สาเหตุที่มาเรื่อง การถ่วงพระสังข์


หลังจากนางจันทาเทวีใช้แผนหลอกสร้างเหตุอาเพทเพื่อขับไล่นางนางจันท์เทวีพระมเหสีออกไปจากวังได้ แต่ ๕ ปีผ่านไปนางจันทาก็ยังไม่ได้ตำแหน่งพระมเหสีมาครอบครองอย่างที่คิดซะที

เมื่อนั้น จันทาตัวเข็ญจะเป็นใหญ่

ยังไม่เหมือนจิตที่คิดไว้ มุ่งมาดหมายใจอยู่ไปมา

จึงเรียกสาวใช้เข้าในห้อง ปรองดองตรองตรึกปรึกษา

จะคิดฉันใดไฉนนา ให้ข้าสมจิตที่คิดปอง

ลอยเมฆเป็นเอกมเหสี อย่าให้ใครมีเสมอสอง

พระฤาสายไม่วายตรึกตรอง เศร้าหมองคะนึงคิดถึงเมีย

นางจันท์เทวียังมิตาย ดีร้ายเสนาไม่ฆ่าเสีย

แม้นว่าพระจะกลับไปรับเมีย จะเสียการเราเจ้าคิดดู

หรือว่าหอยกลายไปเป็นคน เหตุผลอย่างนี้ก็มีอยู่

อย่าได้ไว้ใจแก้ไขดู ให้สิ้นรู้เราอย่าเบาความ

จากข้อมูลนี้ ดูเหมือนว่า แม้แต่นางจันทาเองก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของพระมเหสีด้วยเช่นกัน และดูท่าว่า นางจันทาเองก็มีความรู้เรื่องเล่าโบราณอยู่ไม่น้อย ถึงขนาดรู้ว่า เรื่องที่หอยสังข์สามารถกลายเป็นคนได้นางก็ยังรู้(ทั้งๆที่๒ตายายซึ่งให้พระมเหสีอาศัยอยู่ด้วยยังไม่เคยได้ยินเลย) คนสนิทนางเลยแนะนำว่า

บัดนั้น สาวใช้ใจเพชรไม่เข็ดขาม

จึงทูลแถลงให้แจ้งความ จะครั่นคร้ามขามใจไปไยมี

แม่เรียกธิดามาสอนสั่ง ความหลังทั้งมวลให้ถ้วนถี่

เฝ้าองค์ทรงศักดิ์พระจักรี ทูลพ่อขอที่มารดร

ด้วยพระสัญญาว่าไว้ แก้ไขโดยดีกระนี้ก่อน

ซึ่งพระโศกาอาวรณ์ แม่ผันผ่อนแนมเหน็บให้เจ็บใจ

แม้นมิสมคะเนเล่ห์กล เอาด้วยเวทมนตร์ให้หลงใหล

คนดีมีถมอย่าตรมใจ ข้าได้ข่าวอยู่สุเมธา

แผนแรก นางคนสนิทแนะนำให้นางจันทาเล่าเรื่องราวในอดีตให้ธิดาของนางฟัง(นางคือสนมที่ได้ลูกสาวตามคำทำนายเดิม)แล้วให้ธิดาของนางเป็นคนขอทุกอย่างกับท้านยศวิมลแทน(เอาลูกสาวออกหน้าแทน) แต่ถ้าแผนแรกไม่สำเร็จจริง นางก็มีแผนสำรองรออยู่ คือ การทำเสน่ห์ใส่ท้าวท่าน สะกดให้หลงใหลอยู่ใต้อำาจของนางจันทาซะ ซึ่งคนมีวิชานั้นนางคนสนิทเองก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง ซึ่งนางจันทาพอใจกับแผนนี้มาก

ได้เอยได้ฟัง สมดังใจจิตอิจฉา

ร้องเรียกบุตรีจันที มา เสี้ยมสอนให้ว่าสารพัน

แล้วให้สระสรงทรงเครื่อง รุ่งเรืองเพราเพริศเฉิดฉัน

พี่เลี้ยงนางนมระดมกัน ผัดพักตร์ดังจันทร์เมื่อวันเพ็ญ

แต่งลูกแล้วแต่งตัวนาง ชำระสระสางให้ปลั่นเปล่ง

แสนสาวชาวแม่แซ่เซ็ง รีบเร่งอุ้มพาธิดาตาม

มาถึงซึ่งที่พระบรรทม ชื่นชมในจิตไม่คิดขาม

แหวกม่านเห็นองค์พระทรงนาม ก้มเกล้ากราบงามสามลา

ทั้งพระบุตรีพี่เลี้ยง นบนอบหมอบเคียงเรียงหน้า

แล้วจึงสะกิดพระธิดา พยักหน้าเข้าไปให้ใกล้องค์

นางจันทาพอใจในแผนการมาก จึงเรียกลูกสาว ซึ่งชื่อว่า จันที ออกมาเล่าเรื่องราวแต่หนหลังให้ฟัง และสอนวิธีพูดบทพูดให้ลูกจนเสร็จสรรพ แล้วจึงอาบน้ำแต่งตัวหน้าตาให้ดีทั้งแม่ลูก แล้วให้บรรดานางในอุ้มลูกตามนางไปเข้าเฝ้าท้าวยศวิมลในทันที เมื่อเข้าเฝ้านางก็ส่งสัญญาณให้ลูกเริ่มตามแผนการ

เมื่อนั้น พระทรงธรรม์รัญจวนครวญหลง

เห็นลูกโฉมฉายก็อายองค์ ผันพักตร์สบตรงนางจันทา

ขวยเขินเมินเช็ดชลนัยน์ เคืองใจมิใคร่จะดูหน้า

บ่ายเบือนเยื้อนทักพระธิดา รับมาวางตักพระพักตร์เชย

จูบพลางทางคิดถึงหอยสังข์ กรรมตามแต่หลังนะลูกเอ๋ย

เป็นคนจะได้ไว้ชมเชย ลูกเอ๋ยพี่น้องจะครองกัน

มิให้พ่อแม่ได้ลำบาก พลัดพรากวิโยคโศกศัลย์

จึงถามธิดาวิลาวัณย์ แม่ขวัญเมืองมาจะว่าไร

เมื่อนั้น นวลนางจันทีศรีใส

จำคำมารดาที่สอนไว้ ถือใจไม่รู้ว่าขุ่นเคือง

ทูลว่าประสาทารก หยิบยกข้อความตามเรื่อง

บิดาว่าไว้จะให้เมือง ราวเรื่องระบือลือชา

ลูกเกิดเพริดพลัดเป็นสตรี ไม่ควรที่สมบัติวัตถา

จะขอที่ประทานให้มารดา ให้เลื่องชื่อลือชาสถาวร

แทนที่แม่หนีไปจากวัง แต่งตั้งแทนตนแม่คนก่อน

ยกหน้าข้าบาทประสาทพร แม่ก่อนบิดาอย่าอาลัย

เมื่อโหรเขาว่าเป็นกาลี ชั่วดีอื่นพอจะเลี้ยงได้

เลือดก้อนออกแล้วก็แล้ว ไป ร้องไห้ใครรู้จะดูแคลน

โอ นางจันทาสอนลูกดีนี่หว่า เด็กๆยังไม่รู้ว่าเรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูด แต่นางก็สอนให้พูดจนได้ ทำหยิบยกว่าตัวลูกเกิดมาเป็นหญิงจะไม่ได้บัลลังก์ก็ไม่ว่า แต่ขอให้แต่งตั้งแม่ตัวเองขึ้นเป็นมเหสีแทนองค์ก่อน ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่ความคิดของเด็กแน่ๆ

ฟังลูก เจ็บปวดดังถูกหลาวแหลน

ใครสอนให้ว่าเจรจาแทน มั่นแม่นตัวกูพอรู้ทัน

ยิ่งกว่าลูกเล็กเด็กน้อย ตะบอยสาระวอนทุกสิ่งสรรพ์

เหน็บแนมแกมกลปนกัน เด็กนั้นว่าได้เมื่อไรมี

ความหลังแต่ยังไม่เกิดมา มันว่าทั้งมวลเป็นถ้วนถี่

สอนบ้างหรือไม่เล่าอีเหล่านี้ กาลีกาลำมารำพัน

หรือหนึ่งแม่แสนงอนเจ้าสอนลูก เรียนผูกเรียนแก้ช่างแปรผัน

เป็นกรรมจึงจำจากกัน ทุกวันเหมือนเงาอยู่วาวแวว

เว้นแต่จะจับไม่ถูกต้อง คนมันคอยปองพระน้องแก้ว

ได้ทีที่ทางว่างอยู่แล้ว สอนลูกแก้วมาให้พาที

น้อยหรือน้ำใจใหญ่หลวง โจมจ้วงเอาดวงพระสุริย์ศรี

กูไม่ให้ปันอีจันที เจ้าของเขามียังมิตาย

สิ้นเคราะห์จะรับเจ้ากลับมา แม่นางจันทาเจ้าอย่าหมาย

จงพากันไปให้สบาย ลูกเต้าบ่าวนายบรรดามา

ดูท่า ท้าวยศวิมลท่านจะเดือดจัดซะแล้ว และยังบอกเป็นนัยๆอีกว่ารู้ด้วยว่าใครสอน จึงประกาศออกมาเลยว่า ยังไงตำแหน่งนี้ยังไงก็ไม่ยกให้นางจันทาแน่ๆ เพราะนางจันท์ยังไม่ตาย(ไม่รู้ว่าคิดเอาเองว่ายังนางไม่ตายรึส่งคนไปสืบมาจนพอรู้ข่าวบ้างแล้วนะ)

เมื่อนั้น จันทาเสียวไส้อยู่ในหน้า

เสียใจทูลไปด้วยปัญญา อนิจจาเคราะห์ร้ายให้อายคน

นั่งอยู่ดีดีก็มีโทษ ได้โปรดซักไซ้ให้เห็นหน

วอนมาเฝ้าองค์ทรงสกล ให้คนพลอยผิดนางคิดดี

ลูกเต้าน่าแค้นมันแสนงอน ใครสอนอย่าบอกออกมานี่

บนบานเจ้าไว้เมื่อไรมี หยิกตีเท่าไรก็ไม่จำ

เก็บเอาเขาพูดที่ไหนไหน ทูลให้ติดต่อเป้นข้อขำ

นี่ใครสั่งสอนฉะอ้อนคำ เที่ยวจำเค้ามูลมาทูลเอง

ไม่จ้วงไม่เจิ้นให้เกินหน้า มันว่าออเซาะไม่เหมาะเหม็ง

เมื่อพระสัญญาว่าไว้เอง จึงครื้นเครงไปเขาได้ยิน

ใครมองปองล้างมเหสี เฆี่ยนตีซักไซ้เอาให้สิ้น

แล่เนื้อเกลือทาให้กากิน มันเป็นเสี้ยนแผ่นดินจะไว้ไย

ใครได้ชิงชังนางยอดสร้อย เมื่อไปก็พลอยน้ำตาไหล

อาภัพกลับกลายหายไป จัดแจงแต่งให้ทุกสิ่งอัน

ฟังคำ ชอกชอกหมกมุ่นหุนหัน

เห็นจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แดกดันเล่นได้เป็นไรมี

กระนั้นนานไปจะใช้ทุน เจ้าทำบุญคุณมเหสี

รักใคร่ตกใจไปไยมี ตัวดีอยู่แล้วก็แล้วไป

อีจันทีไม่มีใครสอนสั่ง มันชั่งต่อติดประดิษฐ์ได้

จริงอยู่สัญญาว่าไว้ ลูกใครเป็นชายจะให้วัง

นางแม่จะแร่เอายศถา ใครได้สัญญามาแต่หลัง

ไม่รับกลับเถียงเสียงดัง แฝงหลังบังเงากูเข้าใจ

ยังไม่ทันได้ยศศักดิ์ ฮึกฮักลิ้นลมคารมใหญ่

ดูเหมือนเพื่อนกันหรือฉันใด ไสหัวลงไปอีใจพาล

นางจันทาได้ยินก็ใจไม่ดีเลยรีบออกตัวโยนไปที่ลูกว่า ลูกสาวตัวเองไปจำคำใครที่ไหนมาพูดตนก็ไม่รู้ไม่เคยสอนด้วย ห้ามแล้วก็ไม่ฟังทำทีว่าคนที่พูดให้ลูกตนได้ยินเป็นกบฏต้องลงโทษ พร้อมลำเลิกว่าตอนนางจันท์เทวีจากไปตนเองก็เสียใจ แต่ท้าวยศวิมลก็รู้ทันอยู่แต่ไม่มีหลักฐาน จึงแกล้งสวนไปว่า ถ้ารู้ว่าทำตัวถูกแล้วก็แล้วไป อย่าร้อนตัวถ้าไม่ได้ทำ ส่วนเรื่องที่เคยประกาศเรื่องรัชทายาทนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องที่จะแต่งยศตำแหน่งให้คนเป็นแม่นั้นตนไม่เคยพูด ขนาดยังไม่ได้ตำแหน่งยังใหญ่ซะขนาดนี้ถ้าได้ตำแหน่งแล้วจะใหญ่ขนาดไหน

ฟังตรัส สะบัดพักตร์ควักค้อนแล้วตอบสาร

ผิดแผกเปล่าเปล่าไม่เข้าการ แกล้งพาลพาโลโกรธา

เพราะคิดถึงเมียจึงเสียใจ มิรับมาไยใครเขาว่า

แม้นเกิดกลีมีมา ยากเย็นเป็นข้าคนอื่นไป

ต้องขับต้องไล่ไสหัว ไม่รู้ตัวว่าโกรธาข้าโทษใหญ่

ยั่งยืนว่ากลืนแก้วไว้ ขับไล่ยิ่งกว่าเป็นกาลี

แค้นด้วยลูกเต้ามาเข้าท้อง จองหองแอบพักตร์ศักดิ์ศรี

ต่อเป็นผู้ชายจะได้ดี เสียทีเลี้ยงเปล่าไม่เข้ายา

จะใคร่หักคอใส่หม้อฝัง แต่ยังแดงแดงไม่แข็งกล้า

ยังชั่วตัวตีนมันมีมา คิดว่าหอยสังข์สิจังไร

แต่นางจันทาก็ยังไม่ยอม เถียงตอบกลับไปอีกชุดใหญ่ หาว่าท้าวท่านหลงคิดถึงนางจันท์เทวีจนมาเที่ยวพาลใส่ชาวบ้าน แล้วยังตอกซ้ำอีกว่ารู้ว่านางจันท์เทวีเป็นกาลีรับกลับมาแล้วไม่อายหรือ โกรธจนไม่รู้อะไรถูกผิดไล่นางยิ่งกว่าตัวกาลี(น่าจะหมายถึงนางจัน์เทวี) แล้วยักเอาลูกสาวตัวเองไปเทียบกับพระสังข์อีก

ได้ฟัง มืดกลุ้มคลุ้มคลั่งดังเพลิงไหม้

เหม่อีจันทาชะล่าใจ จะเกรงกลัวใครก็ไม่มี

จองหองพองขนเป็นพ้นนัก เยื้องยักแยบคายใส่สี

เพราะเกิดลูกเต้าด้วยเท่านี้ พาทีเกินตัวไม่กลัวตาย

เหมือนหนึ่งกิ่งก่าได้ทาทอง ยกย่องหัวหูดูเฉิดฉาย

มึงประจานใครให้ได้อาย แยบคายทบเทียบเปรียบมา

หัวจะปลิวไปไม่ทันรู้ มึงดูถูกเล่นเป็นหนักหนา

ฉวยพระแสงพลันมิทันช้า จันทาลุกวิ่งเป็นสิงคลี

พระฟาดฟันผิดติดทวาร บ้างล้มลุกคลุกคลานทะยานหนี

มึงอย่าเข้ามาพันอีจันที พระบุตรีฉวยฉุดยุดกร

ในที่สุด ท้าวยศวิมลก็ทนไม่ไหว คว้าพระขรรค์ขึ้นไล่ฟันนางจันทา วงเลยแตกวิ่งหนีกระจายกันไป ดีที่นางจันทีฉุดมือท้าวท่านไว้ก่อนไม่งั้นคงได้มีตายกันไปข้าง

เมื่อนั้น จันทาหนีองค์พระทรงศร

เข้าห้องโศกาอาวรณ์ ทุกข์ร้อนอดสูแก่หมู่นาง

จึงเรียกสาวศรีที่สนิท เจ้าคิดไว้เหมาะช่วยเสาะสาง

คนดีที่เจ้าว่าอย่าพราง สู้เสียสินจ้างให้ล้างอาย

ไปหาพามาเวลาเย็น อย่าให้ใครเห็นเงื่อนสาย

หยูกยาเสร็จสรรพสำหรับกาย เบี่ยงบ่ายเล็ดลอดดอดมา

นางจันทาหนีกลับมาถึงตำหนัก รู้สึกเสียหน้ามาก จึงเรียกคนสนิทเข้ามาสั่งให้เริ่มแผนสำรองได้ โดยให้พาคนมีวิชานั้นเข้าวังมาในช่วงเย็นและอย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด เสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้ นางไม่ยอมเด็ดขาด คนสนิทของนางจึงจัดแจงหยูกยาให้เสร็จสรรพสำหรับเดินทางแล้วรีบออกจากวังทันทีสืบเสาะไปหาบ้านผู้มีวิชานั้นทันที

ถึงเรือนยายเฒ่าก็เข้าไป พูดจาปราศรัยด้วยอ่อนหวาน

เที่ยวเสาะสืบมาช้านาน บุญหลานจึงพบประสบยาย

เอาลาภมาให้ใหญ่หลวง จะล่อลวงว่านั้นอย่าหมาย

แล้วค่อยงุบงิบกระซิบยาย แต่ต้นจนปลายทุกสิ่งอัน

ฝ่ายว่ายายเฒ่าสุเมธา ฟังสาวศรีว่าเกษมสันต์

เต็มใจเห็นจะได้รางวัล จึงว่าไปพลันทันใด

เจ้าหวังตั้งใจออกมาหา จะหาญหักผลักหน้ากระไรได้

ตามรู้ตามเห็นจะเป็นไร พอแก้ไขได้อย่าปรารมภ์

ว่าพลางทางผลัดผ้านุ่ง หยิบถุงย่ามยากับผ้าห่ม

ออกจากประตูแล้วดูลม เห็นสมดังใจแล้วไคลคลา

เมื่อไปถึงเรือนของแม่หมอเฒ่าซึ่งชื่อว่า สุเมธา นางก็จัดแจงเข้าไปเลียบเคียงเอาใจยายเฒ่าทันที แล้วจึงบอกแผนการทั้งหมดให้ฟัง ฝ่ายยายเฒ่าเองเห็นว่างานนี้มีรางวัลก็เต็มใจ จัดแจงผลัดผ้านุ่งใหม่ ก้าวออกจากประตูแล้วดูลม เห็นเป็นฤกษ์มงคลสมใจแล้วจึงเดินทาง พอถึงวังใน นางคนสนิทลอบมองดูเห็นว่าในตำหนักปลอดคนจึงพายายเฒ่าเข้าไปก้มกราบทำความเคารพนางจันทาทันที

เมื่อนั้น นวลนางจันทามเหสี

ปราศรัยด้วยยายยินดี มานั่งถึงนี่อย่าก้มคลาน

ข้าเห็นหน้ายายค่อยหายไข้ ยินดีมีใจเกษมศานต์

จงช่วยให้เสร็จสำเร็จการ ยายเมตตาหลานจะแทนคุณ

เงินทองจะกองให้ยายเฒ่า ขวัญข้าวค่ายามิให้สูญ

หยูกยาหามาพร้อมมูล จะพูนราคาค่ายายาย

เมื่อนางจันทาเห็นยายเฒ่าก็เกรงใจรีบเรียกให้ยายมานั่งข้างตัวอย่าได้ก้มคลานเลย พร้อมบอกเสร็จสรรพ หากสำเร็จตามแผนจริง นางทุ่มไม่อั้น เท่าไหร่เท่ากัน นางสู้ราคาได้แน่นอน

บัดนั้น สุเมธาแย้มยิ้มกระหยิ่มหมาย

เรียนตอบนอบนบอภิปราย ตกพนักงานยายอย่าปรารมภ์

จะให้สมดั่งจิตคิดปอง ให้พระทองมาอยู่สู่สม

ด้วยฤทธิ์วิทยาอาคม เอาให้หลงงมซมไป

เห็นชั่วดีกันในวันนี้ แม้นมิลงมาสัญญาได้

ขวัญข้าวค่ายาจะว่าไป ทิ้งลูกเสียได้เมื่อไรมี

เวลาก็ควรจวนเย็น จะทำให้แม่เห็นเป็นถ้วนถี่

แก้ย่ามยาพลันทันที หัวผีโหงพรายที่เอามา

ว่าแล้วจุดเทียนเข้าติดพาน โหงพรายลนลานหาญกล้า

ปลุกเสกด้วยฤทธิ์วิทยา มิช้าลุกขึ้นทั้งโหงพราย

ยายเฒ่าจึงลนเอาน้ำมัน ต่อหน้านางจันท์น่าขวัญหาย

ขี้ผึ้งปิดปากผีพราย ปั้นเป็นรูปกายพระภูมี

กับนางจันทาให้กอดกัน แล้วผูกพันไปด้วยด้ายผี

เอาใส่ใต้ที่นอนนางเทวี น้ำมันผีเสกใส่ในเครื่องทา

ลงชื่อใส่ไส้เทียนตาม สองยามให้หลงลงมาหา

เสกหมากพลูไว้ให้มิได้ช้า มิมาอย่านับข้าสืบไป

แล้วบอกมนตรามหาละลวย เป่าให้งวยงงหลงใหล

เพ็ดทูลเชื่อฟังดังใจ ว่าไรเห็นจริงทุกสิ่งอัน

เชิญแม่สระสรงทรงทา ตัวข้าจะลาผายผัน

เก็บหัวโหงพรายใส่ย่ามพลัน ลานางจอมขวัญไปทันที

ยายเฒ่าสุเมธีจัดแจงทำสารพัดพิธีตรงหน้านางจันทาทันที พร้อมกำหนดเวลาที่ผลจากการทำเสน่ห์จะสำแดงฤทธิ์ว่า ถึงเวลา ๒ ยาม ก็เห็นผล ถ้าไม่เห็นผลไม่ต้องมานับหน้ากันอีกต่อไปเลย(ยายแกมั่นใจในวิชาตัวเองมากๆ) แล้วจึงสอนวิชาเสกเป่ามหาละลวยให้เสร็จสรรพแล้วจึงลานางจันทากลับเรือนไป

เมื่อนั้น นวลนางจันทามารศรี

สุริยนสนธยาราตรี เข้าที่สระสางสำอางองค์

ตกแต่งทาแป้งน้ำมันยาย เฉิดฉายผิวผ่องละอองผง

หอมฟุ้งรุ่งเรืองด้วยเครื่องทรง ผุดผาดประหลาดองค์แต่ก่อนมา

แล้วจุดเทียนชัยเข้าในที่ ชุลีกรวอนไหว้ทั้งซ้ายขวา

ทรามวัยมิได้นิทรา วิญญาณ์ผูกพันมั่นใจ

เมื่อนั้น ภูวดลหม่นหมองไม่ผ่องใส

คุณยาอาคมระดมใจ ร้อนรนพระทัยดังไฟลาม

อยู่ในไสยาสน์อาสน์อ่อน ดังนอนที่ฟากขวากหนาม

ลุกขึ้นนั่งฟังฆ้องได้สองยาม ลมชวยรวยตามพระบัญชร

หอมแป้งน้ำมันของจันทา ยิ่งกว่ากลิ่นทิพเกสร

อบอาบซาบใจขจายจร อาวรณ์ใฝ่ฝันถึงจันทา

ขับไล่ด่าทอไม่พอที่ กูนี้ได้คิดผิดหนักหนา

เสงี่ยมหงิมจิ้มลิ้มทั้งกายา จะหาเปรียบแก้วตาไม่มีเลย

อีจันท์เทวีนี้ชั่วชาติ หลงคิดพิศวาสนะอกเอ๋ย

จันทาหน้านวลเจ้าควรเชย ควรร่วมเขนยเสวยวัง

ทั้งจริตกิริยามารยาท สมชาตินางในข้างฝ่ายหลัง

งามปลอดยอดฟ้าสง่าวัง ควรกูจะตั้งแต่งนาง

พุ่มพวงดวงเนตรจะน้อยใจ มิไปง้อน้องจะหมองหมาง

เสน่หาประหวัดกำหนัดนาง เงียบปรางค์ย่างย่องมองมา

ครั้นถึงแลเห็นแสงไฟ แอบแฝงองค์ไว้ไม่กังขา

เกาะเกาะค่อยเคาะทวารา แก้วตาเปิดรับพี่ฉับไว

พอเริ่มมืด นางจันทาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็จัดแจงทาแป้งและน้ำมันผีในเครื่องหอมที่ยายเฒ่าได้ให้ไว้ แล้วแต่งตัวให้ดูดีที่สุด แล้วขึ้นแท่นบรรทมจุดเทียนร่ายมนตร์ที่เรียนมาด้วยความมั่นใจอันแรงกล้า จนกระทั่งท้าวยศวิมลเริ่มแสดงอาการของคนโดนของขึ้นมา เริ่มจากนอนไม่หลับกระส่ายกระสับอึดอัด พอลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างคิดจะสูดอากาศ กลิ่นแป้งหอมผสมน้ำมันผีก็โชยมาตามลมสะกดบิดเบือนความคิดและเหตุผลของท้าวท่านจนผิดเพี้ยนไปจากเดิมแบบกลับด้านกันไปเลย จึงคิดจะตามไปง้อนางถึงตำหนักทันที

เมื่อนั้น นวลนางจันทาอัชฌาสัย

ฟังดูรู้แจ้งไม่แคลงใจ เชื่อในคุณฤทธิ์วิทยา

ดับเทียนเสียพลันมิทันนาน ชื่นบานสมมาดปรารถนา

ทำแกล้งแต่งกลมารยา ย่องมาค่อยชักสลักกลอน

แล้วกลับเข้าไปในแท่น ที่ ข้างพระบุตรีศรีสมร

ค่อยค่อยวางองค์ลงนอน นิ่งซ่อนกายอยู่จะดูที

นางจันทาได้ยินเสียงเคาะประตูก็รู้ว่าวิชาที่ยายเฒ่าให้มานั้นเป็นของจริง จึงทำทีดับเทียนแต่โดดไปคลายกลอนประตูไว้เสร็จสรรพแล้วกลับมานอนตามเดิม ท้าวญสวิมลเปิดประตูเข้ามา เห็นห้องมืดก็เลยเดินไล่ไปจนถึงเตียงที่นางนอนแล้วนั่งลงข้างๆนาง เห็นลูกสาวนอนหลับอยู่ข้างๆนาง จึงลองสะกิดดูว่านางหลับรึไม่ แต่นางแกล้งทำเป็นหลับไม่ยอมตอบ ท้าวท่านเลยอุ้มลูกออกวางไว้ข้างๆแล้วแทรกตัวเข้าไปนอนข้างๆนางจันทาแทน

เมื่อนั้น พระบุตรีภูมีโฉมเฉลา

ผวาตื่นฟื้นองค์นงเยาว์ คว้าเอาบิดาว่ามารดร

คลำหาพระเต้าเจ้าจะกิน ผิดกลิ่นตกใจร้องไห้อ้อน

ใครนี่แม่ขาเข้ามานอน แทรกซ้อนซ่อนแม่ข้าไว้ใย

แต่ปรากฏว่า ทางลูกสาวตื่นขึ้นมาพอดี(คงเริ่มรู้สึกตัวตอนถูกอุ้ม)จะกินนมแม่แต่หาไม่เจอ เจอใครก็ไม่รู้มานอนอยู่แทน(เพราะมันมืดมองไม่เห็น)เลยโวยวายขึ้นมา(ลูกนางจันทาดูแล้วอายุยังไงก็ไม่ ๕ ขวบแน่ๆเพราะเกิดหลังพระสังข์ แต่จะอ่อนเดือนรึอ่อนปีนี้ไม่ทราบ)

ฝ่ายนางจันทาอายจิต เปลื้องปลิดกรทิ้งไม่นิ่งได้

ค่อยลัดหลีกองค์พระทรงชัย กอดลูกปลอบให้เสวยนม

อดสูสาวสรรค์กัลยา กล่าวแกล้งแสร้งว่าไม่เห็นสม

ขวัญอ่อนนอนเถิดอย่าเตรียมตรม เจ้าปรารมภ์ด้วยแม่เมื่อกลางวัน

ท่านจะสังหารผลาญชีวิต หวาดจิตละเมอเพ้อฝัน

แมวคราวไต่ราวมาเป็นพัน กลัวมันกินตับจงหลับไป

หลอนพลางทางยกเอาลูกน้อย ถดถอยออกมาหาช้าไม่

เรียกสั่งสาวศรีที่ร่วมใจ เอาไปแกว่งไกวให้หลับนอน

นางจันทาอายลูก(ก็ยังดีที่รู้จักอายลูก) เลยลุกขึ้นมากล่อมลูกกินนม แต่ยังไม่วายเปรยว่าเหตุการณ์เมื่อกลางวันที่นางเกือบถูกท้าวยศวิมลฆ่าทำให้ลูกผวาจนตื่น แล้วก็กลับมาขู่ลูกให้รีบหลับอีกไม่งั้นแมวจะกินตับ จากนั้นก็ส่งลูกให้คนสนิทเอาไปไกวเปลนอน เพราะนางมีเรื่องต้องเคลียร์

เมื่อนั้น ภูวไนยมีใจสโมสร

ด้วยคุณฤทธิ์วิทยาให้อาวรณ์ ง้องอนเดินตามนางงามมา

คว้าไปไม่พบประสบน้อง ร่วมห้องเจ้าแกล้งแฝงฝา

โลมลูบรับขวัญกัลยา แก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ

ผัวผิดจึงตามมาง้องอน จะตัดรอนโกรธขึ้นไปถึงไหน

รู้ตัวชั่วแล้วแก้วกลอยใจ โมโหมืดไปไม่ทันคิด

จึงบุกลงมาสารภาพ ให้หายบาปหายกรรมที่ทำผิด

มาไปบรรทมชมชิด จะม้วนมิดซ่อนพี่อยู่นี่ไย

ผ่านเอยผ่านเกล้า จะมาเฝ้าเย้ายวนหาควรไม่

ทรพลคนชั่วกลัวภัย จึงไม่อาจใจอยู่ใกล้องค์

ศักดิ์ต่ำแล้วซ้ำเป็นคนโทษ มีโปรดโกรธกริ้วจะผุยผง

หนีทันชีวันจึงคืนคง หาไม่กลิ้งลงกับกลางดิน

ลูกน้อยจะพลอยเป็นกำพร้า น้ำตาก็จะไหลเป็นสายสินธุ์

หากปลอดทอดอยู่จึงภูมินทร์ ดัดแปลงแต่งลิ้นมาเจรจา

ถึงว่าจะตายก็ไม่คิด เจ็บช้ำน้ำจิตที่ร่ำด่า

อายคนเป็นพ้นคณนา เสด็จมาพระเดชพระคุณนัก

จนใจจะให้ไปร่วมเรียง นั่งเตียงเคียงชมไม่สมศักดิ์

จะอยู่ตามอำเภอเสมอพักตร์ พระองค์ทรงศักดิ์จงโปรดปราน

ท้าวยศวิมลจึงขอโทษนางจันทาเรื่องเหตุการณ์เมื่อกลางวัน ขอให้นางหายโกรธกลับมาคืนดีดังเดิม แต่นางจันทาแกล้งย้อนความว่าไม่เชื่อคำ ถ้านางตายไปลูก็จะเป็นกำพร้า(อ้างลูกอีกแล้ว) แต่ที่ไม่ตายอยู่นี้ก็อับอายขายหน้า จะให้นางไปร่วาเตียงด้วยนั้นเห็นทีจะไม่ควรด้วยว่านางเองไม่ได้มีศักดิ์เสมอท้าวท่าน จึงขอให้ท้าวท่านลองคิดดูก่อน ซึ่งท้าวท่านก็หลงตามไป

เมื่อนั้น จันทาดังได้ไอศวรรย์

คุณยาอาคมระดมกัน รุ่งแจ้งแสงฉันทันใด

สระสรงสำเร็จเสร็จแล้ว นางแก้วหยิบหมากที่ยายให้

ถวายแก่พระองค์ทรงชัย ภูวไนยเสวยชมเชยนาง

พระองค์งงงวยด้วยมารยา จันทาแนบชิดสนิทข้าง

ร่ายมนต์ยายเฒ่าเป่าพลาง ได้ทางทูลแอบด้วยแยบคาย

ทุกวันนางจันท์เทวี บัดนี้ลือหลากมามากหลาย

อยู่ป่าผาสุกสนุกสบาย ฉวยได้ลูกชายที่ไหนมา

พันผูกว่าลูกของภูธร ราษฎรนับถือระบือว่า

ให้อับอายขายบาทบาทา หอยที่ชั่วช้าว่าเป็นคน

แม้นมิสังหารผลาญเสีย นานไปเมียเห็นไม่เป็นผล

มันเสี้ยนพาราจลาจล นานไปใหญ่ตนจะปล้นเมือง

เมื่อเห็นว่าคงจะได้ที่แล้ว นางก็ระดมรมยาขนานใหญ่ จนรุ่งเช้านางก็เอาหมากพลูที่ยายเฒ่าเสกไว้ให้ท้าวยศวิมลกิน แล้วร่ายมนตร์อัดซ้ำเป่าเข้าไป จากนั้นจึงสร้างข่าวว่า นางจันท์เทวีอยู่ป่าแสนสบาย ไปเอาเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาอ้างว่าเป็นลูกท้าวท่านทำให้พระองค์ขายหน้า ถ้าไม่ฆ่าซะเดี๋ยวนี้ปล่อยไปมันคงได้กลายเป็นโจรปล้นเมือง(ท่าทางนางจันทาจะสืบมาจนรู้แล้วว่า นางจันท์เทวีอยู่ที่ไหน ชะรอยตายายคงจะคุยฟุ้งเรื่องที่หอยสังข์กลายเป็นคนจนเขาลือจนทั่วเป็นแน่ แต่จะโทษตายายก็ใช่ที่ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นก็ต้องมีคุยกันบ้างละน่า)

ฟังสาร ภูบาลผ่านกรุงฟุ้งเฟื่อง

เศร้าหมองต้องคุณจึงขุ่นเคือง ฟังเรื่องเห็นจริงทุกสิ่งไป

หอยหรือจะรื้อมาเป็นคน เล่ห์กลมันแกล้งแต่งใส่

พี่รู้เพราะเจ้าจึงเข้าใจ เสียแรงรักใคร่อาลัยมัน

ชะรอยได้ลูกชู้สู่หา ไม่กลัวชีวาจะอาสัญ

เอาแต่ลูกยามาฆ่าฟัน แต่แม่มันงดไว้ให้ได้ความ

เจ้าจงเป็นเอกมเหสี แต่นี้สืบไปพี่ไม่ห้าม

ให้แก่โฉมยงนงราม ว่ากล่าวเอาตามอำเภอใจ

จูบพลางทางลุกไคลคลา พักตรามัวคล้ำดำไหม้

ออกนั่งยังท้องพระโรงชัย พรั่งพร้อมล้อมไปด้วยเสนี

จึงมีโอกาสประภาษสั่ง แก่ตำรวจวังทั้งสี่

จงเร่งไปป่าพนาลี ที่จันท์เทวีมันอยู่กิน

จับเอาลูกยาไปฆ่าฟัน ใครอย่าเกียดกันผันผิน

ว่าเป็นลูกกูดูหมิ่น ผิดเภทแผ่นดินแต่ก่อนมา

หอยกลายเป็นคนฉงนใจ ที่ไหนมีบ้างมันช่างว่า

แม้นมิย่อยยับอย่ากลับมา ตามแต่จะฆ่าให้วายปราณ

บัดนั้น เสนาได้ฟังรับสั่งสาร

ลูบอกตกใจลนลาน บังคมก้มกรานคลานออกมา

ไม่เห็นว่าจะเป็นประการใด ตกใจชวนชักพยักหน้า

พาบ่าวเข้าในพนาวา เสาะหามาบ้านนางเทวี

ท้าวยศวิมลโดนสะกดจนคิดอะไรเองไม่เป็นแล้ว จึงเห็นว่าควรกำจัดพระสังข์เสีย แต่จับเป็นนางจันท์เทวีไว้เพื่อสอบสวน จึงสั่งเหล่าเสนาให้ออกตามหาที่อยู่ให้เจอ(แสดงว่าที่ได้มาเป็นข่าวลือ)อย่าได้คิดว่าพระสังข์เป็นลูกตน เหล่าเสนาได้ยินรับสั่งมาแบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าแย้งเพราะกลัวหัวจะขาดซะเอง จึงชวนกันออกตามหาที่อยู่นางจันท์เทวี

มาถึงซึ่งบ้านตายาย วางรายคนไว้มิให้หนี

ซ่อนเร้นแลเห็นนางเทวี เสนีรู้จักไม่ทักทาย

ซูบผอมผ้าผ่อนก็ปะปุ ขาดทะลุปรุโปร่งน่าใจหาย

ชะแง้แลเห็นพระลูกชาย ก็มาดหมายสำคัญสัญญา

เพ่งพิศพินิจดูรูปทรง เหมือนองค์ทรงศักดิ์หนักหนา

ลูกท่านมั่นคงไม่สงกา เราจะออกปากว่าก็จนใจ

หยอกเย้าเคล้าอยู่กับมารดา วิงวอนเจรจาปราศัย

น่ารักปากคอเป็นพ้นไป จะคิดอย่างไรไฉนดี

สงสารมารดาจะเกลือกกลิ้ง เรานิ่งให้ไปเสียไพรศรี

คิดพร้อมยอมกันทันที เสนีลัดแลงแผงกา

พอมาถึงบ้านตายายก็จัดแจงวางกำลังล้อมบ้านไว้กันหนี แล้วซุ่มดูจนเห็นพระมเหสีกับลูก พิจารณาดูแล้วก็รู้ว่าเป็นลูกท้าวยศวิมลแน่นอน จึงรอให้นางจันท์เทวีเข้าป่าไปก่อนเพราะไม่อยากให้นางเห็น

เมื่อนั้น มเหสีมีกรรมระส่ำระสาย

หาสู่ลูกเต้าทุกเพรางาย เมื่อวันอันตรายมาถึงตัว

จูบสั่งลูกแก้วแววไว อยู่ดูกาไก่พ่อทูนหัว

เสือแผ้วแมวคราวจะเอาตัว นอกรั้วกลัวมันอย่าออกไป

ปั้นวัวควายเล่นแต่ในร่ม ถูกต้องแดดลมจะล้มไข้

ลูกเอ๋ยมีกรรมก็จำไป เงินเฟื้องเบี้ยไพก็ไม่มี

ว่าพลางทางจับสาแหรกคาน จากบ้านเข้าสู่ไพรศรี

พุพองสองเท้าไม่มีดี มเหสีเกียกกายชังตายไป

มเหสีสังหรณ์ใจไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพาพระสังข์เข้าป่าด้วย คงกลัวจะหลงทาง จึงสั่งให้อยู่แต่ในบ้านจะปลอดภัย แล้วจึงเข้าป่าไป

บัดนั้น เสนีผู้มีอัชฌาสัย

เห็นนางกัลยาเจ้าคลาไคล ทำเดินเข้าไปแต่ผู้เดียว

ยืนมองร้องเรียกกุมารา ออกมาหาน้าสักประเดี๋ยว

เจ้านั่งเล่นอยู่แต่ผู้เดียว ปั้นวัวควายเปลี่ยวไม่แงะงาม

น้าเอามาฝากเป็นหนักหนา ตุ๊กตาม้าไก่อยู่ในย่าม

แต่ล้วนดีดีงามงาม ในย่ามดีกว่าของเจ้าทำ

ได้ฟัง พระสังข์หลงกลคนขำ

ดีใจไว้เนื้อเชื่อคำ ผลกรรมจะจากพระมารดา

สำคัญว่าจริงไม่กริ่งใจ หน่อไทไม่รู้ว่าหลอกหลอน

เสนีพยักหน้ากวักกร บังอรมิได้กลัวเกรง

จริงจริงหรือขาน้าจะให้ รูปร่างอย่างไรว่าเหมาะเหม็ง

ลุกวิ่งทิ้งของของเอ็ง เหมาะเหม็งอย่างไรจะใคร่แล

อยู่ไหนจะให้ก็ใส่มือ น้ารู้จักหรือกับพระแม่

ต่อเย็นจึงมาหาแก นี่มาแต่ตำบลหนใด

เสนาเห็นนางจันท์เทวีเข้าป่าแล้วจึงลอบออกมาหาพระสังข์ ทำทีว่ามีของเล่นดีๆจะให้ เรียกให้พระสังข์ออกไปเอา พระสังข์เองไม่นึกสงสัยจึงถามกลับไปเป็นชุดด้วยความฉะฉานเป็นกันเอง

เสนาเห็นงงงวยก็ฉวยมือ วิ่งฮือกันมาหาช้าไม่

พระสังข์ตระหนกตกใจ ร้องไห้เรียกหาตายาย

ตาร้องด่าพลันมิทันรู้ ใครทำหลานกูไอ้ฉิบหาย

วิ่งพันกันมาทั้งตายาย เห็นเขาวุ่นวายก็ตกใจ

ระรัวตัวสั่นดังตีปลา กลับวิ่งหนีมาหาช้าไม่

ปากตัวกูชั่วเป็นพ้นไป ด่าให้หากเขามิได้ยิน

เสนาท่านมาแต่ในเมือง ราวเรื่องเขารู้อยู่สิ้น

เรามาเลี้ยงดูให้อยู่กิน สืบสาวเอาสิ้นจะถึงใคร

เข้าในใต้ร้านฟักทอง ตาลอดสอดมองแล้วร้องไห้

สงสารหลานน้อยกลอยใจ ค่อยค่อยร่ำไรมิให้ดัง

พอทางเสนาบุกเข้าจับ พระสังข์ก็ร้องเรียกตายาย ทางตายายได้ยินก็รีบกลับมาดู รู้ว่าเป็นเสนาจากในวังมาก็กลัวความผิด แต่ก็ยังห่วงพระสังข์จึงแอบเข้าใต้ล้านฟักทองแอบดูเหตุการณ์ต่อไป

เมื่อนั้น องค์กุมารน้อยหอยสังข์

จะร้องไห้เท่าไรเขาไม่ฟัง อีกทั้งตายายก็หายไป

แม่เจ้าประคุณของลูกยา เมื่อไรจะมาแต่ป่าใหญ่

พวกเผ่าเหล่าโลนโจรไพร จับลูกทำไมไม่รู้เลย

ข้ามีแต่ผักฟักแฟง เอาไปแกงกินบ้างเถิดน้าเอ๋ย

เงินทองของดีไม่มีเลย ลุงตาน้าเอ๋ยได้เอ็นดู

แม่ข้ายากจนเป็นพ้นนัก มีแต่ฟืนผักอักโขอยู่

พลัดบ้านเมืองมาน้าก็รู้ เอ็นดูบาปกรรมอย่าทำเรา

เสนีเดินหน้าน้ำตาไหล สุดใจปากคอแล้วพ่อเจ้า

น้าใช่พวกไพรใจเบา ข้าเฝ้าเจ้านายท่านใช้มา

ให้พาตัวเจ้าเข้าไป พ่ออย่าร้องไห้ฟังน้าว่า

ปลอบพลางทางอุ้มกุมารา ขึ้นใส่บนบ่าแล้วพาไป

พระสังข์ไม่รู้จะทำยังไง ตายายก็หายแม่ก็ไม่อยู่ เลยลองเจรจาดูเพราะคิดว่าเป็นโจร อยากได้อะไรเอาไปเลย ทางเสนาจึงบอกว่าเป็นคำสั่งให้มานำตัวไป แล้วอุ้มพระสังข์ไปเลย(นี่ถ้าหอยสังข์ยังอยู่ก็คงมีที่ให้หลบมั่ง อย่างมากมันก็อุ้มหอยสังข์ไปแต่ถ้าพระสังข์ยังอยู่ข้างในมันก็ทำอะไรหอยสังข์ไม่ได้แน่)

ครั้นมาถึงวัดท้ายเมือง ลือเลื่องบกเรือเหนือใต้

หยุดพักสำนักที่ต้นไทร เอาใจปลอบโยนกุมารา

ฝ่ายฝูงหญิงชายประชาชน เกลื่อนกล่นพรั่งพรูมาดูหน้า

งุบงิบซุบซิบกันเจรจา ว่าเหมือนผ่านฟ้าเป็นพ้นไป

กำเนิดเกิดเป็นเช่นนี้ มิควรที่พระองค์จะสงสัย

แต่เรารู้แจ้งไม่แคลงใจ ดูไหนไม่ผิดพระบิดา

สงสารเวทนาน่ารัก ยังเด็กเล็กนักหนักหนา

บ้างให้กล้วยอ้อยน้อยหน่า ข้าวปลาขนมนมเนย

ฝ่ายพระกุมารชาญชัย รับของมาไว้ไม่เสวย

น้ำตาหลั่งไหลไม่เสบย น้าเอ๋ยข้าคิดถึงมารดร

ขนมท่านให้ยังไม่กิน กลับบ้านถิ่นของข้าก่อน

จะได้แบ่งปันให้มารดร อ้อนวอนเสนาให้พาไป

ท่าทางจะมีการประกาศทั่วเมืองแล้วว่าจะมีการประหารที่วัดท้ายเมือง ชาวบ้านถึงได้มารอดูกันเต็มไปหมด ชาวบ้านต่างก็ลือเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าตาแบบนี้เป็นลูกท้าวยศวิมลแน่ๆ บางส่วนก็เอาขนมผลไม้สารพัดมาแจกด้วยความเอ็นดูสงสาร

เสเอยเสนา ฟังถ้อยคำว่าน้ำตาไหล

ปลอบว่าพ่ออย่าร่ำไร เย็นหน่อยค่อยไปพนาวา

หาองค์สมเด็จพระมารดร หลับนอนเสียงบ้างฟังข้าว่า

หาไม่ก็ไม่ไคลคลา ถ้าแม้นนิทราจะพาไป

ว่าพลางทางปูผ้าผ่อน ขับต้อนคนผู้ไม่อยู่ใกล้

ล่อลวงหลอกหลอนให้นอนไป หมายใจเสนาจะฆ่าตี

อาเพศด้วยเดชกุมารา เทวารักษาพระไทรศรี

ออกช่วยป้องกันทันที เมื่อเสนีมันทุบด้วยท่อนจันทน์

พระสังข์ตกใจตื่นฟื้นผวา กึกก้องร้องจ้าไม่อาสัญ

น้าทำไมนี่มาตีรัน ขึ้งโกรธโทษทัณฑ์ด้วยอันใด

แม่เจ้าประคุณของลูกยา จะติดตามลูกมาก็หาไม่

ลูกรักจักม้วยบรรลัย โจรไพรไปลวงมาฆ่าตี

ทางเสนาหลอกว่าถ้าพระสังข์ยอมหลับจะพากลับบ้าน(แต่เป็นบ้านเก่านะ) แล้วก็ต้อนชาวบ้านออกไปห่างๆก่อนที่จะลงมือประหารด้วยท่อนจันท์ แต่เทพารักษ์ที่สถิตย์ในต้นไทรนั้นออกมากันไว้ พระสังข์ตื่นขึ้นมาก็ตกใจร้องไห้หามารดา

บัดนั้น เสนาน้ำตาไหลรี่

เหตุไรไม่ม้วยชีวี เสนีกลัวราชอาชญา

บอกว่าตัวน้าไม่ชิงชัง รับสั่งให้ลงโทษา

เป็นผลกรรมพ่อทำมา อย่าเป็นเวรากับข้าไป

ว่าพลางทางถอดหอกดาบเมียง เดินเคียงเข้ามาหาช้าไม่

พระสังข์ตระหนกตกใจ ร้องไห้เกลือกกลิ้งวิงวอน

เสนาขืนทำด้วยจำเป็น หอกหักกระเด็นเป็นสองท่อน

ดาบบิ่นสิ้นคมระทมบอน มิได้ม้วยมรณ์เร่งสงกา

เหตุไรมาเป็นเช่นนี้ เสนีตริตรึกแล้วปรึกษา

ของดีจะมีในกายา ฟันฆ่าอย่างไรจึงไม่ตาย

เห็นวิปริตผิดประหลาด รับสั่งให้พิฆาตมาดหมาย

ตามแต่จะฆ่าให้วอดวาย มิตายไม่พ้นพระอาญา

ทางพวกเสนาก็สงสัย แต่จะไม่ฆ่าก็ไม่ได้เพราะกลัวตัวเอง(อาจรวมถงครอบครัว)ต้องถูกประหาร จึงใช้หอกดาบเข้าฟันแต่กลับหักเป็น ๒ ท่อน จึงจำต้องคิดหาวิธีประหารใหม่เพราะหากพระสังข์ไม่ตาย ตนอาจต้องตายแทน(ไม่แน่ว่าในบรรดาเสนาที่จับตัวพระสังข์มานี้จะมีคนของนางจันทาแฝงมาคอยกำกับด้วย หากปล่อยพระสังข์ไปคงถูกรายงานแน่นอน ยิ่งตอนนี้ท้าวยศวิมลอยู่ใต้อำนาจนางจันทาไปแล้ว หากนางจันทาไม่พอใจขึ้นมาภัยอาจมาถึงตนได้)

เสนีคิดพร้อมยอมกัน เบิกช้างน้ำมันตัวกล้า

แก้ปลอกกรอกเหล้าแล้วเอามา มิช้าก็ไสให้ทิ่มแทง

ช้างร้องระรัวตัวสั่น งาดันปักดินดิ้นแหยง

ควาญไสเท่าไรก็ไม่แทง ยิ่งคิดยิ่งแหนงแคลงใจ

วิปริตผิดกาลกิณี ของดีจะมีก็หาไม่

บุญญาธิการชาญชัย จึงทำอย่างไรไม่ม้วยมรณ์

จำเราจะเข้าไปทูลแถลง ให้แจ้งแห่งน้ำพระทัยก่อน

เอาช้างส่งยังโรงกุญชร ผันผ่อนเฝ้าองค์พระทรงชัย

แผนใหม่คือ การเบิกช้างตกมันจากโรงหลวงมา กรอกเหล้าให้ช้างเมาแล้วให้ควายไสช้างเข้าแทงพระสังข์(ลงทุนจริงๆฆ่าเด็กคนเดียว) แต่ช้างกลับปักงาตนเองลงดินไม่กล้าแทงใส่พระสังข์(สัตว์ยังรู้) ทางเสนาก็เริ่มขึ้นมาว่ามันผิดกับกาลกิณี ของดี(พวกแคล้วคลาด คงกระพัน ชาตรี)ก็ไม่ได้มีพกติดตัวแต่ทำยังไงก็ไม่ตาย ควรเข้าไปแจ้งให้ท้าวยศวิมลทราบก่อนเผื่อท่านจะยังพอคิดอะไรได้อยู่(อีกอย่างชาวบ้านเขาก็เห็นๆกันอยู่ เกิดยังหน้าด้านประหารต่อไป พวกเสนาคงมิวายโดนรุมประชาทัณฑ์) เมื่อเข้าเฝ้าท้าวยศวิมลและนางจันทาเทวี เหล่าเสนาก็เล่าเรื่องราวที่ได้ประจักต์มาทั้งหมดให้ทราบ

ฟังเอยฟังเหตุ บิตุเรศรำพึงตะลึงหลง

หลากจิตผิดใจให้งวยงง เร่งคิดพิศวงสงกา

อัศจรรย์ต้องกันกับหอยปู ลูกกูจริงจังกระมังหนา

วิปริตผิดคนในโลกา เป็นมาแต่ต้นจนปลาย

เสนาเอ็งว่าให้มั่นคง เราสงสัยอยู่ไม่รู้หาย

เมื่อพบประสบลูกชาย มีใครใกล้กรายกุมารา

ริมเรียงเคียงบ้านมารดร หลับนอนกินอยู่สู่หา

รูปทรงส่งศรีกิริยา กุมาราประมาณสักปานใคร

บัดนั้น เสนาทูลแจ้งแถลงไข

เมื่อพบโฉมงามทรามวัย ที่ในบ้านไร่ไพรวัน

มีเรือนตาเฒ่ายายแก่ แคร่ริมชายคาฝากั้น

กระท่อมของเจ้าสักเท่านั้น เห็นแต่จอมขวัญกับลูกยา

ไม่มีผู้ใดมาใกล้กราย อยู่จนโฉมฉายออกไปป่า

จึงเข้าจับกุมกุมารา ร้องอ้อนวอนว่าน่าปรานี

เรียกหาตาเฒ่าเจ้าเรือน ต่างคนต่างเชือนเอาตัวหนี

เด็กนักสักห้าหกปี เหมือนพระภูมีดังพิมพ์เดียว

ท้าวยศวิมลได้ฟังก็นึกแปลกใจ จึงถามเหล่าเสนาว่าหน้าตาพระสังข์เป็นอย่างไรแล้วเรียบเคียงถามถึงนางจันท์เทวี เสนาจึงว่าหน้าตากุมารเหมือนท้าวท่านและบรรยายความเป็นอยู่ของนางจันท์เทวีให้ทราบ แต่ด้วยว่ายังอยู่ในอำนาจเสน่ห์ของนางจันทา จึงทำให้ไม่สามารถออกความคิดเห็นเองได้

ฟังทูล พระอาดูรในจิตคิดเฉลียว

แน่แล้วลูกแก้วพ่อคนเดียว จึงเหลียวถามพลันกับจันทา

น้องรักเจ้าจะเห็นเป็นไฉน พี่จะให้ไปรับโอรสา

กับนางนงเยาว์เจ้าเข้ามา สิ้นเคราะห์พาราที่กาลี

โหราดูว่าเป็นมนุษย์ จะสูงสุดเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี

ลูกข้าบุญญาบารมี ล้างผลาญชีวีจึงไม่ตาย

แล้วตรัสสั่งเสนาพฤฒามาตย์ เอ็งเร่งประกาศบาตรหมาย

รับนางกัลยาที่ตายาย กับลูกชายของเราให้เข้ามา

เมื่อนั้น จันทาทูลทัดขัดว่า

เป่ามนต์จนสิ้นตำรา ร้องห้ามเสนาอย่าเพ่อไป

พระองค์หลงรับมันมาเถิด จะก่อเกิดความเข็ญหาเห็นไม่

แต่เป็นหอยสังข์ยังจัญไร กลับเป็นคนไปอย่าชื่นชม

มิใช่มนุษย์แต่ผลุดมา ว่ามีบุญญาไม่เห็นสม

มันจะให้บ้านเมืองเคืองระทม ด้วยผิดบูรมบูราณไป

ฆ่าฟันมันจึงไม่ปลดปลง จะมาล้างพระองค์ให้จงได้

แม้นทอดทิ้งลงคงคาลัย มีบุญจริงไซร้คงไม่ตาย

ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ(อาจเป็นผลจากสัจจะที่เสนาบรรยายถึงตัวพระสังข์)จึงทำให้อาคมที่นางจันทาเบาบางลง ท้าวท่านจึงเร่งสั่งเสนาให้รีบรับตัวพระสังข์และพระมเหสีกลับมา แต่นางจันทาก็งัดมนตราสารพัดที่เรียนมาเป่าใส่จนหมดแล้วสั่งห้ามเสนาไว้ก่อน(นางออกคำสั่งเสนาได้ อิทธิพลของนางคงไม่ธรรมดาแล้วล่ะ) แล้วหันมากล่อมท้าวยศวิมลด้วยเหตุการณ์ตามคำทำนายที่เคยเกิดขึ้น จึงแนะให้เอาตัวพระสังข์ไปถ่วงแม่น้ำซะ ถ้าพระสังข์มีบุญจริงต้องไม่ตาย

ฟังเอยฟังความ ครั่นคร้ามขามจิตคิดหมาย

จริงแล้วเมียแก้วเจ้าทักทาย เสนาทั้งหลายอย่าไปเลย

มันคือตัวการมาผลาญกู จริงอยู่เขาว่าเสนาเอ๋ย

เราหลงใหลไปกระไรเลย หากนางทรามเชยเจ้าตักเตือน

เนื้อเย็นควรเป็นมเหสี ปัญญาพาทีไม่มีเหมือน

เสนาดูแลอย่าแชเชือน ตักเตือนจองจำให้มั่นคง

พรุ่งนี้แลกูจะดูไป บุญมันฉันใดไม่ผุยผง

ว่าพลางทางชวนนางโฉมยง สององค์คืนเข้าปราสาทชัย

ด้วยประสิทธิภาพของอาคมที่เป่าใส่จนหมดตำรา ท้าวยศวิมลก็กลับมาอยู่ใต้อำนาจนางจันทาเทวีอีกครั้ง จึงเปลี่ยนคำสั่งใหม่เป็นให้ขังไว้ก่อน ๑ คืน รุ่งขึ้นจะขอดูหน้าว่ามีบารมีจริงรึไม่ จากนั้นก็พากันกลับตำหนัก(นางจันทาคงรีบกลับไปอัดอาคมเสริม) จากนั้นก็ตัดบทกลับไปทางนางจันท์เทวีที่หายไปหลายฉาก

เมื่อนั้น นางจันท์มารดาอยู่ป่าใหญ่

เขม่นเนตรเหตุมีไม่แจ้งใจ เก็บได้ผักฟืนก็คืนมา

หาบเดินดำเนินมาตามทาง นกกาลางบินลัดสกัดหน้า

เศียรพองสยองโลมา ตรึกตราหวาดหวั่นพรั่นใจ

หาวนอนอ่านเศียรให้เวียนวัง ยืนนิ่งพิงหลับกับไม้ใหญ่

ฝันว่าขุนมารชาญชัย ตัดเอาเกล้าไปไม่ปรานี

หาบหกตกผลุกสะดุ้งตื่น นางฝืนองค์สั่นขวัญหนี

จิตผูกลูกแก้วแล้วโศกี จับหาบตะลีตะลานมา

พอกลับมาถึงเรือนหาตัวพระสังข์ไม่เจอ จึงรีบหาตายายแล้วถามแทน

บัดนั้น สองเฒ่าเล่าพลางทางร้องไห้

แม่อย่าค้นคว้าหาไป สุดใจยายตาจะป้องกัน

เสนาท่านมาแต่ในกรุง แย่งยุ่งอลหม่านพระหลานขวัญ

ใส่บ่าพาไปแต่กลางวัน ไม่รู้ว่าโทษทัณฑ์ประการใด

เห็นทีจะมีรับสั่ง เมียผัวกลัวดังจะตักษัย

มุดนอนซ่อนดูอยู่แต่ไกล ดังจะขาดใจม้วยด้วยหลานยา

ได้ยิน ล้มผางกลางดินไม่เงยหน้า

สองกรข้อนทรวงเข้าโศกา กัลยากลิ้งเกลือกเสือกองค์

แน่ไปไม่ได้สมประดี เกศีติดต้องละอองผง

ตายายนวดฟื้นคืนคง โฉมยงจับมีดกรีดคอ

ตาฉวยยายชิงทิ้งขว้าง นางง้างเถาวัลย์จะพันศอ

สองเฒ่าเข้าปล้ำน้ำตาคลอ แก้จากคอนางพลางร่ำไร

สองตายายจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง อยากห้ามแต่ก็ไม่กล้าเพราะอีกฝ่ายเป็นขุนนาง กลัวจะมีปัญหาในภายหลัง นางจันท์เทวีรู้เข้าก็จิตตกคิดจะฆ่าตัวตาย ตายายต้องช่วยยื้อกันอุตลุด นางมั่นใจว่าเป็นแผนของนางจันทา จึงรีบออกเดินทางทันที

เมื่อนั้น นางจันท์กัลยาโฉมฉาย

คิดพลางทางผลุนวุ่นวาย ตายายห้ามไว้ก็ไม่ฟัง

ค่ำมืดดึกดื่นก็ตามที ตายเป็นเห็นผีพ่อหอยสังข์

วิ่งหนีตายายเข้าในวัง คลุ้มคลั่งพระทัยร้องไห้มา

สิบห้าวันกันดารฝูงคน เทพย่นหนทางที่กลางป่า

คืนหนึ่งมาถึงพระพารา แฝงฟังกิจจาพระลูกชาย

นางจันทว์เทวีขาดสติ รีบวิ่งกลับเมืองหลวงกลางดึกคืนนั้นโดยที่ตายายไม่ทันห้าม ต่อให้ตายนางก็ขอให้ได้เห็นศพด้วยตาตนเอง จากระยะทางกันดารในป่าคนทั่วไปต้องใช้เวลาเดินทางถึง ๑๕ วัน พวกเทวดาทั้งหลายในป่านั้นก็ย่อพสุธาย่นระยะทางให้ ใช้เวลาเพียงคืนเดียวก็ถึงพระนครจึงแอบสืบข่าวของพระสังข์อยู่จนรุ่งเช้า

เมื่อนั้น ท้าวยศวิมลฤาสาย

ไสยาสน์เหนืออาสน์พรรณราย ไม่วายคำนึงถึงลูกยา

หรือจะเป็นหน่อเนื้อเชื้อไข จึงล้างผลาญอย่างไรไม่สังขาร์

วิปริตผิดคนในโลกา บุญญาธิการชาญชัย

จำกูจะดูกุมารา รูปร่างหน้าตาเป็นไฉน

พระมิได้บรรทมภิรมย์ใน จนรุ่งแจ้งแสงใสพรายพรรณ

เข้าที่ชำระสระสรง สำอางค์ องค์ทรงเครื่องแล้วผายผัน

เสด็จออกยังท้องพระโรงคัล จันทาเฉิดฉันก็ตามไป

จึงดำรัสตรัสแก่เสนี เรานี้ยังพะวงสงสัย

กุมารารูปร่างนั้นอย่างไร เสนีเร่งไปเอาตัวมา

ตลอดคืน ท้าวยศวิมลก็ยังสงสัยในตัวพระสังข์อยู่ ถึงขั้นนอนคิดทั้งคืนนอนไม่หลับ(แต่คงไม่กล้าคิดตัดสินใจอะไรเองเพราะยังโดนอาคมอยู่)จนรุ่งเช้าก็รีบสั่งให้เสนานำตัวพระสังข์มาเข้าเฝ้าทันทีโดยที่นางจันทาเทวีตามประกบดูพฤติกรรมตลอดเวลา

เมื่อนั้น ท้าวยศวิมลเป็นใหญ่

ผาดเห็นลูกยาเข้ามาใน ท้าวไทพิศเพ่งเล็งแล

ทรวดทรงส่งศรีนรลักษณ์ พิศพักตร์ผ่องช่วงดังดวงแข

แก้มเนตรเกศกรรณผันแปร ดูละม้ายคล้ายแม่ที่ขับไป

ทั้งจริตกิริยามารยาท เชื้อชาติผู้ดีไม่มีไพร่

พระจึงดำรัสตรัสไป เราไซร้ขอถามกุมารา

เดิมเหตุเภทพาลประการใด เป็นไฉนจึงได้ไปอยู่ป่า

พ่อแม่ชื่อไรไฉนนา ชันษาเจ้าได้สักกี่ปี

เราเห็นใช่ทรพลเป็นพ้นนัก เห็นสมศักดิ์พักตราเป็นราศี

บอกพ่อเถิดราอย่าโศกี เจ้านี้มีนามกรใด

เมื่อนั้น พระสังข์ไหว้พลางทางร้องไห้

แม่ข้าอยู่ป่าพนาลัย เก็บผักหักไม้ด้วยยากจน

แม่ข้าว่าพ่อเสวยวัง เกิดมาข้ายังไม่เห็นหน

แม่ข้าคลอดมาประหลาดคน หอยสังข์บังตนข้าออกมา

คนยุบิดาให้ขับไล่ แม่ข้าพาไปอยู่ในป่า

อยู่หลังข้าออกจากสังข์มา มารดาตีแตกให้แหลกไป

แม่ข้าชื่อจันท์เทวี ข้านี้ชื่อสังข์ตามวิสัย

ด้วยความยากจนเป็นพ้นใจ ข้านี้เขาไปจับเข้ามา

ลุงหรือเขาลือว่าเป็นเจ้า ใช้เขาไปจับเอาตัวข้า

กริ้วโกรธโทษภัยไฉนนา จำจองขื่อคาดังข้าไท

ลุงโปรดปล่อยข้าไปหาแม่ ป่านนี้ตั้งแต่จะร้องไห้

ใครจะช่วยหาหม้อก่อไฟ เฝ้าทับขับไล่ไก่กา

ได้ฟัง ชลเนตรไหลหลั่งทั้งซ้ายขวา

แน่แล้วลูกแก้วของพ่ออา ให้ถอดลูกยาออกทันใด

รับมาใส่ตักแล้วชมเชย ลูกเอ๋ยมาเป็นเช่นนี้ได้

สงสารมารดามาแต่ไพร ไม่เห็นจะไห้โศกี

จูบพักตร์ลูบพลางทางรับขวัญ ทรงธรรม์ไม่วายกันแสงศรี

ลืมคำจันทาพาที ภูมีพิศวาสเพียงขาดใจ

ท้าวยศวิมลเห็นหน้าพระสังข์มีเค้าความเหมือนรวมถึงกิริยามารยาทก็ดูเหมาะสมจึงคิดจะลองภูมิถามคำเรื่องราวต่างๆ ซึ่งพระสังข์ก็ตอบกลับไปเป็นชุด ท้าวยศวิมลได้สติคืนมาวูบหนึ่งจึงสั่งให้ถอดตรวนพระสังข์ออกแล้วอุ้มขึ้นนั่งตักเจรจา แต่ดูเหมือนว่าบารมีพระสังข์ในตอนนี้ยังน้อยเกินไปจึงไม่สามารถต่อกรกับอิทธิพลและอาคมของนางจันทาได้

เมื่อนั้น จันทาตัวเข็ญเป็นใหญ่

เดือดฟุ้งพลุ่งพล่านทะยานใจ เข้าใกล้แฝงหลังบังองค์

ร่ายมนตร์เป่าพลางทางทูลมา อนิจจาผ่านฟ้านี้คนหลง

เหตุไรจึงให้งวยงง หลงเชื่อฟังมันฉันใด

เพลิงกาฬจะมาผลาญพระบุรี เพราะลูกคนนี้หรือมิใช่

แม้นมิถ่วงลงคงคาลัย ภูวไนยจะม้วยมรณา

ฟังเมียแก้ว จริงแล้วลืมเสียที่เจ้าว่า

เสื่อมสร่างวางองค์พระลูกยา เหวยเหวยเสนาเอาตัวไป

ผูกมัดรัดถ่วงให้มรณา จะงดไว้ช้านานไม่ได้

เพลิงกาฬจะมาผลาญเอาเวียงชัย เร่งไปบัดนี้อย่าได้ช้า

นางจันทาจัดแจงเข้าใกล้เป่ามนตร์ซ้ำใส่ แล้วยกเรื่อเหตุอาเพทในคำทำนายมาอ้างซ้ำทำให้ท้าวยศวิมลรีบสั่งให้มัดตัวพระสังข์นำไปถ่วงแม่น้ำทันที

บัดนั้น เสนารับสั่งใส่เกศา

เคืองแค้นแสนสันนางจันทา กระซิบด่าในใจใม่เว้นคน

พระทรงฤทธิ์เห็นผิดกว่าแต่ก่อน กลับกลอกยอกย้อนไม่เป็นผล

กลัวพระกาฬจะมาผลาญอยู่ลานลน ต่างคนต่างพาเอาตัวไป

นางจันทาขนาดข้าราชบริพารยังเกลียดเลย แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรได้แต่แอบด่ากันในใจ และยังสังเกตเห็นว่าท้าวยศวิมลผิดปกติด้วย แต่คงจะไม่รู้สาเหตุรึวิธีแก้ไขจึงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง

ฝ่ายว่าสังข์ทองเจ้าร้องจ้า น้าขาจะพาข้าไปไหน

ทุบตีฆ่าฟันหรือฉันใด ข้าไหว้อย่าพาข้าไปเลย

ลุงเจ้าขาจงมาช่วยฉันด้วย ลูกจะม้วยจริงแล้วพ่อคุณเอ๋ย

แม่ข้าไม่มาตามลูกเลย ลุงตาน้าเอ๋ยไม่เห็นใคร

ฝ่ายว่าองค์พระบิตุเรศ สังเวชไม่กลั้นกันแสงได้

ตรัสสั่งมหาเสนาใน อย่าพาไปเลยเจ้าเอากลับมา

จันทาทูลพลันทันที ตรัสเล่นเช่นนี้ดีหนักหนา

แม้นมิถ่วงมันให้มรณา ข้าจะกินยาตายไม่อยู่เลย

พระดำรัสตรัสสั่งเสนี เอาไปเถิดสิเสนาเอ๋ย

เอาไว้กูไม่สบายเลย กรรมเอ๋ยเวรใดได้ทำมา

ล้างผลาญอย่างไรก็ไม่ม้วย กูจะไปดูด้วยเมื่อเข่นฆ่า

สั่งพลางชวนนางจันทา เสนานำไปที่หน้าแพ

พระสังข์ไม่ยอมอยู่แล้วจึงขอร้องขึ้นมา ท้าวยศวิมลจึงกลับคำสั่งอีก นางจันทาจึงงัดไม้เด็ดขึ้นมาใช้ ถ้าพระสังข์ไม่ตายนางจะกินยาตายให้ดู ซึ่งนางคงไม่กล้าทำจริงหรอก ลงทุนจนได้ตำแหน่งมเหสีมาแล้วนี่ ถ้าในยามปกตินางขู่ท้าวท่านด้วยวิธีนี้ ท้าวท่านคงเป็นคนจับกรอกยาเองด้วยซ้ำ(ประทานยาพิษมันน้อยไป)แต่ด้วยตอนนี้ท้าวท่านอยู่ใต้อาคมนางจันทา นางจึงกล้ายกวิธีนี้ขึ้นมาใช้และก็สำเร็จ ท้าวท่านเลือกนางจริงๆ

เสนาจูงมาผูกมัด ฝูงคนแออัดอยู่เซ็งแซ่

แล้วใส่นาวาไปหน้าแพ ด้วยกระแสรับสั่งพระภูวไนย

เมื่อนั้น นางจันท์ชนนีศรีใส

ได้ข่าวลูกแก้วแววไว ดังจะขาดใจตายด้วยลูกยา

สองกรข้อนทรวงเข้าผางผาง ดังนางจะม้วยสังขาร์

ผุดลุกหันหุนหมุนมา ตรงไปยังท่าชลาลัย

บาทาแตกคุพุพอง หนามต้องตามติดหาปลิดไม่

ล้มลุกคลุกคลานทะยานไป กลัวจะไม่เห็นองค์พระลูกยา

เช่นเคย การประหารพระสังข์ในครั้งนี้ ทำในที่แจ้งไม่มีการปิดบังอำพรางและคงมีการป่าวประกาศด้วย ชาวประชาจึงมารอดูอยู่เต็มท่าน้ำไปหมด พอนางจันท์เทวีได้ข่าวจึงรีบไปยังท่าน้ำ เท้าแตกเท้าพองถูกหนามตำนางก็ไม่สนใจ รีบวิ่งไปถึงท่าน้ำเห็นพระสังข์อยู่ก็ล้มลง(คงยืนไม่ไหวแล้ว)ริมท่าน้ำนั้นไม่รู้จะช่วยยังไง

ฝ่ายองค์พระสังข์กุมารน้อย ตั้งแต่ละห้อยโหยไห้

แลเห็นมารดามาแต่ไกล ดีใจร้องเรียกพระมารดา

แม่คุณจงช่วยลูกด้วยที เขาผูกมัดรัดตีแล้วทุบด่า

แล้วมิหนำซ้ำมัดรัดกรมา มารดานิ่งได้ไม่ปรานี

เขาจะโยนลูกลงในคงคา ไม่ช้าจะม้วยไปเป็นผี

แม่วานเขาส่งลงมาที ชนนีนิ่งได้ไม่เอ็นดู

ลูกอยากขนมนมแม่ น้าแก้ปล่อยให้ไปสักครู่

เสนาน้ำตาลงไหลพรู ที่พาลข่มขู่ด้วยกลัวภัย

ดูท่าพระสังข์นี่จะขี้ใจน้อยตั้งแต่เด็กนะ พอจะขอให้พวกเสนาแก้มัดให้เสนาดีก็สงสารอยากช่วย แต่ก็ถูกพวกที่กลัวตายขู่(เสนาบางคนคงรับเงินนางจันทามาเยอะนั่นแหละ ไม่ก็ถูกซื้อตัวไว้นานแล้ว)

ฟังลูกว่า มารดาข้อนทรวงเข้าร้องไห้

มิได้คิดชีวิตจะขาดใจ จะโจนน้ำลงไปมิได้นาน

คนดูที่รู้จักองค์ ยุดห้ามโฉมยงด้วยสงสาร

นางเสือกเกลือกกลิ้งกับดินดาน เยาวมาลย์ข้อนทรวงเข้าโศกี

แล้วแลเห็นองค์ผัวขวัญ ยอกรอภิวันท์เหนือเกศี

ลูกข้ากระจิริดผิดไม่มี ขอประทานชีวีพระลูกชาย

เมื่อนั้น ท้าวยศวิมลฤาสาย

พะว้าพะวงไม่ตั้งกาย แว่วเสียงโฉมฉายเจ้าเรียกมา

ชะแง้แลเห็นมเหสี เทวีบังคมเหนือเกศา

จำได้มั่นคงไม่สงกา พระราชาพยักกวักกร

เร่งเรียกสำเหนียกแก่เสนา ให้ถอยนาวาเข้ามาก่อน

เสนากลับท้ายพายคอน จันทาโบกกรไปทันที

ไม่กลัวหัวจะขาดหรือไฉน โยนมันลงไปให้เป็นผี

ไว้ไยให้นานจนป่านนี้ อ้ายนี่ขัดรับสั่งหรือฉันใด

เสนาตกใจอยู่ลนลาน อุ้มพระกุมารมาหาช้าไม่

ผูกหินโยนพลันทันใด สองกษัตริย์สลบไปทั้งสองรา

นางจันท์เห็นดังนั้นจึงตั้งท่าจะโดดลงน้ำ แต่คนที่จำหน้านางได้ช่วยกันยุดไว้(น้ำคงเชี่ยวและลึกมาก) นางจึงมองไปพบท้าวยศวิมลจึงขอร้องให้ท้าวท่านให้ไว้ชีวิตพระสังข์ ท้าวยศวิมลยังพอมีสติอยู่บ้างจึงกวักมือให้พายเรือ(รึแพ?)กลับมา แต่นางจันทากลับโบกมือ(ส่งสัญญาณ?)แล้วอ้างรับสั่งของฝ่าบาท ให้รีบโยนพระสังข์ลงน้ำไป(คนที่โยนพระสังข์ก็น่าจะเป็นพวกที่รับเงินนางมานั่นแหละ) เมื่อถ่วงพระสังข์ลงไปทั้งท้าวยศวิมลและนางจันท์เทวีก็ช๊อคจนสลบไป

เมื่อนั้น จันทาดีใจเป็นหนักหนา

เห็นพระสลบซบพักตรา ต้องดูรู้ว่าไม่บรรลัย

เอาน้ำสุคนธามาลูบพักตร์ ผัวรักค่อยฟื้นคืนมาได้

ร่ายมนตร์เป่าพลางทางทูล ไป จะโศกาอาลัยไปไยมี

เชื่อว่าบุญหนักศักดิ์ใหญ่ พอโยนลงไปก็เป็นผี

มันเสี้ยนทรชนคนไพรี แม้นดีลูกชายจะตายไย

เมื่อนั้น พระภูวดลยังหม่นไหม้

แสนสงสารบุตรนั้นสุดใจ น้ำพระเนตรหลั่งไหลลงนองแนว

ขุ่นข้องต้องมนต์ของจันทา เสื่อมสร่างวิญญาณ์ถึงน้องแก้ว

เจ้าว่าถูกทุกสิ่งจริงแล้ว คลาดแคล้วคืนหลังเข้าวังใน

บัดนั้น ฝูงคนถ้วนหน้าน้ำตาไหล

แลเห็นโฉมงามทรามวัย เกลือกกลิ้งนิ่งไปไม่ไหวองค์

จึงวักตักเอาชลธี ประพรมโฉมศรีไม่ผุยผง

ครั้นเจ้าค่อยฟื้นคืนคง ปลอบโยนโฉมยงให้ไคลคลา

เมื่อนั้น โฉมศรีมีจิตคิดโหยหา

ชะแง้แลดูพระลูกยา นางข้อนอุราเข้าร่ำไร

นางจันทาเห็นท้าวยศวิมลสลบลงก็จัดแจงเอาน้ำหอมเข้าลูบ พอฟื้นนางก็ร่ายมนตร์กันเหนียวเป่าไปทันที แล้วก็อ้างว่าพอโยพระสังข์นลงไปก็ไม่โผล่ ท้าวท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรเห็นตามนางจันทาแล้วก็รีบพากันกลับเข้าวังไปทันที(คงสู้หน้านางจันท์เทวีไม่ได้ด้วย) ทางด้านนางจันท์เทวีเองชาวบ้านก็วักน้ำในแม่น้ำนั้นมาพรมให้จนฟื้นแล้วปลอบใจนาง โดยไม่รู้ว่า พระสังข์ยังไม่ตาย(แต่ที่ไม่ยอมโผล่มาเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นเป้านิ่งอีก หากต้องการต่อกรกับอิทธิพลและอาคมของนางจันทาเทวี พระสังข์เองจำต้องมีอำนาจและบารมีให้มากกว่านี้เช่นกัน ซึ่งหลายปีต่อมาหลังจากผ่านเหตุการณ์การตีคลีกับพระอินทร์(ท้าวสักกะ)แล้ว พระสังข์ก็มีอำนาจพอที่จะต่อกรกับนางจันทาเทวีในที่สุด)

หมายเลขบันทึก: 649268เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2018 16:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม 2018 16:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ได้ความรู้มากครับ

ได้ความรู้มากครับ

ได้ความรู้มากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท