กักตัวอยู่กับบ้านตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด มีเวลาได้อ่านหนังสือหลายเล่ม
“ประวัติการศึกษาไทย” ของอาจารย์พงศ์อินทร์ ศุขขจร อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยครูจันทรเกษม เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมได้อ่าน ซึ่งท่านเขียนเล่าเรื่องการศึกษาของไทยไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2512 ทำให้เข้าใจเรื่องการศึกษาบ้านเราได้มากขึ้น ผมเกรงว่าหนังสือเล่มนี้จะสูญหายไป ก็เลยนำข้อเขียนของท่านมาแบ่งปันกันอ่าน โดยเลือกเฉพาะเหตุการณ์สำคัญๆมานำเสนอ และแบ่งเป็นตอนๆไปครับ
-----------------------------
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงสนพระทัยในด้านการศาสนาเป็นอันมาก นอกจากทรงสร้างและปฏิสังขรณ์วัดที่สำคัญ ๆ หลายวัด เช่น วัดอรุณราชวราราม เป็นต้น แล้วยังโปรดให้เริ่มทำพิธีวัน
วิสาขบูชาขึ้น โปรดให้ทำสังคายนาการสวดมนต์ให้ถูกต้องตามอักษรและสังโยค ครุ ลหุ ทุก ๆ สูตร และโปรดให้พระสงฆ์ออกไปสืบสวนเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา ณ ประเทศลังกาด้วย ส่วนเรื่องการสอบไล่พระปริยัติธรรม โปรดให้แบ่งชั้นการสอบให้ละเอียดยิ่งขึ้นกว่าเดิม คือให้มี 9 ประโยค ผู้ที่สอบได้ 3 ประโยค เรียกว่าเปรียญตรี ผู้ที่ได้ 4-5-6 ประโยค เป็นเปรียญโท และผู้ที่ได้ 7- 8 -9 ประโยค เป็นเปรียญเอก หลักสูตรพระปริยัติธรรมยากขึ้นและสูงขึ้นกว่าแต่เดิม ทำให้มาตรฐานความรู้ทางภาษาบาลีสูงขึ้นด้วย
พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 2 ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ บันทึกไว้ว่า “ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ไม่มีการรณรงค์สงครามสิ่งไร เวลาเช้าเสด็จออกทรงปรนนิบัติพระสงฆ์และว่าราชการแผ่นดินเหมือนอย่างแผ่นดินในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เวลาบ่าย 5 โมงเสด็จออกฟังรายงานบ้าง ทรงพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์บ้าง อิเหนาบ้าง แล้วก็ทรงธรรม ครั้นจบธรรมเทศนาแล้ว พระสงฆ์ถวายพระพรลา แล้วก็เสด็จออกประทับพระที่นั่ง เจ้านาย และขุนนางเข้าเฝ้าทุกเวลา ว่าราชการบ้างเล็กน้อย พอย่ำยามก็เสด็จขึ้นทอดพระเนตรละคร”
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ฯ ทรงเป็นศิลปินชั้นเยี่ยม โปรดวิชาช่างฝีมือเป็นอันมาก โดยเฉพาะการแกะสลัก ฝีพระหัตถ์ในทางสลักไม้ที่ยังคงเหลืออยู่ให้เราเห็นจนกระทั่งทุกวันนี้ คือบานประตูพระวิหารวัดสุทัศน์ เป็นศิลปะอันสูงส่งที่หาผู้เสมอเหมือนได้ยาก ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนาฏศิลป์ แบบฉบับละครรำซึ่งสืบเนื่องมาแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ถูกดัดแปลงแก้ไขให้งดงามสง่ายิ่งขึ้นกว่าแต่เดิมเป็นอันมาก ทางด้านอักษรศาสตร์และวรรณคดีทรงเป็นกวีที่สำคัญพระองค์หนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือสำคัญต่าง ๆ ไว้หลายเรื่องด้วยกัน เช่น บทละครเรื่องอิเหนา รามเกียรติ์ ไชยเชษฐ์ คาวี สังข์ทอง มณีพิชัย เป็นต้น
ในรัชสมัยของพระองค์มีรัตนกวีคู่พระบารมีหลายท่าน เช่น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สุนทรภู่ นายนรินทร์ธิเบศร์ พระเทพโมลี (กลิ่น) และพระยาตรัง ในเวลาเย็นมีการประชุมบรรดานักปราชญ์ราชกวีเหล่านี้ ช่วยกันแต่งวรรณคดีที่สูญหายไปในคราวเสียกรุง เช่นโปรดให้พระเทพโมลีแต่งซ่อมมหาชาติคำหลวงของสมเด็จพระบรมโลกนาถที่ขาดหายไป นำเอาบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนมาแต่งขึ้นใหม่ แบ่งกันแต่งเป็นตอน ๆ และทรงปรึกษาหารือเรื่องเกี่ยวกับวรรณคดีต่าง ๆ เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงสนพระทัยในทางวรรณคดี ปรากฏว่าบทประพันธ์ประเภทกลอนเจริญถึงขีดสุดในรัชกาลนี้ สุนทรภู่เป็นผู้นำเอาสัมผัสในเข้ามาใช้กับกลอนทำให้ไพเราะขึ้นมาก
การศึกษาทั้งด้านพุทธิศึกษา ตามวัดมีผู้สนใจศึกษาเล่าเรียนกันมากขึ้น จะเห็นได้ว่ากวีคนสำคัญ ๆ ในสมัยนั้นสำเร็จการศึกษาจากวัดแทบทั้งสิ้น สุนทรภู่เรียนหนังสือที่วัดชีปะขาวในคลองบางกอกน้อย พระเทพโมลีศึกษาอยู่ที่วัดพลับ (วัดราชสิทธาราม) ธนบุรี สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ศึกษาอยู่วัดพระเชตุพน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงศึกษากับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดโมฬีโลก เป็นต้น นอกจากวิชาหนังสือแล้วก็มีวิชาเลข วิชาโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ วิชาการก่อสร้างป้อมปราการแบบยุโรปเจริญขึ้นมาก คนไทยสร้างกันเองได้ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นศักดิพลเสพเป็นแม่กองสร้างป้อมเพชรหึงที่พระประแดง พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เป็นแม่กองไปทำเมืองสมุทรปราการ สร้างป้อมประโคนชัย ป้อมนารายณ์ปราบศึก ป้อมปราการ ป้อมกายสิทธิ์ และป้อมผีเสื้อสมุทร เป็นต้น
ในด้านการต่อเรือก็เช่นเดียวกัน มีการสร้างเรือสำเภาไปค้ายังประเทศจีนและประเทศใกล้เคียงในสมัยนั้น ปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวแต่ครั้งยังมิได้เสวยราชย์ทรงตั้งโรงทานไว้ในวังสำหรับเลี้ยงอาหารพวกคนยากจนทั่วไป ถึงวันพระ พระองค์ก็ทรงปล่อยสัตว์และแจกเงินแก่คนเฒ่าคนแก่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระโสมนัสและโปรดให้ตั้งโรงทานหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวังบ้าง และจัดให้มีการทำอาหารคาวหวานเลี้ยงพระภิกษุสามเณร และข้าราชการที่ต้องมาอยู่เวรในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่บริจาคพระราชทรัพย์ เป็นทานแก่คนชราและคนพิการ เมื่อหมดเวลาก็ใช้เป็นที่แสดงพระธรรมเทศนาและสอนหนังสือวิชาการต่าง ๆ แก่คนทั่วไป ด้วยเหตุนี้ในรัชสมัยของพระองค์จึงมีสถานศึกษาเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ได้แก่โรงทานในพระบรมมหาราชวัง นอกเหนือไปจากวัด
ไม่มีความเห็น