[review] รีวิว In The Tall Grass (2019) พงหลอนมรณะ


[review] รีวืว In The Tall Grass (2019) พงหลอนมรณะ ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญลึกลับ สร้างจากงานวรรณกรรมของเจ้าพ่อนักเขียนขวัญ Stephen King ที่ฉายในช่อง netflix ในเดือนตุลาคมนี้ จัดได้ว่าเป็นหนังที่ใช้โลเคชั่นน้อยแต่สร้างความลึกสยองขวัญได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

เรื่องราวของหญิงสาวท้อง 6 เดือนที่หนีแฟนไปที่อื่นอันห่างไกลโดยมีน้องชายขับรถให้ เมื่อเดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่เต็มไปด้วยผงหญ้าสูงใหญ่ท่วงศีรษะ กว้างสุดลูกหูลูกตา และมีโบสถ์ร้างหลังหนึ่ง ทั้ง 2 คนจอดรถ ในขณะจอดได้ยินเสียงของเด็กชายคนหนึ่งเรียกออกมาจากพงหญ้าให้เข้าไปช่วย ถึงแม้จะลังเลในช่วงแรก สุดท้ายแล้วน้องชายของเธอก็จำใจเดินเข้าไปและเธอก็เดินตามเข้าไปด้วย สักพักทั้งสองพลัดหลงกัน แม้จะเรียกหากันเท่าไหร่ก็ตามหาต้นเสียงของกันไม่ได้ และเมื่อเดินไปเดินมาก็พบว่าภายในพงหญ้านั้นไม่ต่างกับเขาวงกตไม่สามารถพบทางออกได้ ราวกับพงหญ้านั้นมีพลังงานบางอย่างที่น่ากลัวควบคุมเอาไว้อยู่

ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ครอบครัวครอบครัวหนึ่งประกอบไปด้วยพ่อ แม่ ลูกชายและสุนัข 1 ตัว ก็เดินเข้าไปในพงหญ้านี้เช่นกัน ต่างคนก็ต่างหากันไม่เจอ

ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น แฟนหนุ่มของหญิงสาวท้องได้ขับรถตามมาแล้วก็พบรถของแฟนสาวของเขาจอดอยู่ที่หน้าโบสถ์ เป็นรถที่จอดทิ้งไว้นานหลายเดือนแล้ว เขาได้ยินเสียงเรียกจากในพงหญ้าก็เดินตามเข้าไป

ทุกคนที่เดินเข้าไปในพงหญ้านั้น เจอกันบ้างไม่เจอกันบ้าง แต่การเจอนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เป็นเรื่องของช่วงเวลาที่ไม่เท่ากัน เป็นเรื่องของเส้นเวลาคนละเส้นเวลากัน และพวกเขาทุกคนก็รับรู้ได้ถึงความสยองขวัญที่อยู่ในผงหญ้า ความสยองขวัญที่เกิดจากอำนาจบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาไม่รู้ว่านั่นคืออะไร

ต้องยอมรับว่า Stephen King มีชั้นเชิงจากการสร้างพล็อตเรื่องง่ายแต่ทำให้ดูวือหวาได้เก่ง ใช้โลเคชั่นน้อยแต่มีประสิทธิภาพ สร้างความสยองขวัญและเล่นกับพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเก่งกาจ หากใครได้ดูภาพยนตร์ที่สร้างจากงานเขียนของเขาเช่น The shining (โรงแรมผีนรก) The mist (หมอกมฤตยูกินคน) 1408 (ห้องสุสานแตก) Misery (อ่านแล้วคลั่ง) จะพบว่ามักจะมีกลวิธีให้ตัวละครอยู่ในพื้นที่จำกัด แล้วก็ใช้บรรยากาศของพื้นที่เรื่องเล่า เรื่องราว ความเป็นมา หรือสถานการณ์คับขันที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้นเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง พื้นที่จะสร้างความสยองขวัญ สร้างความเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ สร้างความกดดันให้กับตัวละครได้อย่างถึงที่สุด กดดันตัวละครจนกระทั่งที่ว่าจากคนดีกลายเป็นคนเลว จากคนแข็งกลายเป็นคนบ้าได้เลยทีเดียว แม้ว่าหลายจะไม่มีตัวละครที่มาสร้างความสยองขวัญแต่บรรยากาศของพื้นที่ในหนังกลับกลายเป็นพระเอกของเรื่องได้ ซึ่ง In The Tall Grass ก็ทำออกมาได้อย่างไม่ด้อยกว่าเรื่องอื่นเลย

