“ใจ” ที่มีแต่หน้าที่
เพราะชีวิตนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นมิตรและศัตรูของใคร
เพราะเกิดมาเพื่อความไม่ได้ ไม่มี การไม่ถือครอง
แต่เพื่อทุกๆคน เพื่อส่วนรวม
“คำพูดของเพื่อนผู้ร่วมเป็นตายที่มิเคยปล่อยมือกันแว่วมาจากแดนไกล”
[1]
ถ้อยความที่อ่านทบทวนกลับไปกลับมาก่อนหลับตาลง ใจอบอุ่น ปลอดโปร่ง
เคยตั้งข้อสังเกตกับตนเองว่า ...
“ทุกครั้งของการข้ามฝากมาที่ลาว จะมีความสุข มีพลังใจกาย ไม่เคยมีความเหนื่อยล้าใดๆ เลย”
สรุปกับตัวเองว่า อาจเป็นเพราะพลังของธรรมชาติ และความปรุงแต่งน้อย จิตใจผู้คนยังร่มเย็นเป็นสุขอยู่มาก
จึงอย่าได้แปลกใจ
ว่า มาที่นี่บ่อยๆ เพื่ออะไร
[2]
ตื่นเช้า
กายอิ่มแล้ว การตื่นนอนจะตื่นเองปราศจากการใช้นาฬิกาปลุกใดๆ
เสียงเพลงของหัวใจธรรมชาติพัดผ่านแว่วมาตามลำน้ำโขง ...นอนฟังเพลงเสียงแห่งใจ
ฟ้าสว่าง
วิ่งไปตามเส้นทางเรียบริมน้ำของ ผู้คนมากมาย สดชื่น สดใสมาก
ฟ้างามสีทองผ่องอำไพ
[3]
แลไปอีกฝั่งหาอ้าย
พร้อมวิ่งเบาเบา...
การได้สักการะเจ้าฟ้างุ้ม คล้ายเตือนเพื่อระลึกบอกกล่าวว่า “มาถึงเรียบร้อยดี” การค้นคว้าศึกษาเรื่องราวต่างดำเนินไปด้วยความนอบน้อม
นึกถึงภารกิจของพ่อที่สถิตในดวงจิตของพวกเราพี่น้อง ไทย-ลาว ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น
วิ่งไปพิจารณาไป “ในใจ”ตน
เมื่อคืนอบอุ่นใจ คุยกับเพื่อน
ความรักความห่วงใยมิเคยน้อยลงในคำว่า “เพื่อน” ยามทุกข์ๆ ด้วยกัน แต่ยามสุขเรามิได้เน้นมากมาย
ความสุขและพลังชีวิตของฉันจึงไม่เคยหมด กัลยาณมิตรแม้มีเพียงหนึ่งก็มหาศาลเพราะจิตที่บริสุทธิ์ เป็นดวงจิตที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัด
การวิ่ง...เดิน
ปิดฉากลง เมื่อแดดจ้า
พร้อมอำลาอีกฟากฝั่ง
วันนี้น่าจะไปไกล...
ระดับ Inter เลยท่าน ดร กำลังสอง