Mind & Spiritual (31) : ทำไมคนที่ผ่านเข้ามา...จึงหลุดออกไป


วันนี้ได้มีโอกาสสนทนาธรรม..กับพี่เขียวและพี่หน่อยน้อย..
ถึงเรื่องแห่งคนที่เข้ามาในชีวิตเรา..และอยู่เป็นคู่กัน หรือ..แยกเลิกร้างกันไป...
เพราะอะไรเหตุอันใด...จึงเป็นเฉกเช่นนี้...

ดิฉันเสนอคำตอบไปแนว..ทางด้านศีลธรรมและความเชื่อทางด้านคำสอนทางพุทธศาสนา..
ไปในทำนองที่ว่า...เหตุ...ที่นำมาให้คนสองคนได้มาเจอกันนั้น..อาจเป็นเรื่องที่ผูกกันมา..หรือโชคชะตาบางสิ่งบางอย่าง..หรืออาจแม้แต่เป็นเรื่องกรรม..ก็อาจนำมากล่าวไว้ได้...
ที่เราต้องมาชดใช้กัน..ในเวลานี้ที่เหมาะสม...และเมื่อได้มาเจอกันแล้ว..ไม่พยายามสั่งสมความดี...ร่วมกัน
ความสัมพันธ์นั้น...ก็จะหลุดออกจากกันไป...ได้อย่างง่ายดาย...
ยิ่งโดยเฉพาะ...คนที่ผิดศีลธรรมจะหลุดออกไปได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ทำผิดศีล...
หากคนสองคนมีศีลไม่เสมอกัน...คนที่มีศีลน้อยกว่าก็จะเป็นฝ่ายหลุดออกไป และไปอยู่กับคนที่มีศีลเสมอตัว

ตัวอย่างเช่น...
ชายหญิงคู่หนึ่ง...ฝ่ายชายเจ้าชู้มาก...ทำผิดศีลอยู่ประจำด้วยการนอกใจภรรยาตนเอง...เสมอ
และมีผู้หญิงมากหน้าหลายตา..เข้ามาในชีวิต โดยใช้กลวิธีหลอกล่อ หลากหลายรูปแบบ
ซึ่งอาจทำไปแบบรู้ตัว หรือไม่รู้ตัว...ก็ไม่อาจทราบได้...
แต่..ฝ่ายชายนี้..ไม่เพียงแต่ทำผิดข้อกาเมฯ อย่างเดียวเท่านั้น..สิ่งที่ทำผิดตามมา ด้วย คือ การโกหก-มุสาวาทา...
และทำเป็นประจำเสมอๆ...โดยไม่คิด ไม่เชื่อ ไม่พิจารณาว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นถูกหรือผิด...

เมื่อมาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง..ที่ตั้งมั่นในศีล..แต่ก็ตกหลุมพลางที่ชายคนนี้ขุดไว้...
แต่ก็สัมพันธ์กันได้ไม่นานก็ต้องหลุดออกไป...เพราะฝ่ายชาย..มีระดับศีลที่ต่ำกว่า...
ก็ไปคลุกอยู่..กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน...ซึ่งน่าจะมีศีลในระดับที่ไม่แตกต่างกัน..เพราะหญิงนี้ก็ทิ้งสามีตนเองมา...

...
จากกรณีตัวอย่างนี้...ที่ดิฉัน พี่เขียว และพี่หน่อยน้อย..คุยกันในประเด็นนี้
หากเราพิจารณากันดีดี..จะพบว่าเรื่องทำนองนี้เริ่มมีมากขึ้นในสังคมไทยเรา...
การแอบมีกิ๊ก..การมีชู้ การนอกใจ..การ..อะไรอีกมากมาย
ที่คน..ทำแล้วไม่รู้สึกว่าตนเองทำผิด...หากหาเหตุมาสนับสนุนการกระทำของตนเองว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นถูก...

จึงน่าจะเป็นเรื่องที่โง่เขลา..ที่เรามักตามไม่ทัน..เหตุที่เกิด...
ดังนั้นบางคนอาจได้รับบางสิ่งบางอย่าง..เช่นหน้าที่การงานตกต่ำ..ชีวิตตกต่ำ
ทำอะไรก็ไม่เจริญ...นั่นอาจเป็นผลพวงแห่งส่วนที่ทำไม่ดี..นั้นก็ได้...

...............................................................................................................................
ทุกวันนี้
ดิฉันก็ยังคงเชื่อ..และเชื่อ และตั้งมั่นในความดี...และการทำความดี
ทุกวันนี้..คิด พิจารณา..มีสติตั้งมั่นมากขึ้น...
พยายามพิจารณา..ว่าสิ่งที่เราทำนั้นอาจพลาดทำผิดไป...
และเมื่อทำพลาดผิดไป..หากรู้ตัว..หรือรู้แล้ว..ก็ต้องรีบแก้ไข...
เพื่อที่จะไม่ต่อกรรมไม่ดีนั้นต่อไป...เหมือนเป็นการตัดวงจรความชั่วนั้นออกไป...
ให้เร็วที่สุด...โดยการพิจารณาให้เห็นถึง "ความจริงแท้"...

เราทุกวันนี้...มักพูดเสมอว่า..ตนอยู่บนพื้นแห่งความจริง..
หากแต่อยากให้เพิ่มพิจารณาอีกหน่อยว่า..จริงที่ว่านั้น คือ ความจริงแท้หรือความจริงเทียม...
หากเราทำได้...ปัญหา..ต่างๆ ..โดยเฉพาะทางด้านจิตใจนั้นก็น่าจะน้อยลดลง...ได้

 

หมายเลขบันทึก: 68463เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2006 20:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 12:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (38)

ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปนฺนหิเตน วา

เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปฺปลํว ยโถทเกติ

ความรัก เมื่อเกิด ย่อมเกิดเพราะอาศัยสาเหตุ ๒ อย่าง คือ เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน หรือเพราะการเกื้อกูลกันปัจจุบัน...

เปรียบประดุจ...

ดอกอุบลหรือดอกปทุมเป็นต้น เมื่อเกิด ย่อมเกิดเพราะอาศัยสาเหตุ ๒ อย่าง คือ อาศัยเปลือกตมด้วย อาศัยน้ำด้วย จึงเกิดในน้ำ....

ฉันใด ฉันนั้น ฯ

แวะมาศึกษาหาความรู้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ผมยังเชื่อสัจจธรรมของ "ความเหมาะสม" และ "การลงตัว" อยู่ครับ

บางอย่างดูไม่ถูกแต่ก็ไปได้นาน

บางอย่างถูกต้องแต่ก็แยกกันไป อยู่ไม่นาน

เพราะปัจจัยหลายๆอย่าง ในจุดสัมผัส (ทุกมิติ) ไม่ลงตัวกันนั่นเอง

ความเหมาะสม ทั้งจุดสัมผัสและความเชื่อมโยงในกลไกลึกๆ ทำให้เกิดความผูกพัน และพี่งพา ได้ยาวนาน

อย่างอื่นผมไม่มั่นใจ

....เป็นธรรมดาของชีวิตคนนะคะ ไม่ว่าใคร เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้กับใครก็ได้คะ อย่างข้าพเจ้าก็เคยผ่านชีวิตที่ทุกข์ระทม มาแล้วคะ การมีชีวิตคู่ถือว่ากำลังสร้างทุกข์ด้วยกันเนื่องจาก กรรม ของแต่ละคนจะคอยเพิ่มพูน บ่วงกรรม ให้บังเกิด ทวีคูณมากยิ่งขึ้น บ่วงกรรมนี้ ก็จะพันพัวกันไปทุกชาติภพ หรือไม่งั้นถ้าเราทนไม่ได้ที่จะทำกรรมร่วมกันต่อไปก็จะเป็นการ ตัดกรรม การตัดกรรม ก็คงจบสิ้นในชาติภพนี้ แต่มันจะยังคงติดตัวท่านไปทุกๆ ชาติภพ กลายเป็นคนที่ยังเข้ามาพันพัวในชีวิตท่านในชาติหน้า ดังนั้นอะไรก็ตามในชาตินี้ที่ได้ทำร่วมกัน ก็ขอ อโหสิกรรม นะคะ และเมือพ้นบ่วงกรรมในชาตินี้ แน่นอนคะ เราจะไม่ได้พบกับสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการเลย ขอให้ทำจิตใจให้ดีงาม คิดดี ทำดี แล้วสิ่งดีดี ในชีวิตจะตามมาคะ ...

@_@ คนไม่คือ อิอิ

พระพุทธเจ้าทรงให้หลักในการพิจารณาไว้ว่า

ชีวิตคู่ที่จะมีความสุขร่วมกันได้ดี ทั้งสามีและภรรยาควรมี คุณธรรมเสมอกัน 4 ประการ (สมรส 4 ซึ่งหมายถึงการเสมอกันด้วยธรรม 4 อย่าง) ได้แก่

1 สมศรัทธา =  มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีงามเสมอกันหรือในทิศทางเดียวกัน

2 สมศีล = มีศิล ความประพฤติดีทางกาย และ วาจา  ในระดับเท่าเทียมกันหรือใกล้เคียงกัน

3 สมจาคะ  = มีความเสียสละในระดับใกล้เคียงกัน รู้จักแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้อื่น

4 สมปัญญา = มีปัญญาเสมอกัน สามารถสื่อสารกันได้เข้าใจดี


ฉะนั้นถ้าคนที่หลุดไป ไม่สามารถมี คุณธรรม 4 อย่างนี้ในระดับเดียวกับที่เรามี  เราน่าจะดีใจมากกว่าเสียใจ  เพราะชีวิตคู่ที่เป็นสุขนั้นคงเป็นไปได้ยากกับคนที่มีคุณธรรม  4 อย่างนี้ที่แตกต่างจากระดับที่เรามี

 

แวะมาเก็บเกี่ยวค่ะ   โดยส่วนตัวก็เชื่อเรื่องศีลเสมอกัน  เช่นกันค่ะ

     การรักษาศีลเปรียบเหมือน "การรักษาวินัย" แค่ศีล 5 ข้อ คนไทยก็ยังรักษากันไม่ค่อยได้ แล้วจะหวังเรื่องปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมได้อย่างไร
    เรานับถือศาสนาพุทธกันในนาม  แต่การปฏิบัติตามคำสอนในศาสนาเราละเลยกันจนเป็นเรื่องธรรมดา  จนคนพูดกันติดปากว่า
     "ทำอะไรตามใจคือไทยแท้"
     เท่ากับประจานเราว่าเป็นคนไม่มีวินัย  เอาแต่ตัวเอง(จะพูดว่าเห็นแก่ตัวก็แรงไป) จึงขาดจิตสาธารณะ  ทำอะไรตามกระแส  เหยาะแหยะไม่จริงจัง  ฯลฯ
       คนประเภทนี้มีคุณลักษณะไม่เอื้อต่อการพัฒนาบ้านเมืองและสังคมอย่างยิ่ง
       ผมเชื่อว่าถ้าคนส่วนใหญ่รักษาศีลแค่ 5 ข้ออย่างบริสุทธิ์ สังคมเราน่าอยู่ที่สุดเลย  นี่แหละคือสวรรค์  ไม่ต้องไปเรียกร้องหาสวรรค์วิมานที่ไหมอีก
      อยากให้จุดประกาย คุยเรื่องนี้กันบ่อยๆ
      
  • ไม่ต้องกลัวค่า พี่ Ka-Poom คนทำดี ก็ย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดีค่ะ
  • ส่วนคนที่ทำไม่ดี ก็จะได้รับผลของการกระทำเช่นกัน
  • สู้ๆ ค่าพี่ เป็นกำลังใจ และอยู่ข้างความถูกต้องเสมอค่ะ

สวัสดีค่ะ..น้องกะปุ๋ม

  • มันเป็นเรื่องของคนค่ะ...คนที่มีกรรมที่เขาทำมาประกอบ...อาจเกิดในชาตินี้หรือชาติหน้า..ก็สุดแท้แต่เวรกรรมจริงๆค่ะ.
  • การอยู่เป็นคู่..ต้องมีความอดทนสูงและปล่อยวางด้วย
  • อย่าเพิ่งมองชีวิตคู่ในทางร้ายนักนะคะ...ส่วนที่ดีก็มีมากค่ะ

คุณไม่แสดงตน...(58.147.118.214 ) 

ขอบคุณนะคะที่เข้ามาต่อเติม...และนำสิ่งดีดีมาแบ่งปัน...

 (^____^)

กะปุ๋ม

อ.จันทรรัตน์...

ขอบคุณนะคะที่แวะมา...คือการแบ่งปันเรื่องดีดี...ที่ควรเล่าสู่กันฟังคะ...

(^____^)

กะปุ๋ม

ดร.แสวงคะ...

กะปุ๋มคิดว่า...จริงๆ แล้วด้วยเหตุเรื่องนี้อาจอธิบายได้หลายฐานแนวคิด...แต่ในประเด็นนี้กะปุ๋มนำฐานทางด้านศีลธรรมและความดีงาม...ทางด้านพุทธศาสนามาอธิบาย.... แม้บางครั้งก็อาจอยากที่ให้เหตุผลในเชิงวิทยาศาสตร์...แต่บางอย่างก็สามารถที่จะบอกได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล...

หากยิ่งเรียนรู้มากกว่านี้...ก็น่าจะเข้าใจมากขึ้น...ใน"ชีวิตและมนุษย์"...และการดำรงอยู่อย่างที่เป็นอยู่ของคน...ที่เป็นคน...ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอาศัยความเพียรของตนเองคะ...

ขอบคุณท่านมากนะคะ...ที่มาสอนเพิ่มเติม...

(^______^)

กะปุ๋ม

 

คุณ thaibannok...

การอโหสิกรรมนั้นเป็นสิ่งที่เราพึงทำ...

การเห็นคนทำความดี...เราก็ควรจะอนุโมทนาสาธุ...

การที่เราเห็นคนทำไม่ดี...เราก็ควรจะอภัยและเมตตา...

...

สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว...นั่นก็คือ เกิดขึ้นแล้ว...และเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว...เราก็เพียงแค่ "รู้"....ว่า อ้อ!! นี่เกิดขึ้นแล้ว....

(^______^)

ขอบคุณนะคะที่แวะมา

กะปุ๋ม

สวัสดีคะ...ดร.กานดา 

ขอบคุณนะคะที่นำมาแบ่งปัน...ต่อยอดเพิ่มเติม..

หากเราพุทธศาสนิกชน...ตั้งมั่นในศีลและธรรม

สังคม..ที่เป็นอยู่ก็อาจจะไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้นะคะ..

เพราะสังคม..ที่ดี..นั้นมาจากครอบครัวที่ดีด้วยคะ...

(^____^)

 

คุณหนิงคะ...

กะปุ๋มก็เชื่อและศรัทธา...ในศีลธรรมคะ..

(^____^)

กะปุ๋ม

สวัสดีคะ...อ.เธศ...

(^____^)

ขอบคุณมากคะสำหรับการแลกเปลี่ยนที่เพิ่มเติม..สาระ ประโยชน์ให้...ดีใจคะที่ท่านแวะมา...

กะปุ๋มมองว่าเรา...ช่วยๆ กันพูดและคุยเรื่องนี้...กันบ่อยๆ...ก็น่าจะดียิ่ง...เหมือนเราต้องใส่ปุ๋ย พรวนดิน..ต้นไม้ให้เจริญงอกงาม...อยู่ประจำนั่นแหละคะ...

เราไม่ต้องรอว่าเราต้องเข้าวัดก่อน..เราต้องปฏิบัติธรรมก่อนถึงจะพูดเรื่องเล่านี้ได้...จริงๆ แล้วเรื่องเล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นอยู่ใน..ชีวิต...เราทุกวัน

....

อ่านความเห็นอาจารย์แล้ว...ทำให้รู้สึกขอบคุณมากๆ เลยคะ...ที่มีคนมองเรื่องนี้ไปในแนวทางเดียวกันคะ...ว่าเราควรมีการพูดคุยกันในเรื่องความดีงามนี้

ขอบคุณคะ

กะปุ๋ม

 

น้องไออุ่น...

ขอบคุณนะคะที่แวะมา...พร้อมหอบกำลังใจมาหอบใหญ่เลย...พี่กะปุ๋มสบายดีคะ...

....

ทุกวันนี้ที่ทำงานเรามักคุยเรื่อง..."ธรรม"ชาติ...ของชีวิตและมนุษย์คะ...

พี่เห็นว่า...เรื่องนี้เมื่อมีคนถาม..ก็เลยเล่า..พอเล่าแล้วก็น่าจะบันทึกไว้ด้วย...เพื่อแบ่งปันคะ...

(^____^)

กะปุ๋ม

สวัสดีคะพี่ติ๋ว...

ขอบคุณนะคะที่มาต่อเติม...ลปรร.

เข้ามาอ่านเจอแล้วยิ้มๆ เลยคะ...

กะปุ๋มน่ะ...มีความรักค่ะ...และไม่เคยปฏิเสธชีวิตคู่..คะ..แหม..สงสัยพี่ติ๋วกลัวน้องสาวคนนี้อยู่เป็นโสดเหรอคะ...

(^___^)

 

 

มาเยี่ยม...ชื่นชมคุณ...และแนวคิดทุกท่านครับ

การตัดผัสสะคือการตัดกรรม...

ท่านพุทธทาส  ภิกขุ  อธิบายไว้ครับ

สิ่งที่เข้ามาหาเราถ้าเรารู้ว่าเป็นสิ่งดี...แต่เราไม่รู้วิธีผูกไว้

สิ่งนั้นจะจางหายไป...ตามกาลเวลา...ฮา ๆ เอิก ๆ

ขอบคุณครับ...

ขอบคุณครับ ที่นำธรรม มาเป็นอาหารสมองในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ผมเฃื่อในเหตุปัจจัย ธรรมทุกอย่างนั้นมีเหตุปัจจัย
น้องกะปุ๋มขา..ใช่ค่ะ...กลัวไม่ยอมแต่งงานค่ะ
กะปุ๋ม...เราชาวพุทธ...ต้องละอายเกรงกลัวต่อบาปทั้งในที่ลับและที่แจ้งค่ะ...แม้พี่จะไม่ธรรมะธรรมโมนัก...แต่ สิ่งที่กล่าว...เป็นหลักในการดำเนินชีวิตค่ะ
      ผู้หญิงคนหนึ่ง..ที่ตั้งมั่นในศีล..แต่ก็ตกหลุมพลางที่ชายคนนี้ขุดไว้....แต่ก็สัมพันธ์กันได้ไม่นานก็ต้องหลุดออกไป...เพราะ ฝ่ายชาย..มีระดับศีลที่ต่ำกว่า...ก็ไปคลุกอยู่..กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน...ซึ่งน่าจะมีศีลในระดับที่ไม่แตกต่างกัน..


      เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมมากมายเหลือเกินค่ะ  เห็นด้วยกับคุณกะปุ๋มที่หยิบยกมาพูดถึง   เรื่องเหล่านี้เราต้องช่วยกันปลูกฝังตั้งแต่ครอบครัว  สถาบันการศึกษา    ธรรมะน่าจะเป็นสิ่งที่เราควรพูดถึงให้เป็นความเคยชิน  แต่เดี๋ยวนี้เวลาพี่ให้นักศึกษาไปอบรมธรรมะ   นักศึกษาล้วนแต่บ่นว่าน่าเบื่อ  ยังไงเรามาช่วยกันนะคะ  พี่ขอเป็นแนวร่วมด้วยอีกคนนึง
  • กะปุ๋มครับ
  • ผมฝากบล็อกสักสองสามวันนะครับ
  • ขออนุญาตรบกวนและขอบพระคุณล่วงหน้าครับ...

มาสนับสนุนคุณกฤษณาค่ะ กลัวน้องไม่ยอมแต่งงานเช่นกัน  อิอิ

ท่านอาจารย์ umi คะ...

ขอบคุณอาจารย์มากคะ...ที่เข้ามาต่อเติม..

กะปุ๋มเชื่อในเรื่องความดี...และการยึดมั่นในศีลธรรมคะ...

แม้ว่า...บางครั้งอาจเผลอทำผิดไปโดยไม่เจตนา...ในสิ่งที่พลาดไปนั้น..เราก็ต้องไปใช้ให้หมด...แต่ส่วนที่เหลือ..ก็แก้ไขและทำสิ่งที่ดีต่อไปคะ...

(^___^)

กะปุ๋ม

อ.ดิศกุลคะ...

สิ่งที่อาจารย์เชื่อ..คือสิ่งที่กะปุ๋มตั้งมั่นเช่นเดียวกันคะ..

(^___^)

ขอบคุณนะคะที่อาจารย์แวะมา

กะปุ๋ม

พี่ติ๋วจ๋า...

กะปุ๋มเข้ามายืนยันคะ...ว่าน่าจะแต่งนะคะ...รอเวลาที่เหมาะคะ..ตอนนี้กำลังอาลัยความโสดอยู่คะ..อิอิ...

เมื่อเราเจอคนที่เสมอศีลเสมอกัน...ทำอะไรก็ย่อมทำให้ชีวิตเรารุ่งเรือง...และสามารถร่วมกันผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้คะ...

(^____^)

ขอบคุณสำหรับความห่วงใยคะ

กะปุ๋ม

พี่จิ๊บจ๋า...

กะปุ๋มก็ไม่ได้ธรรมะธัมโมมากหรอกคะ...แต่ยึดมั่นในศีลธรรมคะ...

ที่อยู่..มั่นมาจนทุกวันนี้เพราะเชื่อในศีล..และการทำดีคะ...

(^___^)

กะปุ๋ม

อ.ลูกหว้าคะ...

เราคุยกันบ่อยๆ...ย่อมนำสู่สิ่งที่ดีนะคะ...แม้ทุกวันนี้จะไม่ค่อยมีใครคุยกันเรื่องนี้..หรือบางคนอาจหัวเราะขำขำ..ในเรื่องที่เราคุย...แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี...ที่เราสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง...อย่างไม่งมงาย...หากแต่ด้วยปัญญาที่เรามีอยู่...

ขอบคุณนะคะที่แวะมาทักทายกัน

(^___^)

กะปุ๋ม

อ.จอห์นคะ..

กะปุ๋มก็ไม่ได้เข้ามา gotoknow หลายวันเหมือนกันคะ..เพิ่งมาเจอความเห็น...แต่ก็ยังแวะไปเยือน blog ของท่านอยู่นะคะ...

(^____^)

กะปุ๋ม

(^_____^) พี่หนิงคะ...

ขอบคุณนะคะสำหรับความห่วงใยคะ...กะปุ๋มมักโดนต่อว่าคะว่าเลือกมาก...ที่จะมีแฟน...แต่จริงๆ แล้วไม่เคยเลือกเลยคะ..คิดแต่ว่าเมื่อเราเจอคนที่ใช่...ก็คือคนที่ใช่คะ...โดยเฉพาะคนที่ใช่ตามที่ ดร.กานดาว่าไว้น่ะคะ...

พระพุทธเจ้าทรงให้หลักในการพิจารณาไว้ว่า

ชีวิตคู่ที่จะมีความสุขร่วมกันได้ดี ทั้งสามีและภรรยาควรมี คุณธรรมเสมอกัน 4 ประการ (สมรส 4 ซึ่งหมายถึงการเสมอกันด้วยธรรม 4 อย่าง) ได้แก่

1 สมศรัทธา =  มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีงามเสมอกันหรือในทิศทางเดียวกัน

2 สมศีล = มีศิล ความประพฤติดีทางกาย และ วาจา  ในระดับเท่าเทียมกันหรือใกล้เคียงกัน

3 สมจาคะ  = มีความเสียสละในระดับใกล้เคียงกัน รู้จักแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้อื่น

4 สมปัญญา = มีปัญญาเสมอกัน สามารถสื่อสารกันได้เข้าใจดี

....