In The Tall Grass แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังสยองขวัญ ลึกลับ แต่ในหนังกลับนำเสนอให้เราเห็นว่าผู้กำกับและเขียนบทได้ใช้ปรัชญาของชื่อเรื่องมาใช้ในการเล่าหนังได้อย่างดีคือ วงจรชีวิตของ "หญ้า" ต้นหญ้าที่เกิดขึ้นจากพื้นดินใช้เวลาเติบโต แล้วก็ตายลงไป จากนั้นหญ้าก็เกิดขึ้นมาอีกแล้วตายอีก เกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ ซ้ำซาก ถึงแม้ว่าเราจะมองว่าหญ้าเป็นวัชพืชที่ไม่ต้องการการดูแล ไม่ต้องการการใส่ปุ๋ย แต่ที่แท้จริงแล้วต้นหญ้าก็ต้องการปุ๋ยด้วยเช่นกัน ปุ๋ยนั้นก็คือเกิดจากการทับถมของบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซากพืช ซากสัตว์ ซากสิ่งมีชีวิต ที่ทับถมกันมาอย่างเนิ่นนาน จนกลายเป็นปุ๋ยหมักหมมอยู่ในชั้นดิน และดินนั่นแหละจะกลายเป็นปุ๋ยชั้นดีที่ทำให้หญ้าเจริญเติบโตขึ้นมาได้

อีกจุดหนึ่งเป็นปรัชญาที่สำคัญของหนัง หรือเป็น Message ที่สำคัญก็คือ การนำเสนอเกี่ยวกับวัฏจักร ไม่ว่าจะเป็นวัฏจักรของสิ่งมีชีวิต การเวียนว่ายตายเกิด ผู้คนไม่อาจหลีกหนีหรือหลบพ้นได้ โดยเฉพาะกิเลสบางอย่าง กิเลสที่เราต่างรับรู้ว่ามันมืดดำ แต่หลายคนก็อยากที่จะสัมผัสอยากจับต้องมัน แล้วเมื่อสัมผัสกับกิเลสแล้วเราก็จะยึดติดอยู่กับกิเลส และกิเลสนี่เองทำให้เราไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดได้นั่นเอง

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้คือ Stephen King ได้ใช้เอกลักษณ์หรือลายเซ็นของเขาใส่เข้าไปในเนื้อเรื่องด้วยคือ การตั้งคำถามกับความเชื่อ ความศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระเจ้าเรื่องอำนาจหรือไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม มนุษย์เราสามารถเชื่อหลายสิ่งหลายอย่างได้ แม้จะไม่เคยเห็นว่าสิ่งนั้นมีจริง หรือไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า มอำนาจจริง หรือดลบันดาลให้เกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้จริงก็ตาม เราก็เชื่อได้อย่างโงหัวไม่ขึ้น และยิ่งเป็นความเชื่อที่เกิดจากการสั่งสมเพราะบ่มมาอย่างยาวนาน ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จากรุ่นสู่รุ่นความเชื่อนั้นก็กลายเป็นความจริงได้ในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สั่งสมถ่ายทอดไปสู่รุ่นต่อไปนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องงมงายหรือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสมอไปเช่นกัน

หนังสร้างความสยองขวัญความระทึกขวัญได้ดีในระดับหนึ่ง ในช่วงแรกดูเหมือนว่าหนังจะเล่าเรื่องวกวนไปวนมา เหมือนกับที่หลายครอบครัวเดินวนไปวนมาในทุ่งหญ้านั่นแหละ แต่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดึงให้เราเข้าสู่ข้อความสำคัญ "message" ของเรื่อง ได้ดี

หากใครดูหนังเรื่องนี้ทางช่อง Netflix ผมขอแนะนำให้ดูในระบบ Soundtrack และยิ่งถ้าหากบ้านใครมีเครื่องเสียงที่ดีใช้ระบบเสียงเซอร์ราวด์ด้วยแล้วจะสร้างความตื่นเต้นเพิ่มอรรถรสในการชมได้อย่างดีมากขึ้น เพราะเสียงเรียกของผู้คนในในพงหญ้านั้นมาจากรอบทิศรอบทาง ราวกับมีคนมาเรียกเราอยู่ทางด้านข้าง ด้านหลัง ด้านหน้า ทุกทิศทุกทางนั่นแหละ บางครั้งเสียงเรืยกนั้นทำเราสะดุ้งตกใจตัวลอยได้เลย แต่ถ้าใครไม่มีหรือใครดูผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือแนะนำให้เสียบหูฟังเลยครับ รับรองว่ามีสะดุ้งตกใจหลายจังหวัดเลยนะ

แต่ก็มีจุดที่ทำให้เรารำคาญใจได้หลายจังหวะ เช่นการเล่าเรื่องที่ช้า มีปรัชญา หรือ message ที่ซับซ้อน หลายคนอ่านตีความหรือเข้าใจได้ยาก ซึ่งแม้แต่ผมเองก็ไม่อาจยืนยันอย่างชัดเจนได้ว่าที่ผมตีความไปนั้นตรงกับ Message ที่ทางผู้กำกับ คนเขียนบทหรือนักเขียนตั้งใจไว้หรือไม่ เพราะดูแล้วมันก็เหมือนกับเป็นปลายเปิดทำให้เราคิดและตีความไปได้ต่าง ๆ นานา

อีกจุดหนึ่งคือพฤติกรรมของตัวละครหลายตัว ดูแล้วช่างอึดอัดรำคาญใจ ดูไปก็ตั้งคำถามว่า ทำไมต้องทำอย่างนั้น ทำไมต้องทำอย่างนี้ ทำไมไม่ทำอย่างนั้นล่ะ อ้าวทำแบบนี้ทำไมวะ เป็นแบบนี้ตลอดเรื่อง

นักแสดงหลายคนเล่นดี แต่ที่ยกเครดิตให้เป็นอย่างมากและถือเป็นแม่เหล็กสำคัญของหนังก็คือ แพทริก วิลสัน นักแสดงนำที่เป็นขาประจำหนังสยองขวัญอย่าง The Conjuring ที่เล่นเป็น เอ็ด และลอร์เรน วอร์เรน สามีนักปีศาจวิทยา และจาก Insidious เมื่อเขาเล่นเรื่องนี้รัศมีดาราสยองขวัญก็ใช้แสงออกมาอย่างเต็มที่ สีหน้าแววตาและท่าทางของเขาดูไม่น่าไว้วางใจ และสร้างพลังให้กับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

กล่าวโดยสรุป In The Tall Grass เป็นภาพยนตร์สยองขวัญระทึกขวัญ ที่ใช้บรรยากาศ เสียงและพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดในการหลอกหลอนผู้คนได้เก่งกาจ สร้างจังหวะหวาดกลัวตื่นเต้นได้ไม่น้อย อีกทั้งยังสอดแทรก ปรัชญา สัญลักษณ์เอาไว้ในเรื่องจำนวนมาก เราจะสนุกสนานไปกับการตีความไปพร้อมกับการสยองขวัญได้อีกด้วย

7/10

วาทิน ศานติ์ สันติ

#MovieStation #สถานีหนัง

#หนังผี #หนังสยองขวัญ #หนังระทึกขวัญ

#หนังลึกลับซับซ้อน #หนังที่สร้างจากนิยายของสตีเฟ่นคิง #หนังสยองขวัญจากnetflix #netflix

หมายเลขบันทึก: 670160เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2019 06:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม 2019 06:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท