ปี 2539 ก่อนเปิดเรียนในหลักสูตร M.Ed (Guidance and Counseling) ได้ไปเรียนสมาธิของท่านโกเอ็นก้า ทำให้ได้ฝึกอยู่กับความเงียบ ค้นเข้ามาในกายตามดูความรู้สึก จุดเริ่มจาก The top of the head...จุดกึ่งกลางของศีรษะ
ปี 2544 เข้าเรียนหลักสูตร Ph.D สาขา Psychology of Counseling ปีแรก ทุกวันพูดคุยกับ Advisor วิชาการไม่มาก คุยกันแต่เรื่อง “รู้สึกอย่างไร และคิดอะไร” —-แยกความคิดและความรู้สึก
ปี 2545 ไปเรียน M.Nurse สาขา Administration of Nurse ได้เริ่มรู้จัก Cause effect factor แบบ direct กับ indirect นำไปเทียบเคียงกับ “อิทัปปจยตา” ทุกอย่างที่มาสัมพันธ์กับชีวิตเรามีทั้งทางตรงและทางอ้อม
—- และรู้เพิ่มว่า คนเรามีศักยภาพในการเรียนรู้อย่างมหาศาล เพราะผ่านการทดลองพิสูจน์ด้วยตนเองว่า เรียน สองหลักสูตรในห้วงเวลาเดียวกันได้
ปี 2548 เข้าเรียน Ph.D สาขา Education of Technology สนใจเรื่องการสร้างความรู้ของมนุษย์ review ของฝรั่งแทบตาย แต่มาจบลงตรงที่ สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา—-How to สามอย่างนี้บวกกับทักษะ สุ จิ ปุ ลิ จะทำให้ผู้คนสร้างความรู้และมีปัญญาได้ พิสูจน์มาแล้วมากกว่า 2562 ปี ฝรั่งยังรู้ตาม
*ปี 2549 นำสิ่งที่ได้เรียนรู้มา มาทดลองใช้กับผู้คนผ่านเครื่องมือ KM และ R2R
เพิ่มเติม
ปี 2548-2554 เริ่มวิ่ง “จับกายจับจิต” เท้าขวากระทบพื้น “พุทธ” ซ้ายกระทบบ้าง “โธ” ตามดูอาการเจ็บปวดของกายขณะวิ่ง และเริ่มศึกษาธรรมะตามสายวัดป่าอย่างเอาจริงเอาจัง ณ วัดป่าบ้านตาด/วัดป่าหนองไคร้
ปี 2554 เริ่มเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ “โกนผม รักษาศีลแปด ทานมื้อเดียว—-อุบาสิกา” มีบทเรียนมากมายทำให้เข้าใจเรื่อง Authentic Learning และเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจิต Transform เร็วมาก
เครื่องมือที่ใช้กับตนเองตลอดคือ Self-Reflection เขียนทุกวันเลย
เห็นข้อความสงสัยที่ว่า
“พูดถึงอาจารย์ด้วย ว่าไม่รู้จัดการเรียนการสอนยังไง. คนทำงานมีเป้าหมาย มองเห็นทิศทางการทำงานและเดินตามทางนั้นอย่างมีความสุขทุกวันเลย “
เช้านี้จึงลองใคร่ครวญตนเองอีกครั้ง
ก็การเรียนรู้ฝึกฝนที่ผ่านมาเป็นดั่งเครื่องปรุงอาหารที่มาผสมผสานกัน ออกมาเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ไม่ต้องเป็นแพทเทิร์นตามหลักการทฤษฎี แต่ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่สามารถเรียนรู้ได้
#SelfReflection
ไม่มีความเห็น