เปลี่ยนเป็น DPT จะดีไหม (ภาคสอง)


บันทึก เปลี่ยนเป็น DPT จะดีไหม (ภาคสอง) 

     สองวันนี้ได้พบเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาเอกที่อเมริกา ทั้งสองคนกลับมาทำงานสอนที่มหาวิทยาลัยในไต้หวัน คนละเมือง จริงๆมาครั้งนี้คือมาเป็น speaker ใน seminar ที่ไม่ได้จัดโดยกายภาพบำบัด แต่ไหนๆก็มาแล้วเลยติดต่อบอกเพื่อนว่าขอมา Follow up เรื่องการเปิด DPT ในไต้หวันว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว หลังจากที่เคยมาถามเค้าเมื่อสองปีก่อนและเขียนบทความไปแล้วตอนนึง 

     คุยกันเสร็จทั้งแบบนำเสนอ ppt เป็นทางการ และคุยไปขำไปตอนทานข้าว สรุปกับตัวเองว่าดูเหมือน NTU จะทุ่มสุดตัวกับการเปิด DPT ตอนนี้นักศึกษารุ่นแรกของเค้าขึ้นปีสามแล้วโดยรุ่นแรกนี้เปิดโอกาสให้เลือกว่าจะเรียนโปรแกรม 4 ปีหรือ 6 ปีก็ได้ และนักศึกษา 90% ก็เลือกเรียนแบบ 6 ปี ครูก็ใส่เกียร์เดินหน้าไปทางนั้นทั้งโรงเรียน โดยอีกสองปีจะเลิกรับนักศึกษาแบบ 4 ปีแล้ว เป็น DPT 6 ปีอย่างเดียว เค้าบอกนี่ยังช้า (คนไต้หวันทำอะไรเร็วเสมอ) เพราะอีกโรงเรียนในไทเปชื่อ National Yang Ming University นี่รับ DPT 6 ปีอย่างเดียวมาสามปีแล้ว ปิดหลักสูตร 4 ปีไปเลยใจเด็ดจริงๆ 

     ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนของเพื่อนอีกคนที่ได้ไปเยี่ยมคราวนี้ใน TaiChung ฟังดูก็อยากเปลี่ยน แต่ด้วยการปรับนี้ยังกล้าๆกลัวๆ (คือน่าจะกลัวไม่มีนักเรียน) เลยรอให้สองมหาวิทยาลัยนี้ได้บัณฑิตจบและมีการปรับกูฏระเบียบหลายๆอย่างออกมาก่อน แต่ทิศทางดูว่าอาจจะปรับตามกันอยู่

     เหตุผลหลักที่ไต้หวันปรับเป็นหกปีก็คือต้องการมี Direct Access ซึ่งตอนนี้คนจบสี่ปีของเค้าไม่มี และอันนี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลเดียวกับที่อเมริกาปรับเป็น DPT เพราะเค้าต้องการรับคนไข้ตรงทั้งประเทศ (ดูเหมือนว่าใกล้ความจริงแล้ว) อย่างที่สองคือเพราะเนื้อหาการเรียนมันเกินสี่ปีไปเยอะ ยัดเข้าไปในสี่ปีมันไม่ไหว และสามคือการมีระบบที่เท่าทันกับประเทศอื่นๆในโลก 

      ถ้าดูสามสาเหตุหลักนี้ ของไทยเราคงเป็นเหตุผลที่สองของเค้าคือเนื้อหาในหลักสูตรของเรามันล้นเกินสี่ปี สกอ.กำหนดว่าปริญญาตรีสี่ปีเราออกแบบได้ตั้งแต่ 120-150 หน่วยกิต เราเห็นได้เลยว่าหลักสูตรกายภาพบำบัดเกือบทุกมหาวิทยาลัยของไทยทำหลักสูตรเกิน 140 แตะๆ 150 หน่วยกิตกันทุกแห่ง สอนแบบเร่งยัด แถมชั่วโมงฝึกงานก็คูณสามคูณสี่ ทำให้นักศึกษาของเราเรียนกันแบบระบมศีรษะมาก ไม่ต้องหวังจะปิดเทอมหรืออะไรทั้งสิ้น สอบเสร็จหลังคริสตมาส เปิดปีใหม่ก็ขึ้นเทอมใหม่เลย 555 ครูก็บ่นเหมือนกัน จริงๆความเห็นคือเรียนสี่ปีก็ได้ถ้าไม่นับสามสิบหน่วยที่ต้องเรียนวิชาศึกษาทั่วไปที่สกอ.บังคับ (ซึ่งมันคือสองเทอม) โดยสรุปพีทีเอาหลักสูตรห้าปีมายัดเหลือสี่ปีนั่นเอง ผ่าม!!! 

     ส่วนอีกสองเหตุผลคือเรื่อง direct access อันนี้ต้องกราบพี่ๆรุ่นก่อนที่บุกเบิกไว้ให้เราค่อนข้างดี เรามีอิสระพอสมควรในการรับคนไข้ แม้จะติดขัดอยู่บ้างในการทำงานในระบบราชการแบบเจ้าขุนมูลนาย (แพทย์รู้ทุกเรื่อง) แบบเก่าๆอยู่บ้าง ก็ไม่ได้มากมายนัก เพราะเห็นเย็นลงน้องข้าราชการออกไปทำคลินิกทำ home visit ก็ไม่ได้ต้องมารับคำสั่งรับส่งต่อแพทย์สักกะนิด ส่วนน้องที่ทำคลินิกเองก็อิสระจนบางทีพี่ก็อยากหรี่ตาข้างนึง แล้วบอกว่าต้องระวังมากๆนะคะน้อง screen ดีๆว่ารักษาได้หรือเปล่า คนไข้เป็นภาวะที่เรารักษาได้จริงไหม (บางครั้งฟังเค้าเล่าแล้วอยากส่งชีทเรียน differential diagnosis ให้พีทีบางคลินิกทาง Kerry มากเลย)

     เหตุผลสุดท้ายว่าก้าวทันโลก ตัวเองก็ไม่ค่อยซื้อเท่าไหร่ เพราะแต่ละประเทศก็มีระบบของตัวเอง ยังไงเราก็ไม่ต้องเหมือนอเมริกาหรอก เพราะนั่นเค้ารับคนจบปริญญาตรีมาเรียน DPT ไม่ใช่เด็กมัธยมอย่างเรา ส่วนประเทศที่ทำ BPT ได้ดีก็มีเยอะแยะไป 

      มามองที่เมืองไทย ตอนนี้มีครูจากหลายมหาวิทยาลัย ไปลองเรียน tDPT online course ดูว่าต้องมีอะไรเพิ่ม ที่จบแล้วก็มีอยู่ เช่นผู้เขียนนี้เอง มีการนำคอร์ส online มาเปิดให้ลงทะเบียนที่มศว. แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าทั้งหมดจะขยับกันไปทางไหนดี จะรวมกันหรือจะทิ้งกันต่างคนต่างทำดีก็ยังไม่แน่ใจ เพราะจริงๆถ้าจะเปิดก็เขียนหลักสูตรแล้วเปิดได้เลยถ้าครูจบ PhD มาอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ DPT มาเปิดหรอก อันนี้ครูที่อเมริกาบอกมานานแล้ว (เค้าคงสงสัยว่าเราโดนฝรั่งหลอกให้เรียน 555) 

      ฟังเสียงตอบรับแผ่วๆก็มีคนอยากเรียนต่อเป็น DPT อันนี้หมายถึงคนที่เป็น PT อยู่แล้ว และมีคนสนับสนุนให้ปรับหลักสูตรเป็นหกปี ก็มีอยู่มาก แต่ที่ยังกังวลก็เยอะ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง ถ้าปรับเป็นหกปีควรมีอะไรเพิ่ม แน่นอนคือองค์ความรู้ที่ทำให้เราดูแลคนไข้แบบ autonomous ได้ดีขึ้น เช่น Differential Diagnosis, Diagnostic Imaging, Pharmacology และเพิ่มทักษะ life-long learning โดยเฉพาะการใช้ Evidence based practice รวมทั้งทักษะ Management ต่างๆ ซึ่งตอนนี้มหิดลซึ่งกำลังปรับหลักสูตรที่จะใช้ปี 2562 ก็พยายาม warm up ด้วยการอัดทุกสิ่งอย่างพวกนี้เข้าไปในหลักสูตรสี่ปีอยู่

     นึกแล้วก็เหนื่อย ที่จะเอาเนื้อหาหกปีมายัดใส่สี่ปี เปิดหกปีซะเลยดีไหมนี่ 

     ประมาณว่า ไปต่อไม่รอแล้ว 5555 

     จบดีกว่ากลัวโดนด่า

 อ่านตอนแรกได้ที่  http://www.gotoknow.org/posts/626203

หมายเลขบันทึก: 658795เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2018 20:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม 2018 20:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท