My Education : การศึกษาของข้าพเจ้าที่ควรน่าท้อถอย


My Education : การศึกษาของข้าพเจ้าที่ควรน่าท้อถอย

มีหลายคนสงสัยว่าเรียนอย่างไร ทำไมสามารถเรียนได้หลายสาขา

เมื่อกลับไปสืบค้นใน GotoKnow จึงเห็นว่ายังไม่ได้เขียนเรื่องนี้ไว้ละเอียดมากนัก แต่เวลาที่ไปเป็นวิทยากรกระบวนการตามที่ต่างๆ ก็ได้เล่าประวัติการศึกษาให้ผู้คนได้ฟังว่าตัวเองมีวิธีคิดอย่างไร

ปี 2539 จบ .ตรีก็ไม่อยากทำงาน

ทำงานพยาบาลได้ 9 เดือน จึงลาออกและไปเรียนต่อ .โททางด้านการแนะแนวและจิตวิทยาให้คำปรึกษา ไปเรียนแล้วได้ 1 เดือนถูกเรียกตัวกลับ ผอ.ไม่อนุมัติให้ลาออกแต่ให้เปลี่ยนทำเรื่องลาไปศึกษาต่อ ตอนนั้นก็คิดว่าดีเหมือนกัน แม่จะได้ไม่เสียเงินเยอะในการใช้ทุน พ่อก็เพิ่งเสียชีวิตไป แต่ข่าวลือในช่วงนั้นมากระทบว่า ตนเองเป็นสาเหตุให้ ผอ.รพ.และ นพ.สสจ.ทะเลาะกันเรื่องเกี่ยวกับอนุมัติให้ลาเรียน เพราะยังใช้ทุนไม่หมดทำให้ขัดต่อระเบียบแนวปฏิบัติ แต่ท่าน ผอ.หารือกับท่านปลัดกระทรวงสมัยนั้น ท่านว่าถ้าทาง รพ.ไม่มีปัญหา ก็อนุญาตได้

พอเข้าไปเรียนก็ตั้งใจจะเรียนให้จบภายในสองปี ซึ่งปีนั้นประมาณปี 2542 ซึ่งก็สามารถทำได้ดั่งตั้งใจจบภายในสองปี แต่ไม่มีชื่ออนุมัติจบ เมื่อสอบถามไปปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ลืมส่งชื่อเราไป ให้รอแจ้งจบเป็นในปีถัดไป แต่ตัวเองไม่ยอมเพราะเหลือเวลาและอยู่ในวิสัยที่แก้ไขปัญหาได้ ผู้บริหารคณะและเกี่ยวข้องกับหลักสูตรในสมัยนั้นก็ไม่กล้าตัดสินใจ จนนำเรื่องไปถึงท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัย ท่านให้เลขาประสานไปที่สำนักพระราชวัง ซึ่งทางสำนักพระราชวัง บอกว่าให้เป็นเรื่องการตัดสินใจของมหาวิทยาลัยได้เลย ถ้าจะเพิ่มชื่อผู้สำเร็จการศึกษาก็ไม่มีปัญหา ปรากฎว่าก็สามารถถูกบันทึกไว้ได้ว่าจบภายในสองปีด้วยผลการเรียน Excellence 

เมื่อเรียนจบก็ไปสมัครเรียนต่อปริญญาเอกในสาขาเดียวกัน ซึ่งสมัยนั้นในประเทศไทยมีไม่กี่แห่งที่เปิดสอนปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาให้คำปรึกษา (Psychology of Counseling) ซึ่งระเบียบกระทรวงสาธารณสุขออกใหม่ว่าถ้าศึกษาต่อในประเทศไทยก็สามารถต่อได้เลยไม่ต้องใช้ทุน จึงกลับไปทำเรื่องลาศึกษาต่อ ทีแรกก็คิดว่าจะไม่มีปัญหา มาเรียนอยู่เป็นเดือนทางต้นสังกัดติดต่อมาว่าให้กลับมาเพราะมีการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย และไม่อนุมัติให้ไปศึกษาต่อ แต่ท่านผู้อำนวยการฯ ท่านไม่เห็นด้วยเพราะท่านให้เหตุผลว่าท่านเป็นคนเซ็นต์อนุมัติเอง เรื่องจึงต้องไปถึงกระทรวงอีกครั้ง ซึ่งทางกระทรวงตีเรื่องกลับมาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณา แต่ในสมัยนั้นท่านผู้ว่าฯ ถูกลอบสังหาร เรื่องก็ถูกเก็บไว้ จนวันหนึ่งท่านรองผู้ว่าฯ เรียกพบ ยังจำประโยคที่ท่านพูดด้วยว่าถ้าผมอายุเท่าหนูและได้รับโอกาส ผมคงไม่เกษียณในตำแหน่งรองผู้ว่า ผมจะให้โอกาสหนูแล้วท่านก็เซ็นต์อนุมัติให้ไปเรียนต่อ

ระหว่างที่ไปเรียนปีแรกผ่านไป จึงไปสมัครเรียน .โท ครั้งที่สองอีกสาขาหนึ่งซึ่งเป็นสาขาทางด้านการบริหารการพยาบาล จึงเป็นการเรียนสองหลักสูตรในช่วงเวลาเดียวกัน คือ การเรียน .เอกใบแรกกับ .โทใบที่สอง ควบคู่กันไปเมื่อจบ .โท ซึ่งใช้เวลาในการเรียน 1 ปี 9 เดือน ก็ไปสมัครเรียน .เอกอีกครั้งที่สอง ในสาขาทางด้านเทคโนโลยี เรียนไปสักพัก ก็ถูกตามตัวให้มาสอบจบในสาขาที่ค้างคาไว้

เมื่อย้อนกลับไปมองชีวิตการศึกษาของตนเอง

ค่อนข้างยากและลำบากก็ถามตนเองว่า มีชีวิตผ่านมาได้อย่างไร

และทำได้อย่างไร แต่ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ทำตามเรื่องไปตามเหตุ มันก็เสร็จไปเป็นเรื่องๆ ความจริงแล้วก็มีหลายอย่างที่น่าจะทำให้เกิดความท้อแท้ท้อถอยในชีวิต แต่ก็ไม่เกิดก็สามารถผ่านมาได้ เป็นความทรงจำช่วงหนึ่งของชีวิต

#KaPoomLife

#บันทึกความคิด

22-09-61



คำสำคัญ (Tags): #Kapoomlife#วิถีชีวิต
หมายเลขบันทึก: 653459เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2018 17:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน 2018 17:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อาจารย์ไม่ได้มีแค่ความเก่ง แต่มีความแกร่งและมีการบริหารจัดการเวลาที่ยอดเยี่ยมมากๆค่ะ ##ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้นอกจากไม่ได้ทำ? คือสิ่งที่ได้หลังอ่านจบค่ะ ขอบพระคุณค่ะที่มาแชร์ประสบการณ์ที่น่าสนใจยิ่งนัก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท