หมู่นี้ผมต้องตอบปฏิเสธการขอให้เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิ ทางการศึกษา และตอบแบบสอบถามกรอบแนวคิดในการวิจัยเพื่อปริญญาเอกด้านบริหารการศึกษาหลายราย บางรายขอให้คนรักใคร่คุ้นเคยกับผมติดต่อผมโดยตรง ผมขอเอา อีเมล์ ตอบผู้รักใคร่คุ้นเคยที่ทำหน้าที่ติดต่อ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อคิดเห็น ดังต่อไปนี้
อ. .... ครับ
ผมได้รับจดหมาย แบบสอบถาม และซองตอบกลับจากคุณ ..... วันนี้ครับ
อ่านแบบสอบถามกรอบแนวคิดในการวิจัยแล้วผมตอบไม่ถูกครับ
อาจารย์ก็ทราบดีว่า ผมไม่เคยเรียนมาด้านการศึกษา ความเห็นของผมจึงเป็นแบบลูกทุ่ง ไม่ใช่ผู้รู้จริง ซึ่งเมื่ออ่านแบบสอบถามแล้ว ผมไม่คิดว่าเป็นหัวใจหรือแก่นของนวัตกรรมการบริหารโรงเรียน และทำให้ผมคิดต่อ (ขอประทานโทษ) ว่าเพราะการวิจัยแนวนี้กระมัง ที่ทำให้วิชาการด้านครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์ของไทยเราไม่มีผลดีต่อคุณภาพการศึกษาของเรา
ผมคิดว่า นวัตกรรมของการบริหารโรงเรียนต้องดูที่ Learning Outcome ของนักเรียน แต่แบบสอบถามนี้ไปไม่ถึง
นวัตกรรมในมุมมองของผม ต้องมาจากการปฏิบัติ ยืนยันผลจากการปฏิบัติ นวัตกรรมการบริหารโรงเรียนต้องนำไปสู่การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่แปลกใหม่ไปจากเดิม มีการทดสอบหรือวัดผลที่การเปลี่ยนแปลง (หรือการเรียนรู้) ที่นักเรียนและตัวครู ที่เสนอมาในเอกสารเป็น theoretical exercise ซึ่งผมไม่ถือว่าเป็นวัตกรรมครับ
ไม่ทราบว่าข้อคิดเห็นนี้จะมีประโยชน์ต่อคุณ …. หรือไม่
ผมเดาว่าวิธีคิดของผมคงจะไม่สอดคล้องกับวิธีคิดของท่านอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสอง ซึ่งต้องถือว่าเป็นผู้รู้และเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการศึกษา จึงนึกไม่ออกว่าผมจะทำประโยชน์ให้แก่คุณ …. อย่างไร
โดยส่วนตัว ผมไม่ให้คุณค่าต่อแบบสอบถามทำนองนี้เลย มีคนส่งมาให้ผมตอบบ่อยๆ ผมไม่เคยตอบเลย เพราะเชื่อว่าไม่มีประโยชน์ต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา และผู้วิจัยจะได้ข้อมูลที่ตื้นเขิน ไม่มีมิติที่ลึกและเชื่อมโยง จึงต้องขออนุญาตว่าขอไม่ตอบ แต่หากคุณ … ต้องการคุย เพื่อให้ได้คำตอบในเชิงลึก ผมยินดีคุยด้วยครับ อีเมล์นัดมาได้
ขออภัยที่สนองการขอร้องได้ไม่ตรงที่ต้องการครับ
วิจารณ์
เอามาเผยแพร่เพื่อแสดงจุดยืนของผม เพื่อผู้ที่ทำวิจัยแนวนี้เพื่อเป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกจะได้ไม่เสียเวลาติดต่อผม ผมเคยลงบันทึกเรื่องทำนองนี้เมื่อ ๒ ปีที่แล้ว ที่นี่
วิจารณ์ พานิช
๓ ก.ย. ๖๑
ไม่มีความเห็น