Hi-Rock / เมืองผีเสื้อ



         คนสมัยผมถือเป็นรุ่นที่โชคดีในหลายเรื่อง ที่พอจะยกตัวอย่างได้ชัด ๆ คือ เราเป็นในยุคเปลี่ยนผ่านจากระบบ อนาลอก มาสู่ยุคดิจิตัลเต็มรูปแบบ คนยุคเราเกิดมาในยุคสถานีโทรทัศน์(ช่อง3) เปิดสถานีเวลา 15.00 น.ในวันปกติจันทร์-ศุกร์ จำได้ว่าพอเปิดสถานีเขาจะเอาเพลง "เราสู้" มาเปิดที่ร้องว่า บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อไม่ใช่เบา.... ต่อจากนั้น ช่อง 3 จะเปิดรายการโดย หนังจีนกำลังภายใน ขอบอกผมนี่ติดหงอมแหงมเลย 555 จากนั้นผมก็จะสลับไปเปิดดูช่องนั้นช่องนี่ตามอารมณ์ แน่นอนว่าสมัยก่อนโทรทัศน์ไม่ได้มีรายการตลอดทั้งคืนเหมือนสมัยนี้ ตอนนั้นจำได้ว่าสถานีส่วนมากจะปิดสถานีตอน 5 ทุ่ม หนังที่หมายถึงภาพยนตร์ สื่อหลักที่จะได้ดูไม่ใช่ ทางทีวีแน่นอน และก็ไม่ใช่โรงหนัง แต่มันคือ หนังกลางแปลงซึ่งจะเวียนมาฉายในวัดเป็นส่วนใหญ่ สลับกับสถานที่อื่นตามแต่เจ้าภาพจะจ้างมา หรือเขาจะมาขายยา(สารพัดสรรพคุณ)ก็แล้วแต่ สมัยนั้นก่อนที่จะฉายที่ไหนจะมีรถเครื่องเสียงกับดปสเตอร์มาแปะบอกเวลา สถานที่และเรื่องที่จะฉายพอให้คนรู้ พอถึงวันฉายนี่บรรยากาศโคตรสุดยอด มันมีเสน่ห์ มีความประทับใจที่เรากำเงิน 180 บาท ไปซื้อตั๋วหนังเพื่อเข้าไปดูในโรงแล้วไม่มีทางได้

          ถ้าจะเล่าเรื่องอดีตนี่ สามวันก็เล่าไม่หมด มาวกเข้าเรื่องเพลงเมืองผีเสื้อ จากวงดนตรีเฮฟวี่ เมทัลที่ดีที่สุดอีกวงนึงในขณะนั้น เมืองผีเสื้อ เพลงบัลลาด ที่งดงามในคำร้อง มีสัมผัสสระ วรรณยุกต์ ถ้าตั้งใจฟังพี่เป้แกร้องดีๆ จะเห็นว่า เสียงอักขระ เสียงควบกล้ำแกทำได้ดีมาก คือร้องไม่มีอู้อี้ๆ ท่อนขึ้นโน๊ตสูงก็สูงแบบแตะโน๊ตแบบสวยๆ ท่อนเสียงต่ำก็ต่ำแบบไม่แกว่ง เสียงไลน์กีตาร์เพลงนี้ต้องบอกว่า โค-ตะ-ระ งาม ตั้งแต่โทนกีตาร์ที่ปูในตอนแรกมาแบบหม่นๆ ก่อนจะสร้างเรื่องราวจนเพิ่มบีทจังหวะให้คนฟังรู้สึกหึกเหิม เหมือนกำลังจะพุ่งบินทะยานออกไปจริงๆ ก่อนจะเข้าสู้ช่วงโซโล่ที่เดาเอาว่า เป็นการ Tapping โน๊ต Arpeggio ที่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนการต่อสู้แบบชุลมุน อุตลุต วุ่นวาย และชีวิตที่ไม่ได้จบแบบ Happy Ending ด้วยเสียงโซโล่กีตาร์กับเทคนิคการใช้คันโยก ทำให้เหมือนนกปีกหักที่กำลังดิ่งลงสู่พื้น บางครั้งการฝันที่เกินกำลังของตัวเองเกินไป ก็เป็นความทุกข์แสนสาหัสที่จะพบในตอนท้าย เพราะขณะที่เรากำลังจะก้าวไปสู่ฝันข้างหน้า และเราอาจจะลืมปัจจุบันที่มีอยู่

          ผมพึ่งมารู้ไม่นานมานี่เองว่า คนอัดไลน์กีตาร์จริงแล้วคือ พี่หมู คาไลโคสโคป Moo Kalei ไม่แปลกใจเลยทำไมเพลงนี้ ไลน์กีตาร์ถึงเทพขนาดนี้ คาราวะให้กับทุกคนที่มีส่วนแต่งเพลงนี้ครับ

ครั้งนั้นยังมีเมืองๆหนึ่ง
ครั้งนั้นยังคงมีผีเสื้อโบกโบยบิน
ดูแล โบกโบยบินไม่แหนงหน่าย
ดอกไม้มากมายเบิกบาน
ครั้งนั้นเมืองยังงามกระจ่าง
พฤกษายังตระการ
ผีเสื้อเจ้ายังคอย เชยชม
เจ้ายังคอย ชิดใกล้
ดอกไม้มากมายไม่เคยเหงา

...และแล้วมีอินทรีตระหง่าน
ลัดฟ้าบินทะยาน
ยิ่งใหญ่อยู่ในสูง เกินใคร
อยู่ในใจ เจ้าผีเสื้อ
ไฝ่ฝัน บินไปสุดไกล
และแล้วเมืองที่เคยกระจ่าง
พฤกษาพลันเลือนลาง
ร่วงหล่นเจ้าบินไป ไกลเกิน
เจ้าบินไป จนเหินห่าง
ดอกไม้ มากมายหมดความหมาย

...โบกบินไปไกล แสนไกล
สุดขอบฟ้า เจ้าผีเสื้อหลงลืม
สิ่งที่เคยงดงาม
แผ่ปีกเหิรบิน ดั่งอินทรีทะยาน
ตระหง่าน โบกโบย โบกบิน
สู่ความ ยิ่งใหญ่บนฟ้า

...และแล้วเมืองที่เคยกระจ่าง
พฤกษาพลันเลือนลาง
ร่วงหล่นเจ้าบินไป ไกลเกิน
เจ้าบินไป จนเหินห่าง
ดอกไม้ มากมายหม่นหมอง
คิดถึงเมืองที่เคยได้อยู่
คิดถึงวันที่ความยิ่งใหญ่
สร้างมาแล้วทำลาย
มีความหมาย มีทุกสิ่ง
เจ้าทิ้งความงามที่เจ้าเคย
มี อยู่...

27 กรกฎาคม 2561

หมายเลขบันทึก: 657314เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2018 15:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2018 15:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท