่ได้ออกมานั่งหน้าบ้านที่ม้าตัวเดิมอีกเลย เพราะแม่ไม่มีแรงและรู้สึกตัวเป็นช่วง ๆ ต้องให้อาหารเหลว

ระหว่างนี้ รู้ว่าอาการแม่ไม่ค่อยสู้ดีมีแต่ทรงกับทรุด  เราเริ่มหาข้อมูล เนื่องจากถ้าแม่เป็นอะไรไป พิธีกรรมจะเยอะมากและใน ต.บ่อยางไม่มีคนแก่ที่อายุมากหลงเหลือให้ไถ่ถามข้อมูลได้ เราติดต่อไปที่ บริษัทสุริยาเครื่องเย็น กรุงเทพ เพื่อหาข้อมูลพิธีกรรมต่าง ๆ และติดต่อแม่ชีที่วัดจีนหาดใหญ่ เพื่อขอข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการแต่งกายตอนตาย จากนั้น เราก็ชวนพี่ชายพี่สาวและน้องชายบุกไปหาแม่ชีที่วัด พร้อมกับหีบเสื้อผ้าของแม่ ซึ่งแม่ได้ซื้อชุดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เหตุที่นำหีบเสื้อผ้าไปหาแม่ชีก็เพราะเป็นชุดแบบเจ้านางจีนมีหลายชั้นการใส่ต้องซ้อนกันเป็นชั้น ๆ  คงซ้อนกันไม่ถูกแน่นอน แม่ชีก็อธิบายและนำชุดมาซ้อนให้เรียบร้อยและแนะนำว่าใส่อย่างไร ใส่ตอนไหน จากนั้นก็คุยกันเรื่องพิธีกรรมกงเต็กว่าจะเป็นแบบไหนอย่างไร ซึ่งก็ได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย

วันที่ 10 ธันวาคม 2562 ประมาณ 10.30 น. พี่ชายโทรมาบอกว่าตามตัวแม่เป็นจ้ำเลือดให้ทำอย่างไรต่อ  ก็เลยให้พี่ชายเรียกศูนย์นเรนทร 1669 และแม่ก็ถูกส่งไป admit ที่โรงพยาบาลสงขลา เช้าวันรุ่งขึ้นพบว่าจ้ำหายหมดแล้ว แต่แม่ก็ยังไม่รู้สึกตัว อาการเหมือนเดิมคือน้ำท่วมปอด และไปมีผลกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ แพทย์แนะนำให้เจาะคอ บอกว่าถ้าไม่เจาะคอคนไข้ก็จะเหนื่อยมาก แต่เรายืนยันว่าไม่เจาะเพราะแม่แก่แล้วและไม่อยากให้แม่ทรมาน แพทย์จึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องรักษาแบบประคับประคองนะ  ซึ่งเราก็ตกลง และสุดท้ายแม่ก็ค่อย ๆ สิ้นลม

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2562 ตอนเช้ามืด 01.30 น. แม่ก็สิ้นลมแบบไม่ทรมาน หลังจากทราบว่าแม่เสีย เราโทรหาแม่ชีเอ๋ก่อนเลยว่าขั้นตอนต้องทำอย่างไร และเพื่อให้ทางแม่ชีหาฤกษ์วันฝังที่ดีที่สุด ส่วนพิธีกรรมที่โรงพยาบาลหลังจากเช็คตัวและแต่งตัวให้แม่แล้ว ศพถูกฝากไว้ที่โรงพยาบาลก่อน เนื่องจากศาลาที่วัดเลียบจะว่างอีกทีก็บ่ายวันที่ 19 ธค. 2652 ระหว่างที่ยังฝากศพที่โรงพยาบาล เราก็เริ่มติดต่อประสานงานและเตรียมการทันที

วันที่ 18 ธันวาคม 2562 เรากลับไปหาแม่ชีอีกครั้งเพื่อไปคุยรายละเอียดของขั้นตอน พร้อมประสานงานกับทางสมาคมอนาถาถึงพิธีกรรมการเคลื่อนย้ายศพจากโรงพยาบาลไปวัด จากวัดไปสุสาน และการเตรียมหลุมฝังศพที่สุสาน ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เรียบร้อย และไปสั่งทำบ้านกงเต็ก ซึ่งแม่บอกว่าต้องสูงกว่าตัวแม่ แต่ที่ร้านบอกว่าทำไม่ได้เพราะมีมาตรฐานของเขาอยู่แล้ว ถ้าสูงมากโครงจะไม่แข็งแรง ข้อนี้เพียงข้อเดียวที่เพี้ยนไปจากที่แม่สั่งเล็กน้อย นอกนั้นเป็นไปตามความต้องการของแม่ได้หมด (สบายใจ) จากนั้น จึงไปคลองปอม บ้านไร่ เพื่อไปสั่งซื้อโลงศพ ซึ่งความหมายของการเลือกโลงศพให้แม่ก็ตรงสเปคตรงกับที่ทางสุริยาหีบศพได้บอกไว้ คือขนาดที่ดีที่สุด เสมือนซื้อบ้านหลังใหม่ให้ในขนาดที่แม่อยู่ได้อย่างสบาย (เพิ่งรู้ว่าแม้กระทั่งโลงศพก็ยังมีไซค์ S M L) จึงทำให้ตัดสินใจเลือกโลงศพที่เหมาะสมกับแม่ได้ง่ายขึ้น 

วันที่ 20 ธันวาคม 2562 เวลา 08.30 น. ศพแม่ถูกเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลสงขลาไปสู่ศาลาวัดเลียบโดยมีท่านปานเจ้าอาวาสวัดเลียบเป็นพระที่ไปรับศพแม่เอง เพราะท่านคุ้นเคยกับแม่ และตั้งบำเพ็ญอยู่ 5 คืน กลางวันของวันที่ 23 และ 24 พิธีกงเต็กตั้งแต่ 09.00 -17.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2562 พิธีฝังศพก็เรียบร้อย

จากนั้น ทางครอบครัวก็ดำเนินการต่อจนครบทุกขั้นตอนที่แม่ได้ให้บันทึกไว้ ถามว่าวันนี้ไม่มีแม่แล้วความรู้สึกเป็นอย่างไร ตอบได้คำเดียวว่า “เสียดายมาก”

หมายเลขบันทึก: 686976เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2020 19:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2020 19:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

My condolences.

And Let me say “What a Lady!” Songkhla will remember her.

My condolences.

And Let me say “What a Lady!” Songkha will remember her.

My condolences.ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้เกี่ยวกับธรรมเนียมการทำศพของจีนดีมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท