เมื่อวันที่ 16-17 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา ผมได้ไปช่วยพี่ชายขนของ เพื่อย้ายจากบ้านหลังหนึ่ง ไปอีกบ้านหลังหนึ่ง เพื่อจะสร้างบ้านใหม่ มีของที่ใช้อยู่มากมาย เนื่องจากอยู่มากว่า 30 กว่าปี
ผมก็คิดอยู่ในใจเหมือนว่า ของทั้งหมดนี้นำมาใช้จริงหรือเปล่า หรือว่าเก็บไว้เฉย ๆ พอพูดถึงเรื่องการจัดของเตรียมย้าย พี่สะใภ้ผมก็บอกว่า ของบางอย่างควรจะทิ้งบ้าง
แต่พี่ชายผมบอกว่า ของทุกอย่างไม่ควรทิ้ง ควรจะเก็บไว้ทั้งหมด เพราะว่าของทุกอย่างสะท้อนถึงประวัติความเป็นมาของตัวเอง ซึ่งอยากจะเก็บเป็นอนุสรณ์เตือนใจ ของบางอย่างมีคนที่เคารพนับถือ รักใคร่ ชอบพอ ให้มา ในต่างวาระ ต่างกรรมด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ก็เป็นความทรงจำ สะท้อนถึงว่า เราได้ระลึกถึงบุคคลเหล่านั้น ก็เลยอยากจะเก็บของเหล่านั้นไว้ก่อน
แต่ในมุมมองอีกมุมหนึ่งของพี่สะใภ้ ก็มองว่า ของบางอย่างที่ไม่ใช้ก็ควรจะทิ้งไป เพื่อให้บ้านดูโล่งและดูสะอาด
ก็เลยมีความคิดอยู่สองมุมว่า ควรจะทิ้งหรือเก็บ ก็เลยมาตามใจพี่ชายว่า ก็คือว่า ของขาด ๆ ที่นอนเก่า ๆ หมอนเก่า ๆ ก็ยังเก็บไว้เหมือนเดิม แล้วก็พี่ชายผมก็มาพูดกับผมว่า เหมือนแม่ของผมที่เคยเก็บของเก่า ๆ หรือเสื้อเผ้าเก่า ๆ ไว้ให้ เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนความทรงจำ ว่า ชีวิตเราได้ผ่านอะไรมาบ้าง เป็นการเตือนความจำอะไรต่างๆ ซึ่งก็เป็นข้อดีนะครับ
เพราะฉะนั้น ก็เลยมีแนวคิดว่า ของทั้งหมดที่เรามีอยู่นี้ เราควรจะเก็บ ๆ ไว้ทั้งหมดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเรา รู้จักบุญคุณคน ได้ผ่านชีวิตมา มีประวัติ มีความเตือนใจ ทรงจำดี ๆ มีความรู้ หรือมีอะไรอยู่ในนั้น ซึ่งเราควรจะเก็บไว้ หรือว่าเราควรจะทิ้ง ๆ ไป และเก็บไว้เฉพาะส่วนที่จำเป็นต้องใช้
อันนี้ก็เถียงกันไม่จบหรอกครับ แต่ในที่สุด ผมก็ต้องได้มาขนของหลาย ๆ เที่ยวล่ะครับ ของมันเยอะมาก ช่วยใน 2 วันนี้ ล่ะครับ และคาดว่าอีกสัปดาห์ จะเสร็จหรือไม่ ก็ยังไม่ทราบ
เพราะของที่ช่วยกันขนย้ายเยอะมาก ใช้ทั้งรถบรรทุกใหญ่ และรถบรรทุกเล็ก ลองคิดดูนะครับ กับของเก่า ที่เราควรจะทิ้งหรือควรจะเก็บ มันเป็นข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรครับ
ฝากเป็นข้อคิดเพื่อเสนอแนะเข้ามา เป็นอีกมุมมองหนึ่งนะครับ ขอบคุณครับ...
ออตเลือกหลายวิธีครับ