ขอบคุณนะคะสำหรับความห่วงใย

(^____^)

กะปุ๋ม

คุณ"คริสตจักรความหวัง กำแพงเพชร"...

สุขสันต์วันคริสต์มาสคะ...(^___^)....

ขอให้มีความสุข...ผ่านสิ่งต่างๆ และเจอสิ่งที่ดีงามในชีวิตนะคะ...

ขอบคุณนะคะที่แวะมา...

*^___^*

กะปุ๋ม

 

สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ

มีความสุขนะค่ะ

หนาวแล้วดูแลตัวเองนะคะ

คุณกัลปังหาคะ...

Merry Christmas & Happy New Year ... 2007 คะ..

ขอบคุณนะคะสำหรับปลาน้อยที่น่ารัก...

(^___^)

ขอให้มีความสุขเช่นเดียวกันนะคะ

กะปุ๋ม

หลายบันทึกกล่าวถึง "ปัจจุบันขณะ" และอีกหลายบันทึกก็กล่าวถึงเรื่องของ "ภพ" "ชาติ"

ลึก ๆ แล้ว บางคนหวังผลใน "ภพหน้า" บางคนยังเสียใจกับการกระทำของ "ภพที่แล้ว" และบางคนก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่ดีขึ้นกว่าเดิมใน "ภพนี้

สำหรับผมแล้ว การกระทำใด ๆ ก็ตามกระทบคนอื่นเสมอ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และด้วยความแตกต่างทางความคิด ก่อให้เกิดความแตกต่างทางการกระทำ สิ่งที่เราทำได้ คือ เปลี่ยนแปลงตัวเราเอง แล้วโลกจะเปลี่ยนตามเรา(โลกของเรา)

หากเราพยายามที่จะเปลี่ยนโลก โลกจะต่อต้านเรา ว่าไปก็เหมือนหลักฟิสิกส์เลยนะครับ (แรงกิริยา-แรงปฏิกิริยา) 

ความจริง เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงกันมาก ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมเข้าใจถูกไหม สำหรับผม
ความจริง - ไม่สวย
ความจริง - ไม่อร่อย
ความจริง - ไม่หอม
ความจริง - ไม่เพราะ
และ
ความจริง - ไม่ทำให้เรารู้สึกดี
เฮ้อ แต่ความจริงของผม ทำให้หลายคน ".งง"

หลายครั้งเราบอกว่า "ชีวิตเรา เราเป็นคนเลือก" บางครั้งก็บอกว่า "เราเลือกแล้ว และกำลังทำความเข้าใจว่าทำไมเราเลือก"

 

สวัสดีค่ะ...คุณ
P

การที่คนเราเริ่มมองย้อนหลัง...และแลไปข้างหน้า...เพื่อกลับมาย้อนทำสิ่งที่เป็นปัจจุบันนั้น...ย่อมให้สามารถอยู่ในสภาวะที่เป็นอยู่ได้ดียิ่งกว่าการ...ปล่อยคล้อยไปตามสิ่งที่มากระทบอย่างหวั่นไหว...

ภพหน้า...หรือภพหลัง..ยากมากที่จะรู้ได้อย่างประจักษ์ แต่ก็มีผู้รู้...ที่ได้บอกและชี้ทางไว้ให้แล้ว...เพื่อให้เรา..ได้ไปพบเจอตามเส้นทางนั้น...

....

ชอบมากเลยที่คุณบอกว่า..คนเรานั้นพยายามเปลี่ยนโลก..จริงแท้แน่นอนเลย...สิ่งนี้แหละจึงทำให้เราทนอยู่ในสภาวะแห่งความพยายามที่จะเปลี่ยนนั้นไม่ได้...

แต่หากเมื่อไรที่คนเราหันกลับมาเปลี่ยน (โลก)เรานั้น...แล้วโลกทั้งโลกก็ย่อมจะเปลี่ยนไปตามเรา.....งงยิ่งกว่าไหมคะ...^__^

ขอบคุณนะคะที่แวะมา

(^____^)

กะปุ๋ม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท